ความร้อนกับคอมพ์พัง

เป็นที่ทราบกันดีมานานแล้วว่า ความร้อนส่งผลต่ออายุการใช้งานของอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า แต่เพราะคอมพิวเตอร์ไม่ใช่คนก็เลยบ่นให้เราฟังว่าร้อนไม่ได้ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถทราบได้ว่าตอนนี้น่ะคอมพ์มันร้อนเกินไปแล้ว

อาการ ที่บอกให้รู้ว่าตอนนี้คอมพ์นั้นร้อนเกินไปแล้ว ได้แก่การที่อยู่ๆ เครื่องก็แฮงก์แบบนิ่งสนิททำอะไรก็ไม่ขยับ บางครั้งก็อาจได้ยินเสียงพัดลมดังผิดปกติ คอมพิวเตอร์ส่วนมากจะมี พัดลมสองตัว - ตัวหนึ่งสำหรับระบายความร้อนให้เพาเวอร์ซัพพลายและอีกตัวหนึ่งสำหรับระบาย ความร้อนให้กับโพรเซสเซอร์ พัดลมเหล่านี้จะเป็นส่วนประกอบแรกๆ ของคอมพิวเตอร์ที่จะทำงานผิดพลาดเมื่อเครื่องร้อน ยิ่งถ้าพัดลมตัวใดตัวหนึ่งเสียก็อาจทำให้เกิดอาการจอฟ้า (มหาภัย)

 

 

 

คอมพิวเตอร์นั้นไวต่ออุณหภูมิห้อง หากอุณหภูมิภายในอยู่ที่ 85 องศา (ฟาเรนไฮต์) อุณหภูมิภายในเคสฮาร์ดไดรฟ์ของคอมพิวเตอร์ก็น่าจะอยู่ที่ราวๆ 110 องศา ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เก็บเครื่องไว้ในอุณหภูมิห้องที่สูงที่สุดประมาณ 75 ถึง 85 องศาเพื่อหลีกเลี่ยงการทำงานล้มเหลวที่จะเกิดขึ้นกับอุปกรณ์ (และเป็นไปได้ที่จะเกิดความเสียหายอย่างถาวร)

หาก คอมพิวเตอร์ร้อนเกินไป และคอมพิวเตอร์ก็เพิ่งซื้อมาได้ไม่นานนัก (แต่ถ้าซื้อมานานก็คงเป็นธรรมดาของโลกที่ต้องเสื่อมไปตามกาลเวลา) ก็มีเคล็ดลับง่ายๆ ในการช่วยแก้ปัญหาดังนี้ คือ จัดวางตำแหน่งของคอมพ์ตัวเก่งในที่ระบายอากาศที่ดีขึ้น ซึ่งก็ไม่จำเป็นว่าต้องเปิดแอร์ให้เย็นเวอร์แล้วทนนั่งใส่เสื้อหนาว แต่ให้เน้นวางในจุดที่มีการระบายอากาศที่ดี

 

 

 

จำกันง่ายๆ เลยก็คือควรจัดวางคอมพิวเตอร์ให้ห่างจากกำแพงสัก 2-3 นิ้ว อย่าวางคอมพิวเตอร์ไว้กับพื้นโดยตรง แต่ก็ไม่ควรวางลงไปบนพื้นหรือบนพรมโดยตรงแนะนำให้ ซื้อแท่นวางคอมพิวเตอร์ที่ยกเครื่องขึ้นเหนือพื้นสัก 2-3นิ้ว เพื่อลดการสะสมของฝุ่น ตรวจดูให้แน่ใจว่าแท่นวางนั้นไม่ได้ขวางพัดลมระบายอากาศ

ใน ส่วนภายในเครื่อง หากเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะก็ควรจัดสายที่ระโยงระยางภายในให้เรียบร้อย เพื่อให้การระบายอากาศภายในดีขึ้น หลังจากที่จัดการกับเรื่องทางกายภาพไปแล้ว ก็ยังสามารถอัพเดตไบออส ว่ากันว่าการใช้ไบออสที่อัพเดตขึ้นจะช่วยให้การทำงานของซีพียูทำได้ดีขึ้น อีกด้วย แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นก็ควรให้คนที่เชี่ยวๆ เขาทำให้เราจะดีกว่า ง่ายๆ เพียงเท่านีก็จะสามารถยืดอายุการใช้งานให้กับคอมพิวเตอร์ให้อยู่กันชั่วลูก ชั่วหลานกันเลยก็ว่าได้

 

ที่มา : นิตยสาร Computer Today

Credit: นิตยสาร Computer Today
1 เม.ย. 54 เวลา 13:04 7,282 3 20
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...