8 ท่าไม้เด็ดของคุณผู้ชายที่คุณสาวๆ ควรรู้ไว้เพื่อรับมือ ส่วนคุณผู้ชายก็จะได้ทราบค่ะว่า ท่าไม้เด็ดของคุณนั้นมีข้อดีข้อเสียอย่างไร เพื่อใช้ให้ถูกกาลเทศะ และเพื่อให้สมานฉันท์ชีวิต คู่ก็เหมือนลิ้นกับฟัน ที่คู่สามีภรรยาย่อมต้องมีเรื่องกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดา และบนสังเวียนของการโต้เถียง ฝ่ายคุณผู้หญิงย่อมได้เปรียบเพราะเป็นเพศที่มีความถนัดทางการใช้วาจาเป็น อาวุธ แต่ใช่ว่าคุณผู้ชายจะหมดทางสู้... เค้าก็มีอาวุธลับ แม่ไม้ต่างๆ นานามาโรมรันคุณได้เหมือนกัน
แม่ไม้ที่ 1 ทำหูทวนลม
เชื่อว่าพวกเราสาวๆ คงเจอไม้นี้บ่อยๆ เมื่อเราเอ่ยปากเรื่องความสัมพันธ์ที่กำลังทำท่าจะเป็นปัญหา เช่น "ชั้นว่ามีบางอย่างที่เราควรปรับปรุงให้ดีขึ้นนะ" คำพูดแบบนี้เท่ากับตอกย้ำให้เขารู้สึกว่าตัวเองมีข้อ บกพร่อง และเหมือนการบอกเป็นนัยๆ ว่าเราอยากจะหลุดพ้นวิถีชีวิตที่ทำให้เกิดความรู้สึกแย่ๆ อย่างนี้เต็มทน
หรือ ถ้าเราเง้างอว่า.. "อะไรกัน? คุณให้ฉันทำไข่เจียวแค่เนี้ยเหรอ? นี่คุณกำลังหาว่าชั้นขี้เกียจ รึว่าทำอะไรไม่เป็นรึไง นี่รู้มั้ย ฉันน่ะมีความสุขที่ได้ทำอาหารให้คุณทานนะ แต่ที่สำคัญฉันงงมากที่คุณดูไม่มีความสุขเอาเสียเลย คุณทำท่าเหมือนว่าอยากเลิกกะชั้นยังงั้นแหละ...."
ไม่ว่าเราจะพยายามระบายความอัดอั้นตันใจและต้องการให้เขาหันมาปรับความเข้าใจ เพียงไร เขาก็ทำเหมือนกับว่าเราบ่นไปงั้นๆ แล้วทำเป็นหูทวนลมเสีย
แม่ไม้ที่ 2 ทำเป็นฉุน
นี่คือกลยุทธ์ของผู้ชายที่ใช้มาตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์เวลาเข้าตาจนถูกคุณภรรยาซัก ไซร้ไล่เรียง เขามักจะชิงทำท่าโกรธเกรี้ยวขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เป็นการปกป้องตัวเอง มิให้ฝ่ายหญิงตั้งรับทัน และเป็นการตัดบทปิดประเด็นที่เป็นความกันอยู่
แม่ไม้ที่ 3 คิดเอาเอง
"เฮ้อ! เหนื่อยเหลือเกิ๊น" แค่คำพูดลอยๆ ที่เราบ่นกับตัวเองเพราะเหนื่อยจากการงานหรือจากการดูแลลูกเต้า ฝ่ายเขาพานเข้าใจไปเองว่าเราพูดกระทบ เขารู้สึกเกลียดเข้าไส้ แทนที่จะหันมาใส่ใจไถ่ถามด้วยความห่วงใยหรือรีบเข้ามาช่วยทำงาน กลับมาโกรธเราแล้วงอนตุ๊บป่องไปเลย
แม่ไม้ที่ 4 เบี่ยงเบนประเด็น
