ไหนจะละคร หลากหลายแนว ทั้งตลก ดราม่า ย้อนยุค ฯลฯ ไหนจะรายการวาไรตี้ต่างๆ เกมโชว์ก็เยอะแยะมากมาย สารคดีหรือแม้แต่เรียลลิดี้โชว์ และอีกหลากรูปแบบรายการที่ไม่ได้พูดถึง แต่ละรายการก็มีสีสันที่แตกต่างกันออกไป และก็มีหลายรายการที่ติดตรึงใจคนไทยยาวนานมานับกว่า 10 ปี บางครั้งการจะทำให้สิ่งหนึ่งติดตราตรึงในหัวใจของผู้บริโภค ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ทว่ามีรายการอะไรบ้างนะ ที่อยู่มานานนับแรม 10 กว่าปีมาให้เราได้รู้จัก เติบโตและใช้ชีวิตไปด้วยกัน...

      “ชิงร้อยชิงล้าน” รายการที่อยู่กับชีวิตของคนไทยมาหลากหลายรุ่นมากๆ โดยเริ่มออกอากาศครั้งแรกตั้งแต่ พ.ศ. 2533... เป็นรายการเกมโชว์ที่เข้มข้นด้วยรูปแบบรายการที่มักเรียกอารมณ์คนดูทั้งตลก สนุก ลุ้นแค่นี้ยังไม่พอ ชิงร้อยชิงล้านมักจะสอดแทรความรู้ต่างๆ มาคอยส่งให้กับผู้บริโภคเสมอๆ ซึ่งคงไม่แปลกที่รายการนี้จะได้รับรางวัลมาการันตีคุณภาพมาแล้วมากมาย โดยพิธีกรที่มีผลต่อความโด่งดังและติดตราตรึงใจคนดูก็คือ “ปัญญา นิรันดร์กุล” และ “มยุรา เศวตศิลา” ซึ่งถือว่าเป็นอีกสองพิธีกรที่มีคุณภาพและอยู่คู่รายการและทำให้คนดูติดภาพ คู่พิธีกรคู่นี้ไปอีกนานเลยทีเดียว จนถึงปัจจุบัน “ชิงร้อยชิงร้าน” ก็ยังเป็นรายการที่ได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย โดยเฉพาะช่วงที่มีทีมสามช่า “หม่ำ-เท่ง-โหน่ง” และช่วงการแข่งขันเกม ที่สนุกถูกใจแฟนรายการๆ มาตลอด

       หนึ่งรายการวาไรตี้ทอล์คโชว์ที่ถือว่าแทบจะเป็นรายการในตำนานวงการโทรทัศน์บ้านเรามานานกว่า 10 ปี “จันทร์พันดาว” หรือชื่อเดิม “จันทร์กระพริบ” ซึ่ง ออกอากาศครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ. 2532 ความโดดเด่นของจันรทร์กระพริบหรือจันทร์พันดาวนั้นอยู่ตรงที่แขกรับเชิญที่ เชิญมาในรายการจะต้องร่วมแสดงโชว์ความสามารถในการร้องเพลงในช่วงแรกที่ต้อน รับ หลังจากนั้นจึงมีการพูดคุยโดยพิธีกรทำหน้าที่สัมภาษณ์ในช่วงถัดไป จนกระทั่งช่วงสุดท้าย ถือเป็นอีกหนึ่งสีสันของรายการเพราะจะมีการเล่นละครสั้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นละครแนวตลกเพื่อสร้างความฮาให้กับผู้ชมเป็นอย่างดีในการ ปิดท้ายรายการ สำหรับผู้ดำเนินรายการเป็นพิธีกรนั้นเริ่มต้นจากหญิงเก่งอย่าง “ผุสชา โทณะวณิก” คู่กับ “ดร.อภิวัฒน์ วัฒนางกูร” ในรายการจันทร์กระพริบ และในเวลาต่อมา “ซี-ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์” และ “กบ-สุวนันท์ ปุณณกันต์” ทำหน้าที่พิธีกรในจันทร์พันดาว จนมาถึงช่วงเวลาที่ “กบ สุวนันท์” ตั้งท้องลูกคนแรกแล้วได้ขอพักเบรกไป รายการจึงถูกปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็นการแข่งขันร้องเพลงชิงเงินรางวัล 1 ล้านบาทของผู้ชมมทางบ้านโดยมี “ซี-ศิวัฒน์” ทำหน้าที่พิธีกร ร่วมด้วย “เอกชัย ศรีวิชัย, ยิ่งยง ยอดบัวงาม, อาภาพร นครสวรรค์” มาสร้างความสนุกสนานในทุกคืนวันจันทร์

