สาวๆ ขา วันๆ หนึ่งเราทานอะไรเข้าไปบ้างจำได้ไหมคะ?
หลายคนก็จำได้แค่มื้อนี้และมื้อก่อนหน้า บ้างก็จำได้แค่ของวันนี้ บางคน Advance นึกถึงของที่จะกินมื้อหน้าได้ซะงั้น
ว่าแล้วก็อย่ามาเสียเวลานึกกันอยู่เลย เพราะเราจะมาชวนสาว Chic ทำ Diet Diary กันค่ะ เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยให้สาวๆ ได้ลดน้ำหนักอย่างมีระบบ เชื่อแน่ว่าหลายคนอาจจะตกใจ ว่าตายแล้ว ใน 1 วันชั้นกินไปขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย!
Diet Diary คืออะไร
อธิบายง่ายๆ Diet Diary ก็คือการจดบันทึกกิจกรรมต่างๆ ภายใน 1 วัน ซึ่งครอบคลุมทั้งเรื่องการกิน การใช้ชีวิต กิจกรรมที่ทำและอารมณ์ความรู้สึก เพราะ Diet Diary นอกจากจะเป็นตัวสะท้อนภาพรวมของตัวเราในช่วงการลดน้ำหนักแล้ว Diet Diary ยังเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ตัวเราได้อีกด้วย ว่ามีจุดอ่อน-จุดแข็งตรงไหนบ้าง เช่น บางคนอดใจไม่ไหวกับของหวาน หรือบางคนเบื่อการออกกำลังกายเหลือเกิน บางคนจดไปก็ได้รู้ว่าวันๆ เราดื่มน้ำแค่นิดเดียว
Diet Diary จึงเป็นตัวสะท้อนพฤติกรรมที่บ่งบอกได้ถึงน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นมา ว่ามาจากอะไร เริ่มต้นกับ Diet Diary ขั้นตอนเริ่มต้นนั้นอยากให้แบ่งตัว Diet Diary ออกเป็น 5 ส่วน ดังนี้
1. เรื่องราวของอาหารการกิน
ว่ากันตามชื่อเลยค่ะ ไล่กันไปตามมื้อเลยว่าตั้งแต่ตื่นนอนมาได้ทานอะไรไปบ้าง ต้องซื่อสัตย์กับตัวเองโดยการจดทุกสิ่งอย่างที่ทานเข้าไปจริงๆ นะคะ นอกจากอาหารแล้วก็ต้องมีเครื่องดื่มด้วย คราวนี้ล่ะค่ะคุณจะได้ทราบว่าบางวันเราดื่มน้ำกันไม่ถึง 8 แก้วตามที่ร่างกายต้องการด้วยซ้ำ ซึ่งน้ำเปล่านี่เอง เป็นตัวการหลักในการเผลผลาญอาหารที่เราทานให้แปรเปลี่ยนเป็นพลังงานด้วย สาวๆ คนไหนมีปัญหาเรื่องระบบขับถ่าย น่าจะปรับปรุงในส่วนนี้ได้ง่ายขึ้นนะคะ
ที่สำคัญต้องใส่ปริมาณอาหารและเครื่องดื่มที่เราทานลงไปด้วย เพื่อให้เราสามารถวิเคราะห์ตัวเองได้ง่ายขึ้น เช่น กล้วยหอมครึ่งผล โดนัท 3 คำ น้ำอัดลม 200 มล. เป็นต้น
2. เรื่องราวของกิจกรรม
พูดง่ายๆ ว่าวันๆ หนึ่งทำอะไรบ้างก็ใส่ลงไปให้หมดค่ะ จะได้รู้ว่าปริมาณอาหารที่เราทานเข้าไปนั้นมันสัมพันธ์กับสิ่งที่เราดื่มกินเข้าไปมากน้อยแค่ไหน จดลงไปแล้วหลายๆ คนอาจจะตกใจว่าเราห่างหายจากการออกกำลังกายหรือเล่นกีฬามานานขนาดนี้เลยหรือ? เราเสียเวลาวันนี้เกือบครึ่งวันไปกับการทำอะไรไร้สาระเหลือเกิน
ทุกกิจกรรมนั้นต้องใช้พลังงานในการทำนะคะ แม้แต่การนอนกลางวัน เพราะฉะนั้นต้องจดทุกกิจกรรมอย่างครบถ้วน และแน่นอนว่าต้องใส่จำนวนเวลาที่ทำกิจกรรมนั้นๆ ด้วยเสมอ เช่น วิ่งจ็อกกิ้ง 30 นาที พาน้องหมาไปเดินเล่น ½ ช.ม. เมาท์กับเพื่อนไป ทาเล็บไป 15 นาที ฯลฯ
