Mummy Xin-Zhui : สุดยอดมัมมี่จีนอายุกว่า 2,000 ปี
mgr
บรรพบุรุษชาวจีน มีวิธีรักษาสภาพศพให้คงอยู่ มาจนถึงปัจจุบันได้อย่างไร?
จริงหรือไม่กับคำกล่าวที่ว่า ชินชุ่ย คือมันมี่ที่เหนือกว่ามัมมี่ใดใด ในโลกแม้แต่ อียิปต์
ปี 1972 จีนยังไม่ได้เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ดังเช่นทุกวันนี้ แต่เป็นยุคแห่งการ ปฏิวัติวัฒนธรรม โดยการนำของประธาน เหมาเจ๋อตุง เหมาลิดรอนให้พลพรรค แดงของเขา ปลดแอกตนเองจากความคิดเก่าๆ อันล้านสมัยของจีน ท่ามกลางความสับสนทางการเมือง
นักโบราณคดี ได้ค้นพบสิ่งน่าอัศจรรย์ ในเมือง ฉางชาน พวกเขาขุดพบมัมมี่เป็นครั้งแรกในจีนแผ่นดินใหญ่ ที่ภูเขาหม่าหวังตุ้ย เจ้าหน้าที่พบร่องรอยสุสานอยู่ภายใน และยังพบศพของสตรีชาวจีนอายุเก่าแก่กว่า 2,000 ปี ศพของสตรีผู้นี้ แตกต่างจากสภาพศพอื่นที่เคย ขุดพบมาในอดีต
นักวิทยาศาสตร์ชาว จีนต่างโต้แย้งกันในเรื่องการชันสูตรศพที่ขุดพบ เพราะไม่มีใครอยากรับผิดชอบในโครงการชันสูตรศพโบราณนี้ ไม่ว่าใครต่างก็กลัวความผิดพลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่จีน มีนายกรัฐมนตรีชื่อ โจวเอินไหล ผู้นำที่ไม่อยากเห็นความล้มเหลวใดๆ ทั้งสิ้น นักพยาธิวิทยาที่มีชื่อเสียงของจีน ต่างปฏิสธที่จะสันสูตรศพ ที่ภูเขาหม่าหวังตุ้ย
ในที่สุด นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งก็ รับอาสา เขาคือ ศาสตราจารย์ เฟิงหลวงเฉียง เฟิงต้องทำงานภายใต้ความกดดันมากมาย จากนักวิทยาศาสตร์อาวุโส และอิทธิพลจากนักการเมือง เฟิงหลวงเฉียงเล่าว่า "เขาไม่ได้ใส่ใจพวกคนใหญ่คนโตที่ อยู่ในห้องชันสูตร เขาคิดแต่เพียงว่า จะต้องทำงานให้สำเร็จ" เฟิง จึงสนใจแค่สาเหตุการเสียชีวิตของสตรีผู้นี้เท่านั้น เฟิงหลวงเฉียง ทำสำเร็จ การชันสูตรมัมมี่หญิงชาวจีน แห่ง หม่าหวั่งตุ้ย ให้วงการวิทยาศาสตร์ต้องตะลึง
ปี 1972 นักพยาธิวิทยา เฟิงหลวงเฉียง เป็นหัวหน้าคณะผ่าชันสูตรศพครั้งประวัติศาสตร์ของจีน ร่างของหญิงชาวจีนอายุ 2,000 ปี ถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี ศาตราจารย์เฟิงและทีมงาน จึงผ่าศพได้ง่ายไม่ต่างจากศพทั่วๆ ไป ผิวหนังยังคงอ่อนนุ่ม และมีความยืดหยุ่น สีของผิวหนังยังคงเป็นสีเนื้อ เหมือนสมัยที่นางยังมีชีวิตอยู่ เส้นผมของนางยังคงมีสภาพเดิม และพบว่ามีวิกผมติดอยู่อีกด้วย