      หนึ่งเวทีที่คอยเสิร์ฟอารมณ์ผ่อนคลายให้กับผู้เปิดโทรทัศน์ดูอยู่กับบ้านในวันเสาร์ ก็คือเวที “7สี คอนเสิร์ต” เวทีที่อยู่คู่กับชาวไทยมานานนักต่อนักแล้วเช่นกัน ซึ่งออกอากาศครั้งแรกตั้งแต่ พ.ศ. 2529 เวที 7 สีคอนเสิร์ตเป็นเวทีที่ไม่เคยปิดกั้นศิลปิน นักร้องที่จะมาโชว์บนเวที เป็นอีกหนึ่งเวทีที่ให้ศิลปินหลากหลายแนวเพลงมาแวะเวียนกันขึ้นโชว์ในทุกๆ วันเสาร์ ไม่ว่าจะเป็น ลูกทุ่ง ป๊อป ร็อค อินดี้ รวมถึงลูกทุ่ง นั่นก็เพื่อเป็นการส่งมอบความสุขให้กับผู้ชมทั่วทุกลุ่มความต้องการ และหลายคนที่เกิดไม่ทันคงตกใจกันเล็กๆ แน่หากรู้ว่าผู้มารับหน้าที่เป็นพิธียุคแรกของเวทีนี้คือนักร้องซุป เปอร์สตาร์อันดับ 1 ประเทศไทยอย่างพี่ “เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย” โดยทำหน้าที่พิธีกรคู่หูกับคุณ “มยุรา ธนะบุตร” ในยุคนั้น โดยพี่เบิร์ดนั้นยังได้รับรางวัลการันตีในเวทีรางวัลเมขลา เป็นรางวัลผู้ดำเนินรายการดีเด่นชาย ปี 2529 อีกด้วย ส่วนคุณมยุราก็มารับรางวัลผู้ดำเนินรายการดีเด่นหญิงในปีถัดไป 2530 และตัวรายการก็ได้รับ รายการเพลงดีเด่นในปีเดียวกัน ในยุคปัจจุบันพิธีกรของรายการก็คือ “น้ำ-รพีภัทร เอกพันธ์กุล” และ “เชียร์-ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์”

      “ตี10” หรือ “AT10” หรือรายการ “สี่ทุ่มสแควร์” รายการวาไรตี้ทอล์คโชว์ดีๆ เริ่มออกอากาศครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2532 หนึ่งรายการที่มีสีสันทุกช่วงรายการให้ได้ติดตามกัน โดย 1 ใน 3 ช่วงที่ได้รับการตอบรับดีมากๆ จากผู้ชมก็คือช่วง “ดันดารา” โดยเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ชมทางบ้านที่คัดเลือกโดยทีมงาน โดย “ปุ๊ย-คืนสิทธิ์ สุวรณวัฒกี” หนึ่งในพิธีกรของรายการ ให้ขึ้นมาแสดงความสามารถบนเวที โดยตัดสินให้ผู้ได้รับคะแนนสูงสุด เป็นผู้ได้รางวัลจากผู้แข่งขันครั้งละ 3 คนจากคณะกรรมการ 3 ท่าน คืออาจารย์ “เชน-จตุพล ชมภูนิช”, “ครูอ้วน-มณีนุช เสมรสุต” และ “โน้ต เชิญยิ้ม” และสำหรับ 2 ช่วงที่เหลือก็ไม่เคยได้รับความนิยมไปน้อยเลยเช่นกัน โดยช่วงสนทนา เป็นอีกหนึ่งช่วงที่คนดูมักตั้งหน้าตั้งรอคอย เพราะเป็นพิธีซึ่งรับหน้าที่โดยคุณ “วิทวัส สุนทรวิเนตร์” ที่สามารถเจาะลึกเรื่องราวของคนที่ถูกสัมภาษณ์ได้อย่างถึงพริกถึงขิงและมีรส ชาดชนิดเรียกน้ำตาได้จากคนดูไม่น้อยหากมันเป็นเรื่องเศร้า

      หนึ่งรายการสารคดีคดีสั้นที่ได้รับความนิยมสูงสุด ที่เราจะมองข้ามและปฏิเสธไม่ได้ว่าอยู่กับวงการโทรทัศน์บ้านเรามานานนับ 20 ปี นั่นคือ “กระจกหกด้าน” โดยออกอากาศครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ.2526 โดยที่มาของคำว่ารายการกระจกหกด้านมาจากคำสอนของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ที่ว่า คนเราทุกวันนี้ ดีแต่ส่องกระจกด้านหน้าแต่เพียงด้านเดียว ให้เอากระจกหกด้านมาส่องเสียบ้าง แล้วจะเห็นเอง...

       โดยสารคดีสั้นทุกชุดของรายการ “นางสุชาดี มณีวงศ์” ซึ่ง เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทผู้ผลิตรายการ และเป็นผู้รับหน้าที่บรรยาย และคัดสรรข้อมูลที่นำมาผลิตในรายการ โดยรายละเอียดของสารคดีที่นำมาเสนอนั้นแบ่งเป็น 6 หมวดหมู่ ประกอบไปด้วย ศิลปวัฒนธรรม ชีวิตและสิ่งแวดล้อม อาหารและโภชนาการ สุขภาพและวิทยาศาสตร์ บุคคลและสังคม รวมถึงปกิณกะสาระคติ  ♦