ท่านทั้งหลายคงรู้อยู่แล้วว่าในระบบชีววิทยาและภูมิศาสตร์นั้น โอเอซีส(OASIS) ก็คือ พื้นที่อันอุดมสมบูรณ์และชุ่มชื้นในท้องทะเลทรายที่สุดแสนจะแห้งแล้ง โอเอซีสมีอยู่หลายแบบหลายขนาด แต่โดยทั่วไปนั้นจะมีลักษณะพื้นฐานที่เหมือนกันคือ จะเป็นแอ่งน้ำอันโดดเดี่ยวภายในทะเลทรายและล้อมรอบไปด้วยพืชพันธ์ไม้ต่างๆ ถ้าจะพูดไป โอเอซีสก็ถือได้ว่าเป็นความอยู่รอดและความหวังของสิ่งมีชีวิตในดินแดนที่แห้งแล้งและกันดาร เพราะมันเป็นแหล่งรวบรวมสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิด แม้แต่มนุษย์เองก็ยังสามารถตั้งกลุ่มกันอยู่อาศัยในโอเอซีสได้ถ้ามันมีขนาดใหญ่เพียงพอ
โอเอซีสในทะเลทรายนั้นส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นมาเองตามธรรมชาติและก็มีอยู่บ้างที่มนุษย์เราขุดและสร้างมันขึ้นมา ในธรรมชาตินั้นโอเอซีสเกิดขึ้นมาจากแหล่งน้ำที่อยู่ใต้พื้นดิน แม้ว่าทะเลทรายนั้นจะแห้งแล้งมากน้อยเพียงใด แต่นานๆครั้งมันก็ยังต้องมีฝนตกลงมาอยู่บ้าง และน้ำจากฝนนี้เองจะไหลซึมผ่านพื้นทรายลงไปกักเก็บใว้บนชั้นหินใต้พื้นดินและก่อให้เกิดแหล่งน้ำบาดาลใต้ทะเลทรายโดยปกติแล้วแหล่งน้ำใต้พื้นดินในทะเลทรายจะอยู่ต่ำลงไปหลายร้อยฟุตดังนั้นพื้นที่ที่จะเป็นโอเอซีสได้จะต้องมีภูมิศาตร์ที่พอเหมาะพอสม และต้องอยู่ต่ำพอที่จะให้น้ำจากใต้พื้นดินนั้นมีแรงดันมากพอที่จะผลักส่งตัวเองขึ้นท่วมผืนดินชั้นบนจนเกิดเป็นแอ่งน้ำ ในธรรมชาติการที่พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งในทะเลทรายจะกลายไปเป็นโอเอซีสนั้น ต้องอาศัยแรงลมพัดกัดเซาะพื้นผิวทรายให้ลึกและบางลงจนแตะถึงหรืออยู่ใกล้ระดับผิวน้ำที่อยู่ใต้พื้นดินมากพอจนก่อให้เกิดแอ่งน้ำดังที่ว่าใว้ข้างต้น อย่างไรก็ตามโอเอซีสบางชนิดก็ไม่ได้อาศัยน้ำจากชั้นบาดาล เพราะโอเอซีสบางชนิดในธรรมชาติจะมีพื้นผิวพิเศษที่ต่างจากพื้นทรายธรรมดา ซึ่งจะสามารถกักเก็บน้ำจากฝนที่ตกลงมาไม่ให้ซึมผ่านลงไปใต้พื้นดิน และไม่ว่าจะอย่างไรเมื่อบนพื้นทรายเกิดมีแอ่งน้ำเกิดขึ้นพวกสัตว์ทั้งหลายก็จะมาอยู่อาศัยใช้ดื่มกิน และในทางเดียวกันสัตว์เหล่านั้นก็อาจนำพาเมล็ดพันธ์พืชติดตัวมาโดยไม่รู้ตัวตามธรรมชาติ ยกตัวอย่างเช่น นกบางชนิดอาจบินผ่านมาและพักดื่มน้ำแล้วถ่ายอุจจาระที่มีเมล็ดพืชบนอยู่ด้วยทิ้งใว้รอบบริเวณแอ่งน้ำมือเมล็ดพืชได้รับความชื้นจากน้ำก็งอกเป็นต้นไม้จนกลายเป็นโอเอซีสในที่สุด
พืชในโอเอซีสที่มีอยู่ตามธรรมชาติและมักพบบ่อยได้แก่ปาล์มและพืชล้มลุกบางชนิด แต่สำหรับโอเอซีสบางแห่งที่มีขนาดใหญ่และมีมนุษย์อาศัยอยู่ ก็มักจะมีการปลูกพืชทางการเกษตรเสริมด้วย เช่นอินทผลัม มะเดื่อ มะกอกแอปปริคอท รวมทั้งพืชที่ต้องการความชื้นมากก็สามารดปลูกได้ เช่น ข้าวสาลีข้าวบาร์เลย์ และข้าวฟ่างเป็นต้น การทำการเกษตรในเขตโอเอซีสนั้นจำเป็นต้องมีระบบการจัดการน้ำและดินที่ดีและต้องมีความรู้ความเขาใจในธรรมชาติของโอเอซีสนั้นๆเป็นอย่างดีเพื่อประโยชน์สูงสุดในการใช้งานและบ้องกันการขาดแคลนน้ำในอนาคต