เมื่อทีมงานผ่า กะโหลกศีรษะ พวกเขาก็ต้องประหลาดใจ สมองของมัมมี่หญิงชาวจีนมี ขนาดเพียงครึ่งหนึ่งของสมองปกติ แต่มีสภาพสมบูรณ์ดี จากนั้น ศาตราจารย์เฟิงก็เริ่มผ่า บริเวณหน้าอก เขาพบอวัยวะภายในร่างกายอยู่ในสภาพดีมาก ใกล้เคียงกับคนที่ยังมีชีวิต ทีมชันสุตรผ่าเอากระเพาะอาหาร รังไข่ และอวัยวะอื่นๆ ออกมา ที่น่าประหลาดใจก็คือ เนื้อของศพยังคงใกล้เคียงสภาพเดิม
จอร์น ฮีราโน จากมหาวิทยาลัยจูแลนด์ ก็เช่นเดียวกัน จอร์น บอกว่า สิงที่มัมมี่จีนแตกต่างจากที่อื่นก็คือ ความยืดหยุ่นของแขนขา ครั้งแรกเขาเห็นแขนขาของมัมมี่ ยกเคลื่อนไหวได้ และในด้วยยึดหยุ่นนั้น จอร์น รู้สึกตกใจมาก เพราะไม่เคยเห็นมัมมี่โบราณที่ไหนทำได้แบบนี้ ถ้าเป็นมัมมี่แบบที่อื่น แขนขาคงจะหักไปแล้ว จอร์น ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะขยับแขนขามัมมี่ที่อายุ 2,000 ปีอย่างนี้ได้
แต่ก่อนที่ ศาสตราจารย์เฟิงหลวงเฉียงจะเริ่มต้น ชันสูตรศพ นักโบราณคดีต่างก็รู้กันดีกว่า มัมมี่หญิงชาวจีนที่พบจากหม่าหวังตุ้ย ไม่ใช่มัมมี่ ธรรมดา นางน่าจะมีชื่อว่า ชินชุ่ย (Xin-Zhui ) และเสียชีวิตเมื่อประมาณ 160 ปี ก่อนคริศตกาล และนางก็มีชื่อเสียงตั้งแต่อดีตมาจน มาจนถึงปัจจุบัน
สังเกตุได้จากข้าว ของเครื่องใช้บริเวณสุสานของชินชุ่ย ซึ่งมีทั้งหมดมากกว่า 1,000 ชิ้น โดยจำนวน 2 ใน 3 เกี่ยวข้องกับอาหารการกินทั้งสิ้น ชินชุ่ยคงมีแผนที่จะกินอาหารเหล่านี้ ในภาชนะที่ลงลักษณ์อย่างสวยหรู นับว่าเป็นภาชนะอาหารจีนชุดใหญ่ ที่สุดที่เคยพบมาเลยทีเดียว
ทีมผู้เชี่ยวชาญพบ ว่า อวัยวะส่วนต่างๆ ของชินชุ่ย ยังคงสภาพอยู่เหมือนเดิม ผู้เชี่ยวชาญต่างต้องประหลาดใจ เมื่อได้ทราบความจริงเช่นนี้ หลายศตวรรษก่อนชาวจีนสมัยโบราณรู้จักวิธีรักษาศพแบบมัมมี่ได้อย่างไร ทุกวันนี้นักวิทยาศาสตร์ ทั่วโลกก็ยังหาคำตอบไม่ได้
จอห์น ฮีราโน นักพยาธิวิทยาบอกว่า ถ้าศพถูกฝังแค่ปีเดียว ก็ยังไม่น่าประหลาดใจเท่าไหร่ แต่ศพถูกฝังมานานกว่า 2,000 ปีแล้ว กลับมีสภาพสมบูรณ์ ซึ่ง เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ หรือว่าแท้จริงศพของ ชินชุ่ยคงสภาพอยู่ได้นานถึง 2,000 ปี ก็เพราะโชคช่วย ?
