โดยการประกาศเมื่อเร็วๆ นี้ว่า บริษัทวางแผนจะลงทุน 24 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ
(ประมาณ 700 ล้านบาท) ร่วมกับบริษัท ECO Plastics (ซึ่งจะร่วมลงขันประมาณ 5
ล้านดอลล่าร์) เพื่อสร้างโรงงานรีไซเคิลขวดพลาสติกในเมืองลินคอนเชียร์ และ
เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โคคาโคล่าก็ได้ทำข้อตกลงเพื่อจะขายพลาสติกที่ผลิต
จากโรงงานให้บริษัทไฮนซ์ ซึ่งจะเริ่มใช้พลาสติกนี้กับซอสมะเชือเทศและเครื่อง
ปรุงรสอื่นๆ ในเดือนมิถุนายน
ข้ามฟากมาที่สหรัฐอเมริกา ธุรกิจเครื่องดื่มเจ้าใหญ่อีกแห่งหนึ่ง คือบริษัท โซดา
สตรีม ก็เพิ่งประกาศตัวไปว่าเร็วๆ นี้บริษัทจะบรรจุเครื่องดื่มในขวดพลาสติกที่
สามารถย่อยสลายได้ในการฝังกลบภายใน 5 ปี เทียบกับขวดพลาสติกปกติใช้
เวลาย่อยสลายถึง 450 ปี ก็เท่ากับลดระยะเวลาลงถึง 90 เท่า
ขวดโซดาสตรีมแบบใหม่ที่เรียกว่า "ขวดชีวภาพ" (Bio Bottles) ผลิตขึ้นโดยเติม
สารจากบริษัท Bio-Tec Environmental เข้าไปในกระบวนการผลิตตามปกติ ซึ่ง
จะใช้กับส่วนขวด ฝา และพลาสติกห่อหุ้ม ซึ่งทำให้ส่วนประกอบทุกส่วนสามารถ
ย่อยสลายได้ในธรรมชาติหรือนำไปรีไซเคิลได้
ถึงแม้ว่าโคคาโคล่า ไฮนซ์ และโซดาสตรีม จะนำเสนอว่าการลงทุนการรีไซเคิล
การเติมสารย่อยสลาย และไม่ใช้ปิโตรเลียมในการผลิตพลาสติก ล้วนช่วยลด
ปริมาณขยะฝังกลบ แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าบริษัทใหญ่ๆ เหล่านี้จะต้องลงทุนอีกมาก
แค่ไหน เราถึงจะเห็นการแก้ไขความเสียหายต่อโลกเราที่ได้ก่อกันไว้
จากการศึกษาของสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมสหรัฐอเมริกาเมื่อเร็วๆ นี้ มีตัวเลข
ว่า ในปี 2009 มีปริมาณขยะจากบรรจุภัณฑ์พลาสติก (รวมทั้งขวด) กว่า 12.53
ล้านตันที่สิ้นสุดด้วยการฝังกลบในสหรัฐ
นอกจากสารเคมีอื่นๆ และผลกระทบที่อาจเป็นอันตรายแล้ว พลาสติกส่วนมากที่ใช้
ในอาหารและเครื่องดื่ม มีสารเร่งฮอร์โมนเอสโตรเจน ในอีกความหมายหนึ่งของ
สถาบันวิทยาศาสตร์สุขภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (สหรัฐอเมริกา) ระบุว่า "พลาสติก
เหล่านี้มีความสามารถที่จะแทรกซึมเข้าสู่ระบบต่อไร้ท่อในร่างกายและและส่งผล
เสียต่อกายภาพ"
รู้อย่างนี้แล้ว บริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มในประเทศไทยอย่ารอช้าอยู่เลย น่าจะลงทุน
ผลิตขวดพลาสติกย่อยสลายได้หรือรีไซเคิลอย่างครบวงจรดู เพื่อแสดงความรับ
ผิดชอบต่อสังคมบ้าง
...แต่จะให้ดีที่สุด "ลด"การใช้พลาสติกด้วยการพกกล่อง กระติก ฯลฯ เป็นวิธีที่ใช้
เงินน้อยที่สุด และเห็นผลมากที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.greenworld.or.th/greenworld/foreign/1207