การเดินทางข้ามทะเลทรายในปัจจุบันหรือโดยเฉพาะในอตีดนั้นมีความจำเป็นอย่ายิ่งที่จะต้องตรวจสอบเส่นทางและศึกษาแหล่งโอเอซีสระหว่าทางอย่างรอบคอบ เพราะโอเอซีสนั้นถือเป็นแหล่งเติมอาหารและน้ำที่สำคัญสำหรับการเดินทางไกลในทะเลทรายที่ร้อยและแห้งแล้ง
จากการรับรองของหนังสือ เดอะ กินเนสส์ บุ๊ก ออฟ เวิลด์ เร็กคอร์ด (The Guinness Book of World Record)ในปี ค.ศ. 2007 เขียนใว้ว่า เดอะ ไนล์ วาลีย์ แอนด์ เดลตา (The Nile River valley and delta) ในประเทศอียิปย์ คือโอเอซีสที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีขนาดกว้างใหญ่ไพศาลถึง 22000 ตารางกิโลเมตร โอเอซีสนั้นมีอยู่มากมายในโลกและบางแห่งก็อาจจะยังไม่เคยมีใครค้นพบ แต่สำหรับโอเอซีสที่ เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงจากข้อมูลใน วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี(Wikipedia The Free Encyclopedia) นั้นมีอยู่ประมาณ 30 กว่าแห่งทั่วโลก ซึ่งผมจะขอแนะนำซัก10โอเอซีสที่น่าสนใจใว้เป็นวิทยาทานแก่ท่านทั้งหลายนะครับ
Erg Awbari Oasis
เป็นโอเอซีสน้ำเค็มขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในเขตทะเลทรายซาฮาร่า (Sahara) ทางทิศ เหนือและ ห่างจากประเทศลีเบียประมาณ 30 กิโลเมตร
Huacachina
เป็นเมืองโอเอซีสเล็กๆที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ในประเทศเปรู บางครั้งเราเรียก โอเอซีสนี้ว่า Oasis of Americas ซึ่งเป็นชื่อของรีสอร์ทดังที่ตั่งอยู่ภายใน
Turpan หรือ Tulufan
โอเอซีสนี้เป็นอีกเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งในสาธารณรัฐประชาชนจีนโอเอซีสแห่งนี้มีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก จึงมีประชาชนอาศัยอยู่จำนวนมากและสามารถทำการเกษตรได้อย่างกว้างขวาง
Lençóis Maranhenses National Park
เป็นหนึ่งในวนอุทยานแห่งชาติของประเทศบราซิล โอเอซีสแห่งนี้ ต้องอาศัยน้ำจากฝนเพียงอย่างเดียว ดังนั้นเมื่อหมดฤดูฝนน้ำในโอเอซีสนี้ก็จะระเหยไปจนแห้งดังนั้นภายในเวลาหนึ่งปีโอเอซีสใน Lençóis Maranhenses National Park จะเก็บน้ำใว้ได้แค่เพียงประมาณ6เดือน เท่านั้นและต้องรอน้ำจากฤดูฝนในปีหน้าเพื่อเติมเต็มแอ่งดังนั้นโอเอซีสแห่งนี้จึงไม่ค่อยมีต้นไม้ให้เราเห็นกันมากนัก เพราะจะพากันล้มตายไปเป็นจำนวนมากเมื่อถึงหน้าแล้งของแต่ละปี
Crescent Lake
อยู่ในเขตทะเลทรายโกบีและก็เป็นอีกหนึ่งโอเอซีสที่น่าสนใจในสาธารณรัฐประชาชนจีน แต่น่าเสียดายที่โอเอซีสแห่งนี้กำลังตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ เนื่องจากปริมาณน้ำภายใน Crescent Lakeนั้นลดลงจากปกติอย่างมากและรวดเร็ว เพราะถูกนำไปใช้ทำการเกษตรและบริโภคโดยประชากรที่อาศัยอยู่ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากอดีต
Chewbacca
อยู่ในเมืองชิบิก้าที่ประเทศตูนีเซีย และเป็นไปได้ว่าท่านทั้งหลายคงเคยได้เห็นโอเอซีสนี้กันไปแล้วทางจอภาพยนต์ เพราะโอเอซีสนี้เคยเป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำภาพยนต์เรื่อง สตาร์ วอร์ส ไตรภาคแรก แอพพิโสด 4 (Star Wars Episode IV: A New Hope) และที่สำคัญชื่อ “Chewbacca” นี้ก็ได้มาจากตัวละครตัวหนึ่งในภายนต์ เอาเป็นว่าขอให้พลังจงอยู่คู่ตัวท่านก็แล้วกันนะครับบบบ…