อีก 2 ปี ต่อมา ในปี 1974 ห่างจากสุสานของชินชุ่ย ที่หม่าหวังตุ้ย ไปทางเหนือประมาณ 300 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของเมือง จิงโจว นักโบราณคดีจีน ค้นพบ ร่างมัมมี่อีกครั้ง แต่ศพมัมมี่ที่ชายที่มี สภาพศพคล้ายชินชุ่ย แขนขาของมัมมี่ชายมีความยืดหยุ่นและอ่อนนุ่ม เหมือนศพที่เพิ่งเสียชีวิตมาใหม่ ชายผู้นี้เป็นมนุษย์เดินดิน นักพยาธิวิทยา ฮูจงดี เป็นหัวหน้าทีมชันสูตร บอกเราว่า เขากับทีมงานชันสูตรมัมมี่
สุ่ยเป็นผู้พิพากษา เขาเสียชีวิตเมื่อ 176 ปีก่อน คริสตกาล ช่วงเวลาเดียวกันกับของ ชินชุ่ย ศพของทั้งสองคนนี้ ถูกเก็บรักษาอย่างดี และถูกฝังในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน ในสุสานที่ห่างกันไม่ถึง 300 กิโลเมตร บริเวณลุ่มแม่น้ำแยงซี ทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของจีน เป็นสถานที่ไม่ควรนำศพไปฝัง มากที่สุด
ชาล์ล ไฮแอด นักโบราณคดีเล่าว่า สภาพอากาศบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำแยงซีเป็นจุดที่แย่ที่สุด การที่จะเก็บศพไว้ไม่ได้เน่าเปื่อย บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำแยงซี มีความชื้นสูงมาก และยังมีอากาศที่ร้อนจัด และเย็นจัดสลับกัน จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก หากใครในสมัยนั้น พยายามที่จะคงสภาพศพไม่ได้เน่าเปื่อยตลอดไป
จอห์น อีราโน บอกว่า เมื่อพูดถึงมัมมี่ คนส่วนใหญ่มักจะพูดถึงศพแห้งๆ ที่ห่อไว้ด้วยผ้าดิบ โดยในสมัยอียิปต์นั้น ต้องนำเอาอวัยวะของศพออกทันทีหลังจากเสียชีวิต เพราะอียิปต์ เป็นเมืองร้อน ร่างกายจะเสื่อมสลายได้เร็วกว่าปกติ ในสภาพแวดล้อมเช่นนั้น หรือไม่ชาวอียิปต์ก็จะนำเอาอวัยวะ ภายในของศพไปใส่คืน หรือทำให้แห้งให้เร็วที่สุด แต่วิธีการทำมัมมี่ของจีนแตกต่างจากของอียิปต์มาก ซึ่งทำให้สภาพศพมีความสมบูรณ์กว่า ด้วยเทคนิคที่ล้ำหน้ากว่าอียิปต์ มีทางเดียวที่จะทำให้รู้ว่า ทำไมสภาพศพของชอนชุ่ยจึงมีสภาพศพยังคงมีจนถึงทุกวันนี้ เราต้องไปที่หลุมฝังศพของชินชุ่ย
สุสานของชินชุ่ย ทำให้ศพของเธอคงสภาพอยู่ได้อย่างไร?
ผู้ที่จัดการพิธีศพของชินชุ่ย ก็ไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้ หลังจากห่อศพด้วยผ้าไหม พวกเขานำลงไปบรรจุไว้ในโลงไม่ต่ำกว่า 4 ชั้น แต่ละชั้นต่างออกแบบให้แน่นพอดี และมีการเคลือบผนึกอย่างแน่นหนาโดยรอบทุกชั้นอีกด้วย จากนั้นจึงนำโลงศพมาวาง ไว้ในห้องโถงของสุสาน ซึ่งมีขนาดกว้างยาวด้านละ 6 เมตร และสูง ประมาณ 3 เมตร คนงานในสุสานนำถ่านประมาณ 5 ตันมาเททับบนโลกศพอีกชั้นหนึ่ง เพื่อป้องกันความชื้น จากนั้นจึงพอกทับด้วยดินเหนียวหนามากกว่า 1 เมตร ขั้นตอนสุดท้าย คนงานกลบสุสานให้แน่นที่สุด โดยช่วงบนของสุสานทำเป็นเนินดินสูงขึ้นไปประมาณ 15 เมตร ชุนชุ่ยถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีเพื่อชีวิตอมตะของเธอ แต่ด้วยเทคนิคเพียงเท่านี้ คงไม่สามารถรักษาสภาพศพเองไว้ได้
กล่าว กันว่า หลังจากทำความสะอาดศพแล้ว จะต้องเก็บศพไว้ในที่เย็น และมีการห่อศพด้วยผ้าหลายชั้น จากนั้นเป็นขั้นตอนก่อนนำศพบรรจุลงในโลง ชาวจีนโบราณจะเทน้ำยาสูตรพิเศษลงไป น้ำยาที่ว่านี้ อาจเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยรักษาสภาพศพเอาไว้อย่าวดีเยี่ยม บางคนเชื่อว่านี่คือความลับของมัมมี่จีนอายุ 2,000 ปี มัมมี่หญิงชาวจีนอย่างชินชุ่ย ยังมีความลับอีกมากที่รอการค้นหาต่อไป
ปัจจุบันศพของท่านหญิงซินจุย ถูกเก็บรักษาอย่างดี โดยบรรจุอยู่ภายในโลงแก้ว ซึ่งตั้งอยู่ใน "ห้องนอนใต้ดิน" อยู่ลึกจากพื้นดิน 8 เมตร ภายในพิพิธภัณฑ์มณฑลหูหนัน ซึ่งตั้งอยู่ที่เลขที่ 28 ถนนตงเฟิง เมืองฉางซา มณฑลหูหนัน ทางตอนกลางของจีน
คิดทุกคำที่พูด แต่อย่าพูดทุกคำที่คิด