นิ ยาม ของ คำ ว่า ผี ใน ทาง วิทยาศาสตร์

นิยามของคำว่าผี

1. ผีอยู่ภายใต้กฏของฟิสิกส์

2. ผีไม่ใช่เรื่องมายากล ไม่ใช่ปาฎิหาริย์ และไม่ใช้เรื่องนอกเหนือกฎธรรมชาติข้อ

ใด ๆ ทั้งสิ้น (ตามที่สันนิษฐานไว้ในข้อ 1.)

3. ผี (Ghost), การหลอกหลอน (poltergeist), วิญญาณ (Soul) ล้วนเกิดขึ้นมา

จากสาเหตุเดียวกัน แต่เป็นปรากฏการณ์ในรูปแบบต่างกัน

4. ผี (จากกฎข้อ 1 แล้ว) นับเป็น "สิ่งที่มีตัวตน" ควรจะมีคุณลักษณะคล้ายคลึงกัน

โดยทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นผีตามความเชื่อของชนชาติใด ๆ ก็ตาม

5. ในการปรากฏกายของผีโดยเฉลี่ยแล้ว "ร่าง" ของผีจะกินเนื้อที่เป็นปริมาณ

ประมาณ 0.07 ลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นปริมาตรเฉลี่ยเท่ากับคนธรรมดาที่มี

น้ำหนักตัวประมาณ 70 กิโลกรัม

 

มาตรฐานการพบเห็นผี (Standard Night time Ghost : SNG)

 

- กรณีแรก เกิดขึ้นโดยตรงกับสมองของผู้ประสบเหตุ อาจเกิดจากการรบกวน

กระบวนการไฟฟ้าชีวเคมีในสมอง ทำให้ประสาทและระบบรับความรู้สึกเกิดความ

ผิดเพี้ยน โดยเฉพาะในส่วนของมันสมองและไขสันหลัง (หรืออาจจะเรียกว่า

"ประสาทหลอน" ก็ว่าได้) หรือไม่ก็เกิดจากการกระตุ้นให้สมองเกิดภาพหลอนขึ้น

เอง โดยสิ่งเร้าภายนอก โดยอาจใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีขนาดพอเหมาะยิงตรง

ไปยังสมองก็เป็นได้ หรือเกิดการควบคุมสภาวะแวดล้อมบางอย่าง ซึ่งมีผลกระทบ

ต่อจิตใจและอารมณ์ความรู้สึก (ซึ่งเรียกว่า "ถูกควบคุมหรือถูกทำให้เกิดประสาทหลอน")

ซึ่งกรณีนี้ตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่าผีไม่มีจริงในโลก

- กรณีที่สอง ตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่าผีมีจริง ซึ่งหากไม่ใช่กรณีแบบสมมติฐาน

   แรก สามารถแบ่งการปรากฏของผีได้ 7 ข้อ ดังนี้

1. ผีปรากฏตัวทั้งในเวลากลางคืนและกลางวันในเวลากลางวันมีการพบเห็นน้อย

การปรากฏตัวแต่ละครั้งกินเวลายาวนานไม่แน่นอน

2. ผีสามารถเปล่งแสงสว่างหรือเรืองแสงในตัวเองได้ โดยต้องมีกำลังส่องสว่าง อยู่

ในช่วงความเข้มแสงประมาณ 1-20 แรงเทียน จึงจะทำให้สายตามนุษย์สามารถ

มองเห็นได้

3. การปรากฏตัวของผีจะทำให้บรรยากาศโดยรอบมีอุณหภูมิลดลงอย่างเฉียบ

พลัน เนื่องจากผีต้องดึงเอาพลังงานความร้อน ในบรรยากาศอย่างน้อย 60 จูลส์

เข้าไปสะสมทำให้ตัวเองเปล่งแสงออกมาได้

4. การปรากฏกายของผีต้องมีเครื่องนุ่งห่มด้วย และมักปรากฏในลักษณะเป็น

ภาพราง ๆ โปร่งแสงมองทะลุได้บ้าง และมีขนาดเล็กกว่ามนุษย์ธรรมดาทั่วไป

5. ผีจะปรากฏในสภาพที่หันหน้าเข้าหาผู้พบเห็นบ่อยครั้งกว่าหันหลัง

6. ผีมักปรากฏตัวในร่างของมนุษย์หรือเหมือนมนุษย์ (ประมาณ 90 เปอร์เซนต์

เท่าที่มีการศึกษา) มีน้อยมากที่ปรากฏตัวในร่างของสัตว์

7. มักจะมีเสียงหรือกลิ่นเกิดขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของผีในแต่ละครั้ง

และหากไม่เข้าข่ายข้อใดข้อหนึ่งใน 7 ข้อนี้ ไม่นับว่าเป็นผี

ผีในทัศนะของนักวิทยาศาสตร์ไทย

อย่างไรก็ตาม ผีในทัศนะของนักวิทยาศาสตร์ไทยเช่น ศ.ดร.นพ.เทพพนม เมือง

แมน กล่าวว่า ผีมีจริงและแพ้คลื่นโทรศัพท์มือถือ โดยกล่าวอ้างถึงการศึกษาของ

นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษว่าผีเป็นพลังงานในลักษณะที่คล้ายพลังงานคลื่นแม่

เหล็กไฟฟ้าของโทรศัพท์มือถือ ซึ่งปัจจุบันนี้การใช้โทรศัพท์มือถือเป็นไปอย่าง

แพร่หลายมากขึ้น ทำให้ผีซึ่งเป็นพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าคลื่นสั้นปรากฏตัว

น้อยลง เพราะไหลไปรวมในบริเวณที่ ๆ มีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าน้อย สอดคล้องกับ

ความเห็นของนักวิทยาศาสตร์ไทยอีกคน คือ รศ.ดร.ชัยวัฒน์ คุประตกุล ว่า ผีเป็น

พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดหนึ่ง แต่การที่ใช้โทรศัพท์มากขึ้นนั้นไม่ถือว่าเป็นการ

ไล่ผี แต่เป็นการถ่ายเทคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไปยังอีกจุดหนึ่งมากกว่า และใน

ทางกลับกันการใช้มือถือซึ่งมีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามาก อาจทำให้เห็นภาพต่าง ๆ

มากขึ้น ซึ่งไม่คิดว่า เป็นผีเพราะมนุษย์มีความรู้ในการพิจารณา การถ่ายภาพหรือ

วิดีโอแล้วมีภาพหรือเงาที่อธิบายไม่ได้ปรากฏนั้น ในอนาคตก็จะเห็นมากขึ้น เพราะ

วิทยาการล้ำหน้า เครื่องถ่ายภาพสามารถจับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้มาก

 

 

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

Credit: http://www.thiswomen.com
6 เม.ย. 54 เวลา 15:28 2,088 3 60
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...