29 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี เดินทางไปตรวจสอบที่บ้านหลังหนึ่ง
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงที่เกิดเหตุต้องผงะ พบชิ้นส่วนศีรษะ มือและเท้าทั้งสองข้าง ถูกหั่น
ด้วยของมีคม ทิ้งเอาไว้บริเวณหน้าบ้าน ก่อนที่ตำรวจจะใช้เวลาประมาณ 5 นาที เคาะ
ประตูเรียกคนที่อยู่ในบ้าน ซึ่งมี นายบุญหนา มาพิบูลย์ อายุ 45 ปี ผู้เช่าบ้านหลังดัง
กล่าว ออกมายอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุฆ่าหั่นศพดังกล่าว จากการตรวจสอบภายในบ้าน พบ
ชิ้นส่วนลำตัวของผู้เสียชีวิต ที่ทราบชื่อในเวลาต่อมาคือ นายชาญชัย น้ำใจ อายุ 37 ปี
ลูกชายของเจ้าของบ้านเช่า และพบกองเลือดที่เลอะไปทั่วบ้าน และพบมีดพร้า ยาว 1
ฟุต ซึ่งเป็นอาวุธในการก่อเหตุ จึงได้เก็บเอาไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวน นางสายพิณ มาพิบูลย์ อายุ 47 ปี ภรรยาของผู้ก่อเหตุ เผยว่า สามี
ป่วยเป็นโรคทางประสาท และได้รับการรักษามาโดยตลอด อีกทั้งยังสามารถทำงานได้
เป็นปกติ โดยจะมีอาการกำเริบเป็นครั้งคราว เมื่อยาที่แพทย์สั่งหมด รวมทั้งมักได้ยินเสียง
ประหลาด อาละวาด และปิดบ้านขังตัวเองอยู่เป็นประจำ โดยช่วงเช้าก่อนเกิดเหตุ อยู่ๆ
สามีที่ลางาน 2 วัน สั่งไม่ให้ตนออกไปขาย บอกว่า "โลกจะแตก" จนกระทั่งตกบ่าย สามี
จึงยอมปล่อยในตนออกไปขายของ แต่ไม่นานนักก็ได้รับแจ้งว่า สามีก่อเหตุฆ่าหั่นศพลูก
ชายของเจ้าบ้านเสียแล้ว
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสอบสวน นายบุญหนา พบว่ายังให้การวกวน โดยบอกว่า
ได้ยินเสียงคลื่นวิทยุดังอยู่ในบ้านตลอดทั้งวัน เมื่อเห็นผู้ตายเดินมาหาที่บ้าน จึงได้สั่งการ
ให้ผู้ตายแก้ไข แต่ผู้ตายไม่ได้ยินเสียงอะไร จึงเกิดความโมโห คว้ามีดฟันเข้าที่มือทั้งสอง
ข้าง ก่อนจะฟันซ้ำเข้าที่คอ และหั่นชำแหละศพออกเป็นชิ้นๆ เมื่อมีคนมาเคาะประตูเรียก
จึงได้เตะชิ้นส่วนศีรษะ มือและเท้า ออกไปหน้าบ้าน ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมใน
เวลาต่อมา
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อ
ไป รวมทั้งเตรียมสอบสวนพยานและหลักฐานที่มีอีกครั้ง ส่วนอาการป่วยเป็นโรคทาง
ประสาท ต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า ผู้ก่อเหตุได้ป่วยเป็นโรคทางประสาทในขณะ
ที่ก่อเหตุหรือไม่