กำลังทหารชาติตะวันตก เปิดฉากโจมตีกองกำลังกัดดาฟี อย่างหนักหน่วง พร้อมเคลื่อนยุทโธปกรณ์ประชิดลิเบียเพิ่ม 

(20 มี.ค.) เมื่อเวลาประมาน 03.00 น. ตามเวลาของประเทศไทย สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าการโจมตีลิเบีย โดยกระทรวงกลาโหม ของสหรัฐอเมริกา หรือ เพนตากอน เปิดเผยว่า ได้ยิงขีปนาวุธจากเรือรบของสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และชาติพันธมิตรอื่นๆ ใส่เป้าหมายในลิเบีย แล้ว 112 ลูก

ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวที่ประเทศบราซิล ระหว่างภารกิจเยือนลาตินอเมริกา ว่า การปฏิบัติการทางการทหารไม่ใช่ตัวเลือกแรก และไม่ได้เป็นความต้องการของสหรัฐฯ และ ชาติพันธมิตร ที่จะกระทำต่อลิเบีย แต่ไม่สามารถนิ่งเฉยได้ ในขณะที่ผู้นำประเทศบอกกับประชาชนของตนว่า "จะไม่มีความเมตตาอีกต่อไป" พร้อมกล่าวย้ำว่า สหรัฐฯ จะไม่ส่งกองกำลังภาคพื้นดินเข้าไปในลิเบีย

ด้านสำนักข่าว เอบีซี นิวส์ รายงาน อ้าง เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ที่ยืนยันครั้งแรกว่า ได้ยิงขีปนาวุธใส่ลิเบีย จากเรือรบที่ประจำการอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของสหรัฐฯ ที่เข้าไปมีส่วนร่วมโดยตรง กับการดำเนินการระหว่างประเทศ เพื่อยับยั้ง พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี ในการโจมตีฝ่ายต่อต้านและประชาชน และเพื่อบังคับให้ปฏิบัติตามมติของที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ในการจัดตั้งเขตห้ามบิน และขณะนี้ ได้เคลื่อนเรือรบ 11 ลำ เข้าประจำการในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน รวมทั้ง เรือดำน้ำ 3 ลำ เรือพิฆาต 2 ลำ เรือสะเทินน้ำสะเทินบก และ เรือขนส่งอีกหลายลำ

ขณะที่ พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี เรียกร้องให้ประชาชนชาวลิเบีย ลุกขึ้นจับอาวุธ เพื่อปกป้องประเทศ ในสิ่งที่เรียกว่า "สงครามศาสนา และ การล่าอาณานิคม" จากการรุกรานโดยกองกำลังของชาติตะวันตก และมีเพียงความสามมัคคีและความแข็งแกร่งของประชาชนชาวลิเบีย เท่านั้น ที่จะนำพาประเทศผ่านพ้นการคุกคามนี้ไปได้