เมื่อเจอเรื่องที่รู้ตัวว่าไม่มีทางโต้แย้งได้แน่ๆ คุณสามีก็มักจะมีแทคติกง่ายๆ ในการตั้งรับสายตาจ้องจับผิดของภรรยา อย่างเช่น เมื่อถูกภรรยาต่อว่า "เมื่อคืนคุณดื่มไวน์มากไปหน่อยนะ แถมซดเบียร์อีก 3 ขวดแน่ะ" เขารู้ว่ายากจะปฏิเสธ (เพราะหลักฐานปรากฏอยู่ทนโท่) จึงทำเป็นรีบยอมรับผิดและออกปากว่าจะไม่ประพฤติเช่นนั้นอีก แล้วหาเรื่องมาพูดกลบเกลื่อนบรรยากาศคุกรุ่น หรือเฉไฉไปเรื่องอื่น เช่น "นี่ถ้าเป็นลุงผมนะ คุณไม่มีทางจับได้ร็อก แฮะ แฮะ"
แม่ไม้ที่ 5 ขอโทษไปงั้นๆ
การกล่าวคำ "ขอโทษ" หรือ "เสียใจ" ทำนองว่า "ผมขอโทษละกัน...ถ้าคุณเห็นว่าผมผิด" พ่อเจ้าประคุณอาจไม่ได้เอ่ยออกมาจากใจจริง แต่เป็นการตบตาเพื่อยุติเรื่องราวชวนสยอง(ที่อาจจะเกิดขึ้นจากน้ำมือภรรยา) หรือไม่ก็เป็นคำพูดประเภทว่า "เอาละ ผมยอมรับว่าคุณเป็นฝ่ายถูก ส่วนผมมันเป็นคนที่เฮงซวยที่สุดในโลก" (เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สุดเย้ยหยัน ประชดประชัน)
แม่ไม้ที่ 6 ทำเป็นบูดบึ้ง
แทน ที่จะจับเข่าพูดคุยกันให้รู้เรื่องรู้ราวว่ามีเรื่องใดไม่สบอารมณ์ คุณผู้ชายกลับชักสีหน้าบูดบึ้งขมึงทึงสัก 2-3 วันเพื่อให้เรารู้สึกว่า "ผมเริ่มไม่สบอารมณ์" หรือ "ชักจะทนคุณไม่ไหวแล้วนะ" และถ้าเรายังเฉยอยู่ เขาก็จะงึมงำว่า "ผมว่าเราแยกกันอยู่สักพักจะดีกว่า"
แม่ไม้ที่ 7 ทำเป็นอมทุกข์
ถ้าการชักสีหน้ายังไม่บรรลุผล พ่อตัวดีของเราอาจแสร้งทำตัวอมทุกข์อย่างสาหัสให้คุณสงสารจนต้องเป็นฝ่าย เข้าไปเอาใจ เช่น ก้มหน้าก้มตาทำงานเยี่ยงทาส ถึงเวลากินก็ไม่กิน หอบหมอนไปนอนตากยุงนอกห้อง เป็นต้น
แม่ไม้ที่ 8 หันหลังให้แล้วเดินจากไป
ด้วย วิธีที่ผ่านมาทั้งหมด ถ้าผู้ชายยังไม่สามารถเอาตัวรอด หรือเอาชนะผู้หญิงได้ เขาอาจใช้ไม้ตายนี้ เพราะรู้ดีว่าทักษะในการโต้ตอบด้วยวาจาไม่เก่งกาจเท่าผู้หญิง เขาคิดว่า "พูดไปก็เท่านั้น ยังไงซะคุณก็เป็นฝ่ายชนะเสมอ ไม่ใช่เพราะว่าคุณเป็นฝ่ายถูกหรอกนะ แต่ผมรู้ว่าผมเถียงสู้คุณไม่ได้" ที่สุดเลยใช้วิธีหันหลังให้แล้วเดินจากไป ปล่อยให้เราอึ้ง ทึ่ง โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่คนเดียว
... ไม่ว่าจะมาไม้ไหน ผู้ชายร้อยทั้งร้อยย่อมม้วยมรณาด้วยคำพูดหวานหูด้วยกันทุกรายแหละน่า จำไว้นะพวกเรา