เวลลิงตัน เมเนเซส เดอ โอลิเวียรา วัย 24 ปี กราดยิงเด็กนักเรียนตาย 13 ศพและบาดเจ็บมากกว่า 20 คน ในเหตุจู่โจมโรงเรียนประถมทาสโซ เด โอลิเวียรา ซึ่งตั้งอยู่ย่านชานเมืองรีโอเดจาเนโรเมื่อวันพฤหัสบ ดี(7)

ในภาพ จากกล้องวงจรปิด จะเห็นศิษย์เก่าของโรงเรียนแห่งนี้ถือปืนอยู่ด้านนอก ของห้องเรียนห้องหนึ่ง และ ณ ห้องเรียนนี้เองที่เขาก่อเหตุกราดยิงนองเลือด ก่อนหันปากกระบอกปืนจ่อศีรษะยิงตัวตายตาม

เด็กหนุ่มรายนี้แต่งตัวดู ดีและถือกระเป๋าเป้เดินเข้า มาและบอกกับเจ้า หน้าที่ของโรงเรียนว่าได้รับเชิญให้ไปบรรยายแก่เด็กๆ ณ ห้องประชุมหนึ่งภายในโรงเรียน แต่จากนั้นเขาก็ลงมือสุ่มยิงเด็กนักเรียนโดยไม่เลือก ด้วยปืนพก 2 กระบอก

เด็ก ชาย 2 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นถูกยิงได้รับบาดเจ็บ วิ่งออกนอกโรงเรียนและเข้าแจ้งเหตุกับเจ้าหน้าที่ตำร วจที่กำลังลาดตระเวน อยู่ห่างออกไป 2 ช่วงตึก จากนั้นตำรวจก็รุดมายังสถานที่เกิดเหตุในทันทีและเกิ ดการปะทะกับมือปืน จนคนร้ายถูกยิงบริเวณขาล้มลงไป ทั้งนี้เมื่อรู้ตัวว่าหนีไม่รอด เขาก็ใช้ปืนจ่อศีรษะลั่นไกปลิดชีพตนเอง

จาเด รามอส นักเรียนรายหนึ่งเล่าว่ามือปืนตะโกนซ้ำว่า "ฉันจะฆ่าแกให้หมดทุกคน เขาฆ่าเด็กไปหลายคนตรงชั้น 1และบริเวณสนามหญ้า"

"เขา สั่งให้เด็กๆหันหน้าเข้าหากำแพงและยิงพวกเขาบริเว ณศีรษะ ขณะที่เด็กๆได้แต่วิงวอนร้องขอชีวิต มีเลือดนองเต็มไปหมด และมีเด็กหลายคนร้องโอดโอยอยู่บนบันได" รามอสกล่าว พร้อมเล่าต่อว่าเธอรอดมาได้เพราะวิ่งหนีเข้าไปในห้อง เรียนห้องหนึ่ง ซึ่งครูทำการล็อคและนำเอาโต๊ะเก้าอี้มาขวางประตูไว้

ในบรรดาผู้เสีย ชีวิตนั้นอายุเพียง 12 ถึง 15 ปี โดยหนึ่งในนั้นมีเด็กชายรายหนึ่งไปเสียชีวิตที่โรงพย าบาล หลังถูกยิงราว 12 ชั่วโมง ทั้งนี้ระหว่างเกิดเหตุ ณ เวลาประมาณ 8.30 น.(ตามเวลาท้องถิ่น) นั้นมีครู นักเรียนและเจ้าหน้าที่อื่นๆ อยู่ภายในโรงเรียนราว 400 คน

โอ ลิเวียรา ทิ้งจดหมายที่มีเนื้อหาวกวนและตะกุกตะกักไว้ ณ ที่เกิดเหตุ บ่งชี้ว่าเขาเตรียมตัวมาสำหรับฆ่าตัวตาย โดยภายในจดหมายมีข้อความที่เขาขอให้อาบน้ำและห่อศพขอ งเขาด้วยผ้าสีขาวที่ อยู่ในกระเป๋าใบหนึ่งซึ่งเขาทิ้งมันไว้ตรงห้องเรียนห ้องแรกที่เขาลงมือกราด ยิง พร้อมบอกด้วยว่าอย่าให้ผู้มลทินใดๆแตะต้องศพของเขาจน กว่าจะสวมถุงมือเสีย ก่อน

เซอร์จิโอ คาบราล ผู้ว่าการรัฐรีโอ เรียกมือปืนผู้ก่อเหตุว่าพวก "จิตวิปลาส" และบอกว่าไม่พบเครื่องบ่งชี้ว่ามีผู้สมรู้ร่วมคิดในเ หตุกราดยิงนี้ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ยังคงจะดำเนินการสืบสวนต่อไป