กตเรียกทูตเขมร รับหนังสือ ประท้วงเหตุปะทะ
‘บัวแก้ว’ จ่อ ออกแถลงการณ์แจงข้อเท็จจริงนานาชาติ เหตุไทยปะทะเขมร ที่ตาควาย-ตาเหมือนธม ยัน เขมรเปิดฉากยิงก่อน ต้องตอบโต้ตามสถานการณ์ เรียกทูตเขมรรับหนังสือประท้วงอย่างเป็นทางการ ยันเดินหน้าประชุม เจบีซี-จีบีซีต่อ…
เมื่อเวลา 13.00น. วันที่ 22 เม.ย.ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ พร้อม นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ และนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรมว.ต่างประเทศ เปิดแถลงยืนยัน เหตุการปะทะกันของหน่วยลาดตระเวน ทหารไทยกับกองทหารกัมพูชา ที่บริเวณ ปราสาท ตาควาย และปราสาทตาเหมือนธม อ. พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เมื่อช่วงเช้าตรู่ที่ผ่านมา จนมีทหารไทยพลีชีพ 4 นาย และ บาดเจ็บเป็นจำนวนมาก รวมถึงต้องมีการอพยพประชาชนตามแนวชายแดนไปในพื้นที่ปลอดภัย เพราะมีกระสุนปืนตกใส่บ้านเรือน
รมว.ต่างประเทศ กล่าวยืนยันว่า เหตุการณ์ปะทะสาเหตุเกิดจากกองกำลังทหารที่มีหน้าที่ลาดตระเวนของไทย บริเวณปราสาทตาควายพบกองกำลังลาดตระเวนทหารกัมพูชา เข้ามาในพื้นที่ปราสาทตาควาย
“เบื้องต้น ทหารไทยพยายามเจรจาผลักดันให้กำลังกัมพูชาออกจากพื้นที่ และไม่เป็นผล ทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงกองทหารไทยก่อน การปะทะเกิดใน2ครั้ง ในช่วงเวลาตั้งแต่ 06.30น. จนถึง 09.45น. จึงสงบลง ทั้งนี้ นายกษิตย้ำทหารต้องทำหน้าที่รักษาอธิปไตยจึงต้องมีการปะทะ ส่วนกรณีการดูแลประชาชนในพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบต้องอบยพออกจากบ้านเรือนจำนวนหลายพันคน นั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผุ้ดูแลแล้ว” นายกษิต กล่าว
นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศเตรียมออกหนังสือเรียกเอกอัครราชทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย มารับเพื่อเป็นการประท้วง อย่างเป็นทางการจากไทยโดยตรงในวันนี้ ขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศเตรียมออกแถลงการณ์เพื่อชี้แจงให้ประชาคมโลกได้เข้าใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยืนยันไทยไม่ให้ใครมาละเมิดอธิปไตยของประเทศ
ส่วนกรณีจะมีการประชุมเจบีซี จีบีซี และ อาร์บีซี ต่อไปอีกหรือไม่ นายกษิตกล่าวว่า ยังคงมีการดำเนินการต่อไป แต่การประชุมเจบีซี ที่มีการถอนร่างฯออกจากสภาที่ผ่านมา เนื่องจาก กระทรวงการต่างประเทศ ได้มอบหมายให้กระทรวงกลาโหมและกรมแผนที่ทหารประสานไปยังกัมพูชา ให้ดำเนินการเจรจาปักปันเขตแดนให้แล้วเสร็จก่อน จากนั้นจึงจะนำร่างเจบีซีกลับเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาอีกครั้ง ขณะที่ยอมรับว่า บริษัทเอกชน จากประเทศเดนมาร์ก จะเป็นผู้้ทำหน้าที่ถ่ายภาพมุมสูงต่อไป
ขณะที่ฝ่ายไทยขอเรียกร้องไปยังกัมพูชาว่า ให้เคารพสิทธิของกันและกัน การปะทะกันเกิดขึ้นได้ง่าย แต่ผู้ที่ได้รับผลกระทบคือประชาชน ดังนั้น เห็นควรให้ใช้การเจรจาแทน เพื่อให้พื้นที่บริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยาวกว่า 800 กม. กลับคืนมาสู่สันติอีกครั้ง
อย่างไรก็ดี นายกษิต กล่าวอีกว่า ในการประชุมมรดกโลก ที่เตรียมจะจัดขึ้นในเดือน มิ.ย.ที่จะถึงนี้ นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว. ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะ ประธานจะทำหน้าที่เป็นหัวหน้าคณะกรรมการพิเศษ เจรจาฝ่ายไทย เหมือนเดิมไม่มีปัญหา ขณะที่ ในเดือน พ.ค. ทูตยูเนสโกจะได้เป็นตัวกลาง ประสานให้ทางไทยกับกัมพูชา ได้พบหารือกัน ก่อนที่จะถึงการประชุมมรดกโลกในเดือนมิ.ย.เพื่อที่จะได้ไม่มีการทะเลาะกันในที่ประชุม
ขณะที่ ล่าสุด นายกษิต ยอมรับว่า กระทรวงการต่างประเทศมีการเชิญนักกฎหมาย และยังว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายจากต่างประเทศ จำนวน 3 คน เดินหน้าศึกษาปัญหาการขึ้นทะเบียนมรดกโลกของกัมพูชาอย่างละเอียด เพื่อไม่ให้เกิดความเสียเปรียบ ในการเจรจาในการประชุมมรดกโลกที่จะมีขึ้นในเดือน มิ.ย. นี้
ที่มา : http://www.thairath.co.th/content/pol/165996