Nakhl Fort
เป็นหนึ่งโอเอซีสที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นอินทผลัมตั้งอยู่ในเขตทะเลทรายในสาธารณรัฐโอมาน และป้อมปราการขนาดใหญ่ที่ชาวเมืองสร้างใว้เพื่อใช้เป็นเขตทำการค้า และในทางเดียวกันก็ได้ใช้เป็นป้อมปราการเพื่อป้องกันการรุกรานจากศัตรูไปในตัว
Ein Gedi
ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของทะเลเดดซี ใกล้เขตเมืองเก่าแก่มาซาดาในประเทศอิสราเอล โอเอซีสแห่งนี้มีความสวยสดงดงามเป็นอย่างมาก และมีเสน่ห์พิเศษที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่นิยมชมชอบการเดินถ้ำและเที่ยวน้ำตก และตอนนี้โอเอซีส Ein Gedi ก็ได้รับการยกย่องจากทางการอิสราเอลให้เป็นวนอุทยานแห่งชาติไปเรียบร้อยแล้ว
Siwa Oasis
เป็นอีกหนึ่งโอเอซีสในประเทศอียีปตั้งอยู่ในทะเลทรายลีเบีย Siwa Oasis ถูกสร้างขึ้นเป็น เมืองและมีผู้คนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นประมาณ 23,000คนโดยส่วนใหญ่เป็นชนกลุ่มน้อยชาวเบอร์เบอร์การเกษตร ที่นี่เน้นในการปลูกต้นปาล์มและมะกอก อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจสำคัญที่นำรายได้มหาศาลเข้ามาที่นี่ก็คือการท่องเที่ยวนั่นเอง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมมาโอเอซีสนี้เพื่อเยี่ยมชมและศึกษาวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของคนที่นี่
Palm Valley Oasis
ตั้งอยู่ในวนอุทยานแห่งชาติ ฟิงค์ โกดช์ (Finke Gorge National Park) ทางตอนเหนือของประเทศออสเตรเลีย ห่างจากรัฐควีนสเลนด์ประมาณ 850 กิโลเมตร Palm Valley Oasis และสถานที่รอบข้างเป็นพื้นที่เดียวในออสเตรเลย ที่มีต้นกะหล่ำปลีแดงปาล์ม (Red Cabbage Palm) หรือ ลิวิสโทนา แมรี ปาล์ม(Livistona mariae palms) อาศัยอยู่ได้ส่วนสัตว์ที่อาศัยอยู่ก็มี เช่น ปลาทะเลทราย กุ่งฝอย ลูกอ๊อด และกบ ปริมาณน้ำฝนที่ได้รับสำหรับ Palm Valley Oasis นั้นค้อนข้างน้อยเพียงแค่ 20 cm ต่อปี ถึงแม้ว่าแอ่งน้ำหลักมักจะแห่งขอดแต่ที่นี่ก็ยังมีบ่อน้ำเล็กๆมากมายที่อาศัยน้ำพุจากใต้ดินซึ่งก็ทดแทนน้ำให้พืชและสัตว์ได้ในฤดูแล้ง
Huacachina – Oasis of America
Huacachina – Oasis of America .
Huacachina – Oasis of America ..
Huacachina – Oasis of America
Huacachina – Oasis of America ..
ด้วยความทุรกันดารและแห้งแล้งของเส้นทางในทะเลทราย การเดินทางทางอากาศจึงจัดว่าเป็นวิธีที่สะดวกสบายและรวดเร็วที่สุด แต่ค่าใช่จ่ายในการเดินทางแบบนี้ก็มักจะสูงตามไปด้วยดังนั้น โดยส่วนมากแล้วนักท่องเที่ยวจะนิยมเดินทางโดนรถยนต์วิบากขับเคลื่อน 4 ล้อเป็นส่วนใหญ่ เพราะมีความสะดวกพอสมควรและราคาไม่แพงมากนัก อย่างไรก็ตามแม้แต่ อูฐ และม้าที่เป็นสัตว์ก็สามารถใช้เป็นพาหนะได้เช่นกันนะครับ
การเดินทางไปยังโอเอซีสนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายต่อให้ไปถึงแล้วก็ใช่ว่าชีวิตจะสุขสบาย