รุ่นน้องโรงเรียนเดียวกันยก พวกกว่า 30 คน เข้ารุมทำร้ายในห้องเรียนในช่วงเวลาพักกลางวัน ซึ่งหลังจากได้รับการผ่าตัดที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลนนทเวช
นายไธพัฒน์ ประจินเกียรติ อายุ 52 ปี อาชีพทนายความ ร้องเรียนว่าลูกชายคือ ด.ช.ณัฐวัฒน์ หรือน้องเจมส์ เกิดศรีวิชัย อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.3/8 โรงเรียนมัธยมประชานิเวศน์ เข้ารับการผ่าตัดจากอาการเลือดคั่งในสมอง หลังถูกรุ่นน้องโรงเรียนเดียวกันยก พวกกว่า 30 คน เข้ารุมทำร้ายในห้องเรียนในช่วงเวลาพักกลางวัน ซึ่งหลังจากได้รับการผ่าตัดที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลนนทเวช และติดต่อกับทางโรงเรียนเรื่องค่ารักษาพยาบาล แต่กลับได้รับการปฏิเสธ และได้รับการปฏิเสธจากผู้ช่วยผู้อำนวยการท่านหนึ่งของโรงเรียนว่าไม่สามารถ รับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลได้
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. ของวันที่ 30 ตุลาคม ที่ผ่านมา แต่ทางโรงเรียนโทรศัพท์มาแจ้งตนเวลา 16.00 น. ว่าให้มารับตัวน้องเจมส์ไปส่งโรงพยาบาล เนื่องจากได้รับบาดเจ็บถูกรุ่นน้องม.2 โรงเรียนเดียวกันรุมทำร้ายร่างกายพร้อมเพื่อนอีก 5 คน จนได้รับบาดเจ็บ
ตน ติดธุระไม่สามารถเดินทางมารับลูกชายได้ จึงโทรศัพท์ไปหาน.ส.ปวันรัชฎ์ เกิดศรีวิชัย ซึ่งเป็นผู้ปกครองของน้องเจมส์ ให้เดินทางไปดูอาการ และให้นำตัวน้องเจมส์ ส่งโรงพยาบาลแทน
เหตุการณ์นี้ตนมองว่าทำไมทาง โรงเรียนถึงปล่อยให้เวลาผ่านไปนานถึง 4 ชั่วโมง จึงแจ้งไปยังผู้ปกครอง ซึ่งในความเป็นจริงทางโรงเรียนน่าจะนำเด็กไปรักษาตัวที่ห้องพยาบาล หรือนำไปรักษาตัวโรงพยาบาล ก่อนที่จะแจ้งผู้ปกครอง
หลังจากที่ลูกชาย มารักษาตัวโรงพยาบาล แพทย์ได้ตรวจร่างกายและอนุญาตให้กลับบ้านเนื่องจากวันนั้นอาการไม่น่าเป็น ห่วงแต่นัดให้มาพบแพทย์อีกครั้งวันที่ 2 ตุลาคม ขณะที่อยู่ที่บ้านน้องเจมส์บ่นว่าปวดศรีษะตลอดเวลา และอาเจียนออกมาหลายครั้ง ตนจึงนำน้องเจมส์ มาพบแพทย์อีกครั้งตามที่นัดไว้ แพทย์ได้ทำการตรวจอย่างละเอียดพบว่ามีเลือดคั่งในสมอง จึงรีบนำตัวเข้าห้องผ่าตัดอย่างเร่งด่วน
ต่อมาตนได้ติดต่อไปยังผู้ ช่วยผู้อำนวยการคนเดิม เพื่อสอบถามถึงความรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายในการักษาพยายาม เพราะตนมองว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในโรงเรียนและในห้องเรียนของน้องเจมส์เอง ทางโรงเรียนน่าจะเข้ามาช่วยเหลือในส่วนนี้บ้าง แต่กลับได้รับคำปฏิเสธ และบอกเพียงว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เรียกเด็กชั้นม.2 ที่ก่อเหตุมาพูดคุย ลงบันทึกไว้ ตักเตือน
และกำลังประสานงานไปยังผู้ ปกครองของเด็กเหล่านั้นเพื่อมาพบอาจารย์ และทราบถึงพฤติกรรมของเด็กแต่ไม่สามารถติดต่อผู้ปกครองของเด็กเหล่านั้นได้ ตนมองว่าเหตุการณ์ผ่านไป 4 วันทางโรงเรียนน่าจะให้คำตอบที่ชัดเจนมากกว่านี้ เพราะส่วนตัวคิดว่าค่าใช้จ่ายมากเกินกว่ากำลังที่ตนจะรับได้จึงอยากให้ โรงเรียนเข้ามาช่วยส่วนนี้บ้าง
