กรมควบคุมโรคเผยมีนักเรียน-นักศึกษาหญิงเป็นกามโรค 30% ส่วนผู้ป่วยเอดส์เพิ่มปีละนับ 1 หมื่น คน ด้านยูเอ็นเตือนกลุ่มชายรักชายในไทยแพร่เชื้อเอดส์สูงสุดในรอบปี
หัวหน้ากลุ่มเอดส์ สำนักโรคเอดส์ วัณโรคและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าววันนี้ (29 ต.ค.) ถึงสถานการณ์โรคเอดส์ใน ประเทศไทยขณะนี้ว่าค่อนข้างน่าเป็นห่วง โดยมีสัญญาณเตือนให้เห็นว่า การแพร่ระบาดระดับรุนแรงกำลังจะกลับมาอีกครั้ง เนื่องจากอัตราผู้ ติดเชื้อเอดส์รายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
หัวหน้ากลุ่มเอดส์ สำนักโรคเอดส์ฯ กล่าวต่อว่า จากข้อมูลพบขณะนี้มีผู้ติดเชื้อเอดส์รายใหม่เพิ่มขึ้นปีละประ มาณกว่า 1 หมื่นคน โดยกลุ่มที่น่ากังวลมากที่สุดคือ แม่บ้านและหญิงตั้งครรภ์ ซึ่ง มีมากถึง 42% ของกลุ่มผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งหมด ส่วนใหญ่รับเชื้อจากสามีซึ่งติดเชื้อมาจากกลุ่มหญิงขายบริการทางเพศ และเด็กวัยรุ่นหญิง ที่มีพฤติกรรมสำส่อนทางเพศ ส่วนกลุ่มชายรักชาย เกย์ กะเทยนั้น เป็นกลุ่มที่มีผู้ติดเชื้อเอดส์เพิ่ม ขึ้นมากเช่น เดียวกับกลุ่มแม่บ้าน เพราะกลุ่มนี้มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศและมักจะไม่ป้องกัน รวมทั้งกลุ่มทหารเกณฑ์ก็มีผู้ ติดเชื้อรายใหม่มากขึ้นอีกด้วย
นพ.สมยศ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันพฤติกรรมการซื้อบริการทางเพศเปลี่ยนแปลงไป โดยส่วนใหญ่ผู้ชายมักจะรับ เชื้อเอดส์จากกลุ่มนักเรียน นักศึกษาที่คิดว่าปลอดภัย แต่จากผลสำรวจร่างกายนักเรียนหญิงในโรงเรียนหลายแห่ง พบว่ามีเด็กเป็นกามโรคถึง 30% โดยที่ตัวเองไม่รู้ตัว นอกจากนี้ ข้อมูลล่าสุดของกลุ่มผู้ป่วยเอดส์สะสมทั่วประเทศ พบว่าผู้หญิงอายุ 15-19 ปีเป็นผู้ติดเชื้อเอดส์มากกว่าผู้ชาย เนื่องจากมีเพศสัมพันธ์กับเพื่อนโดยไม่ป้องกัน และไปขายบริการทางเพศในรูปแอบแฝง
หัวหน้ากลุ่มเอดส์ สำนักโรคเอดส์ฯ กล่าวต่อว่า นอกจากนั้น องค์การสหประชาชาติยังแจ้งเตือนว่า กลุ่มชายรักชายในประเทศไทยมีการแพร่เชื้อเอดส์สูงสุดในรอบปี สอดคล้องกับตัวเลขของคลินิกนิรนามของสภากาชาดไทย อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลพบว่ามีกลุ่มบุคคลที่คิดว่าตัวเองมีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ หรือสงสัยว่าตนเองไปรับเชื้อเอชไอวีมาแล้ว มาตรวจเลือดและพบว่า ใน 100 คนจะมีผู้ติดเชื้อถึง 30 คน ซึ่งถือว่าอันตรายมาก