ต้นไม้ผีสิง
"มัธยันต์" เล่าเรื่องขนหัวลุกในป่าดิบดงดำ
คราวนี้ก็มาถึงต้นไม้ผีสิง!
เคยเห็นต้นไม้ใหญ่น้อยในบ้านในเมือง เห็นว่าสวยงามหรือให้ร่มเงาร่มรื่น น่าอภิรมย์ แต่อย่าเอาไปเปรียบเทียบกับต้นไม้ใหญ่ในป่าดิบดงดำ หรือทุ่งโล่งดงทึบดีกว่า ไม่ว่าสูงลิ่วอย่างต้นสัก ต้นรัง ต้นตะเคียน ต้นยาง ต้นหว้า ฯลฯ
แม้แต่กอไผ่ดงหนา ลมพัดเกิดเสียงออดแอด ซู่ซ่าน่าวังเวงใจ หรือกอไผ่ตายซากที่ไม่ยอมล้ม รวมทั้งยอดไม้ที่โน้มกิ่งใบเข้าหากันเหนือลำธาร ดูลี้ลับน่าวังเวงใจพิลึก
เคยได้ยิน "ไข้ดอกสัก" ไหมครับ?
ยามดอกสักบานสะพรั่ง ผู้คนก็หนาวหัวใจไปตามๆ กัน เพราะเชื่อว่าผีป่ามาสิงต้นสักตั้งแต่ดึกดำบรรพ์แล้ว ถึงเวลาดอกสักบานก็จะเอาชีวิตคนเป็นเครื่องสังเวยปีละครั้ง ใครมาตั้งบ้านเรือนอยู่ใกล้ดงสัก เพราะเห็นว่าเหมาะที่จะเพาะปลูก หรือสะดวกกับการเข้าไปหาของป่าล่าสัตว์ ก็ต้องใจหายใจคว่ำทุกปีตอนหน้าดอกสักบาน
ตายก็ฝัง ยังก็สู้ต่อไป...ทำไงได้ล่ะ?
นอกจากต้นสักก็ยังมีต้นรัง ต้นตะเคียน ที่เชื่อกันฝังหัวว่ามีภูตผีสิงสู่อยู่ทุกต้น!
บางคนก็เรียกโก้ๆ ว่าเป็นรุกขเทวา! คอยกราบไหว้บูชา หรือเซ่นสรวงบ่อยๆ จะได้คุ้มครองให้อยู่เย็นเป็นสุข ไม่เผ่นลงจากต้นไม้หลอกหลอน หรือหักคอเอาดื้อๆ
เชื่อกันว่าผีผู้ชายมักจะสิงสู่อยู่ตามต้นยาง ต้นรัง หรือต้นโพธิ์ไปโน่น ไม่ว่าอยู่ในป่าหรือในเมือง
เดือดร้อนให้คนที่ต้องกลัวผีวันยังค่ำ เพราะเคยกลัวหัวหดมาตั้งแต่ครั้งปู่ย่าตายายแล้วนี่นา กลายเป็นกรรมพันธุ์หรือธรรมเนียมว่าจะต้องกลัวกันต่อไป ไม่งั้นท่านจะทำร้ายเอา
ช่วงหลังๆ มานี่คนเราชักใจคอเหี้ยมหาญขึ้น ยกโขยงไปตัดต้นไม้ด้วยเลื่อยยนต์กันโครมๆ จนป่าหดหายไปเรื่อยๆ จากที่เคยเขียวชอุ่มก็คล้ายทะเลทรายเข้าไปทุกที
แล้วไม่โดนรุกขเทวา เอ๊ย! นางตะเคียนเล่นงานเอาย่ำแย่หรอกหรือนั่น? เพราะบังอาจไปตัดต้นไม้อันเปรียบเสมือนบ้านช่องของเทวดาและภูตผีทั้งหลายแหล่
เรื่องแบบนี้มีการเล่าสู่กันฟังมานานแล้ว ว่าต้นไม้ใหญ่ๆ อายุหลายสิบหรืออาจจะถึงร้อยปีน่ะ คนสมัยก่อนเขาไม่ค่อยกล้าแตะต้อง เพราะความหวาดหวั่นในอิทธิฤทธิ์ภูตผีที่สิงสู่จะโกรธเคือง แผลงฤทธิ์ทำร้ายเอาบาดเจ็บสาหัส จนถึงเป็นบ้าเป็นบอ หรือล้มตายไปก็มี!