ห้องผู้ป่วยไอซียูพบน้องเจมส์ อยู่ในสภาพผ้าพันศรีษะ ตาด้านขวาบวมปูด ไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้ และมีอาการไข้แทรกซ้อน แต่สามารถพูดคุยเจรจาได้ ตามลำตัวมีสายน้ำเกลือห้อยละโยงละยางไปทั่วร่างกาย
น้องเจมส์ เล่าด้วยอาการเหนื่อยล้าว่า วันที่เกิดเหตุเพื่อนคนหนึ่งได้ขอช่วยให้ไปดูหน้ารุ่นน้องที่เรียนอยู่ชั้น 4 อาคารเดียวกัน เพราะเพื่อนรู้สึกไม่ชอบขี้หน้ารุ่นน้องคนนั้นขณะที่ไปหารุ่นน้องก็ไม่มีการ พูดคุยกัน หลังจากนั้นขึ้นมาห้องเรียนที่ชั้น 5 เดินเข้ามาในห้องก็พบว่ามีรุ่นน้องประมาณ 30 คน
กรูเข้ามากระโดดถีบตน ที่ใบหน้าทำให้ล้มใบหน้าด้านขวากระแทกพื้นอย่างแรง จากนั้นรุ่นน้องรุมกระตืบที่ใบหน้าและลำตัวนานประมาณ 5 นาที ก่อนที่อาจารย์จะเข้ามาห้าม ส่วนเพื่อนอีก 5 คน ก็ถูกรุ่นน้องทำร้ายแต่อาการไม่สาหัส
“เรื่องนี้ผมไม่รู้เรื่อง เพราะเพื่อนบอกให้ไปดูหน้ารุ่นน้องผมก็ไป แต่ก็มาถูกทำร้ายโดยไม่รู้ตัวว่าเพื่อนไปทะเลาะอะไรกัน ผมต้องมาถูกรุมทำร้ายแทน หลังจากที่อาจารย์เข้ามาห้ามก็ให้นั่งฟุบก้มหน้าที่โต๊ะเรียน ไม่ได้พาไปห้องพยาบาล ตอนนั้นรู้สึกปวดหัวเจ็บที่ใบหน้ามาก ต้องนั่งทนอยู่ 3-4 ชั่วโมงอาจารย์จึงได้โทรให้พ่อมารับแต่พ่อมารับไม่ได้จึงให้แม่กุ้งมารับแทน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเข้าใจว่าเป็นการทะเลาะวิวาทของเด็กผู้ชายที่ อยู่ในวัย คะนองแต่เรื่องที่เกิดไม่เกี่ยวกับน้องเจมส์ เพราะเป็นคนเรียบร้อยไม่เคยมีเรื่องกับใคร เพราะน้องมีโรคประจำตัวอยู่แล้วคือ โรคทาลาซิเนีย ไม่มีแรงไปหาเรื่องใครก่อน แต่ครั้งนี้เป็นเรื่องของเพื่อนน้องเจมส์ ไปมีเรื่องกับรุ่นน้องจนทำให้น้องมารับเคราะห์
ดิฉันจึงอยากให้ โรงเรียนมารับผิดชอบกับเหตุการณ์ครั้งนี้บ้าง เพราะทุกครั้งที่ติดต่อไปทางโรงเรียนพยายามจะปฏิเสธความรับผิดชอบ จึงอยากเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับน้องเจมส์ หลังจากที่เกิดเหตุได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่สน.ประชาชื่น
ผอ. โรงเรียนมัธยมประชานิเวศน์ ชี้แจงว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการทะเลาะวิวาทของเด็กนักเรียน เบื้องต้นได้เรียกนักเรียนที่ก่อเหตุมีประมาณ 20 คน มาตักเตือนให้ลงบันทึกไว้กับทางโรงเรียน และจะมีการเรียกผู้ปกครองเด็กมาพูดคุย ขณะนี้ประสานงานได้แล้ว 10 คน มาพูดคุยในวันที่ 4 พฤศจิกายน และจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องดังกล่าวเพื่อติดตามดูพฤติกรรม ของนักเรียนกลุ่มนี้
“ค่ารักษาพยาบาลผมยินดีรับผิดชอบในส่วนที่เด็ก รักษาตัวในห้องไอซียู โดยจะใช้เงินส่วนตัวออกให้ เพราะทางผู้ปกครองของเด็กที่ก่อเหตุไม่สามารถนำเงินหลายแสนบาทมาช่วยค่า รักษาพยาบาลได้ เพราะบางครอบครังประสบปัญหาด้านการเงิน ส่วนค่าใช้จ่ายพักฟื้นห้องธรรมดา ผู้ปกครองของน้องยินดีรับผิดชอบในส่วนนี้”