ในบางเวลาที่ต้องยืนเพียงลำพังแม้ในชีวิตจะมีสีสัน แต่รอบๆข้างมันช่างเป็นสีเทาเหลือเกิน
บางทีที่แหงนมองดูอะไรที่อยู่สูงและสวยงาม แต่ความหม่นหมองในใจก็ยังต้องยั้งตัวเองไว้ไม่ไปสัมผัสมัน แม้จะเอื้อมถึง
บางครั้งที่ต้องกอดตัวเองเมื่อยามที่หนาวเหน็บเพียงเพื่อให้มีไออุ่นพอที่จะเริ่มอะไรๆได้ในวันใหม่
ที่อาจจะยิ่งเหน็บหนาวกว่าวันนี้ใครจะรู้ได้
บางสิ่งบางอย่างก็เหลือเพียงอดีตที่ยังมีสีสันให้จดจำ แต่ก็ไม่มีแล้ว..ซึ่งความเป็นจริง
แม้จะมีรอยร้าวสักเพียงใด แต่ว่าใจจริงๆแล้วมันก็ยังมีสายใยเล็กๆที่ยังไม่ขาดสนิทที่ยังคงให้จดจำอยู่เสมอ
วันเวลาเก่าๆ ได้เก็บภาพแห่งความทรงจำนั้นไว้ในส่วนลึก ระหว่างคำว่า " เรา "
แม้จะผ่านไปนานเท่าไร เวลาก็ไม่อาจลบเลือนความรู้สึกและความทรงจำในใจไปได้ง่ายๆเลย
เมื่อได้สัมผัสกับสายน้ำ จึงได้รู้ว่ากับความเยือกเย็นชุ่มฉ่ำของสายน้ำนั้น
ก็ยังไม่อาจเท่าความเยือกเย็นเหน็บหนาวภายในใจที่ยิ่งกว่า เกินแสดงออกไป
การเดินเพียงลำพัง อาจทำให้รู้ว่างบนถนนนั้นมันกว้างเสียจนทำให้หวาดหวั่นในใจจริงๆ
เส้นทางนั้นแม้ไม่มีอุปสรรคใดๆ แต่จะมีความหมายอะไร ถ้าไม่มีแม้ใครอยู่ให้เดินร่วมทางกัน
มีอยู่อย่างหนึ่งที่คล้ายกันแต่เรารับรู้ต่างกัน คือการขึ้นรำไรของดวงอาทิตย์ในตอนเช้าที่สดใส เริ่มชีวิตวันใหม่ต่อไป
และการคล้อยต่ำเลื่อนตกลงไปของดวงอาทิตย์ในยามเย็นที่ดูหม่นหมองและให้คิดว่าชีวิตพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร
ใจของเราบางที่ก็เปรียบไปได้ดั่งท้องฟ้าและก้อนเมฆ ที่มักจะแปรปรวนเปลี่ยนไปกับภาวะทางธรรมชาติของอารมณ์
ทุกๆยามในมุมเดียวกัน หากเพียงแค่ขาดสีสันที่จะแต่งเติม
มันก็กลายเป็นมุมที่ว่างเปล่า แต่บวกความเงียบเหงาไปอีกหลายเท่าตัวเลยทีเดียว
คำว่า "รัก" คำว่าเรา "เรา" ที่ถูกขีดไว้และวาดไว้นั้น
อาจจืดจางไปเพราะกระแสของอะไรบางอย่าง หรืออาจเป็นเพราะกาลเวลา
ดูสิ..นั่นท้องฟ้าที่แสนไกล บางที่ทะเลก็ดูเหมือนทำให้มันมีเส้นขอบ
แต่จริงๆแล้ว เรามองได้แค่นั้นมันสิ้นสุดเพราะสายตาเรามองได้แค่นั้นยังไงล่ะ
ที่ๆเราเคยอยู่ยังมีสีสันอยู่ในใจนี้เสมอ แม้รอบข้างนั้นจะมืดเทาไป
กาลเวลามิได้นำพาอะไรบางอย่างให้ลบเลือนไปจากใจเลย แม้ไม่มีแล้วซึ่ง "เรา"
แต่บางสิ่งบางอย่าง อาจถูทิ้งให้เดียวดาย ดูไร้ชีวิตจิตใจ ในถนนสายชีวิตที่ยาวไกล
จะอยู่และเดินไปอย่างไร หรือต้องคอยใครมาเติมและชุบชีวิตใหม่ให้ดีดังเดิม
โลกนี้ดุจความฝัน เรามองเห็นพระจันที่แสนไกล เราไปสัมผัสมันได้ในฝันนั้น แต่หากความเป็นจริง
เรายังคงจ้องมองมันอยู่แสนไกลแม้ในใจอยากจะไปสัมผัสให้ได้จริงๆ
บางที ที่ๆสามารถนั่งได้คนเดียว ก้อาจเป็นที่รกร้างและไม่ต้องการที่จะสัมผัสมันเพียงลำพัง
จึงไม่มีความหมายใดๆในที่แห่งนั้นสำหรับความเดียวดาย
นั่นสิ โลกนี้ช่างกว้างไกล และมีผู้คนมากมาย แต่ทำไมมุมที่เราได้พานพบ และหยุดรออะไรบางอย่าง
ถึงเป็นแค่มุมเล็กๆที่เหมือนจะไม่มีใครเคยกล้ำกลายผ่านเข้ามาเลย
บางทีในความรู้สึกนึกคิดที่เดียวดาย จะต่างอะไรไปกับใจเราเองที่เคว้งคว้างในทะเลกว้างใหญ่เพียงลำพัง
แม้จะมีแสงสว่างจากเทียนเล่นน้อยบ้าง แต่ความอ้างว้างก็ไม่เคยจางจากใจซักที
บางอย่างก้คือสิ่งที่รกร้างร้างในหัวใจ ยามไร้ซึ่งแสงที่กำลังจางจากไปทุกที
ที่ตรงนี้ มีที่ว่างมากมาย ขอเพียงแค่ใครซักคนเข้ามา มันคงจะแคบและไม่ต้องการใครมาเติมอีกเลย
มีเพียงแสงเทียนในหัวใจ รำไรแสงน้อยๆ กับจิตใจซึ่งหวั่นไหวโบกบินไปตามความปราถนาที่จะไป
แม้กายต้องอยู่ลำพังอยู่ที่เดิมนั้นเช่นเคย
เมื่อบางคนได้จากไป ที่ๆเดิมตรงนั้นช่างดูมีความหมายในจิตใจอย่างมากมายจริงๆ
เส้นทาง แม้จะเคยผ่านมาก่อนหรือไม่อย่างไร แต่เราสัมผัสและรู้รู้ได้ถึงทางที่เงียบเหงาไม่ต่างกัน
แสงสะท้อนของสิ่งที่มองดูเป็นสิ่งเดียวกัน แต่ต่างกันที่มุมมองและสีสันที่แต่งเติม
เมื่อกำลังจะสิ้นแสงลงไป ทุกๆสิ่งก้ดูไร้ซึ่งอารมณ์ บางที่การอยู่ก้ยิ่งซ้ำเติมความเงียบเหงา
การจากไปเพื่อกลับมาในวันใหม่ อาจทำให้เราพบอะไรที่ดีกว่า
ดวงตาของเรา แม้ไม่ละเอียดเท่าไร แต่ก้สามารถมองผ่านสิ่งที่เกาะกุมบดบังดวงตานั้นได้ในรางๆ
แต่ดวงใจที่กระจ่าง ย่อมมองได้ทุกๆอย่างแม้ละเอียดหรือลึกเกินหยั่งได้ถึง