3. เรื่องราวของอารมณ์
อารมณ์เป็นส่วนสำคัญในการวิเคราะห์ตัวเองเลยก็ว่าได้ค่ะ วันนี้คุณกินเยอะ อาจจะเป็นเพราะเครียด วันนี้คุณออกกำลังกายได้มาก อาจจะเป็นเพราะเพิ่งทะเลาะกับเจ้านายก็เลยวิ่งได้เยอะ หรือวันนี้กินได้น้อยมาก เอาแต่นอนซึมกระทือเพราะเศร้าที่เพิ่งโดนแฟนบอกเลิก อารมณ์ทั้งหลายเหล่านี้สะท้อนมาเป็นพฤติกรรมได้เสมอ ผ่านการกิน การนอน การทำกิจกรรมมากมาย ที่สำคัญคือคุณต้องไม่ปล่อยให้อารมณ์กลายเป็นตัวแปรใหญ่ในการใช้ชีวิต
การจดบันทึกด้านอารมณ์จะทำให้คุณเห็นได้ว่าบางครั้งการกินมาก ไม่ได้มาจากความอยาก แต่มันมาจากบรรยากาศและความรู้สึกร่วมด้วย เพราะฉะนั้นหากจะต้องการควบคุมน้ำหนัก คุณจึงต้องควบคุมส่วนนี้ด้วย
4. การวิเคราะห์ตัวเอง
เมื่อครบ 1 วัน 1 สัปดาห์ หรือ 1 เดือนก็ตาม คุณต้องทำการประเมินและวิเคราะห์ตนเองคร่าวๆ เพื่อให้ได้รู้จุดอ่อน กับข้อดีของตัวเอง เพื่อปรับปรุงในวันต่อไป สัปดาห์ต่อไป เดือนต่อไป เพื่อให้เราไปสู่จุดมุ่งหมายที่ต้องการ การวิเคราะห์ตัวเอง จะทำให้เราได้รู้ว่า วันนี้เรากินเยอะเพราะอะไร วันนี้เราออกกำลังกายได้น้อยเพราะอะไร
ไม่ใช่เป็นการหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองนะคะ แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าบางเรื่องเราก็มีเหตุผลของเรา ที่ต่างจากคนอื่น อย่างไรก็ตาม การจดบันทึก จะทำให้เรามามารถย้อนกลับมาดูได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น มันมีเหตุผล มากน้อยเพียงใด
5. ให้คะแนนตัวเอง
เราไม่ได้ประกวดหรือแข่งขันกับใครนะคะสาวๆ เพราะฉะนั้นการให้กำลังใจตัวเองเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวดที่จะจบภาระกิจในแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์และแต่ละเดือน คะแนนที่ให้ก็สามารถวิเคราะห์ได้อีกค่ะ ว่าเรามีแนวโน้มที่ดีขึ้นหรือแย่ลง ที่สำคัญ บ่งบอกได้ถึงความตั้งใจที่จะทำภารกิจนี้มากน้อยแค่ใน
การให้คะแนนใน Diet Diary ไม่ได้เป็นการอวยตนเองหรือการกดดันตัวเองแต่อย่างใด แต่มันจะเป็นข้อสรุปเพื่อที่เราสามารถเข้ามาดูแนวโน้มได้ ได้เตือนตัวเองได้ว่าถึงจุดที่พอดี หรือต่ำกว่ามาตรฐานหรือยัง?
Diet Diary เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่จะช่วยให้สาวๆ สามารถผ่านภาระกิจพิชิตความอ้วนไปได้อย่างมีระบบ เพราะเชื่อแน่ว่าการทำอะไรก็ตาม หากมีหลักการ หากมีระเบียบแบบแผน สิ่งนั้นก็จะสำเร็จแบบเป็นขั้นเป็นตอนและยั่งยืน ไม่เว้นแม้แต่การลดน้ำหนักค่ะ