ยกเว้นแต่จะจำเป็นจริงๆ เช่น มีหน้าที่ต้องตัดโค่นต้นไม้ใหญ่ที่เกะกะกีดขวางการตัดถนนหนทาง ตามความเจริญที่ขยายบ้านเมืองออกไปทุกที ต้องรุกล้ำป่าดงชนิดไม่มีทางหลีกเลี่ยง...แต่ความหวาดกลัวก็ต้องกราบไหว้ขอโทษขอโพยหรือต้องบอกกล่าวขออนุญาตกันก่อนตัดก่อนโค่น บ้างก็ถึงกับตั้งศาลทำพิธีเซ่นสรวงกันเอิกเกริก...ทำให้สบายใจขึ้นพะเรอ
หลายๆ คนไม่แยแสเพราะไม่เชื่อถือ ใครทักท้วงก็หัวเราะเยาะว่างมงายซะไม่มี!
ผลก็คือ มีทั้งเจอดี...คือผีหลอกหลอนเข้าให้อย่างจังๆ จนถึงกับร้องโหวกโหวย วิ่งหนีด้วยความอกสั่นขวัญแขวน แทบจะจับไข้หัวโกร๋น หายแล้วก็ไม่ยอมทำงานเสี่ยงภัยชนิดจวนเป็นจวนตายอีกต่อไป
บางคนปีนป่ายขึ้นไปตัดกิ่งก้านสาขา บอกว่ามองเห็นใบหน้าเท่ากระด้งโผล่พรวดออกมาดื้อๆ เล่นเอาตกใจจนมืออ่อนตีนอ่อน พลัดตกลงมาแข้งขาหักป่นปี้ก็ยังมี!
บางรายเล่าว่าตอนกลางวันไม่มีอะไร แต่ตกกลางคืนก็มีแขกมาเยี่ยมโดยไม่นึกฝัน...มองเห็นเข้าก็ขนหัวลุกตั้งทันที
นั่นก็คือ มีเสียงเคาะประตูกลางดึก เปิดไปดูก็เห็นร่างสาวสวยผมยาว แต่งชุดดำแบบชาวป่ามายืนจังก้า นัยน์ตาเบิกโพลงแทบถลนออกมานอกเบ้า คำรามเหี้ยมเกรียมว่า...มาตัดต้น ไม้...มารื้อบ้านข้าทำไม...เจ้าต้องตาย!
นางตะเคียนยังไม่ทันฆ่า คนดวงซวยนั่นก็หวาดกลัวแทบจะขาดใจตายอยู่แล้ว
บางคืนมีเสียงอะไรแสกสากที่หน้าต่าง พอหันไปมองก็แทบสิ้นสติ เพราะเห็นหัวงูจงอางดำเมื่อมกำลังโผล่เข้ามาแลบลิ้นแผล็บๆ จ้องมองด้วยดวงตาเหลืองจ้า บ่งบอกความอาฆาตจองเวร แว่วเสียงแหบโหยของผู้หญิงที่ดังมาจากปากงูว่า...เอาขวานมาฟันข้าทำไม? จนต้อง วิ่งทะลุประตูไม่รู้ตัว แหกปากร้องตะโกนเอะอะโวยวายเหมือนคนบ้าไม่มีผิด
บางแคมป์ก็เล่าว่าเกิดเรื่องร้ายๆ ไม่หยุดหย่อน เช่น ขับรถชนเพื่อนตายบ้าง ตกเหวคอหักบ้าง เสียสติไปดื้อๆ บ้าง ตกค่ำ รถราที่จอดอยู่เฉยๆ ก็ติดเครื่องดังกระหึ่มบาดใจ ใครจะไม่ขนหัวลุกล่ะ?
แต่หลายๆ คนที่ตัดไม้ในป่าเพื่อตัดถนน หรือก่อสร้างอะไรก็ตาม บอกว่าไม่เคยเจอะเจอเรื่องราวน่าประหวั่นพรั่นพรึงสักครั้งเดียว...ถือว่าดวงใครดวงมันก็แล้วกันครับ!