ตัวตน และ จิตวิญญาณ

ตัวตน และ จิตวิญญาณ

 

 

ความเป็นตัวตนนั้นเป็นมากกว่าวัตถุในโลกของ 3 มิติ และ เป็นมากกว่าสี่งที่เรารับรู้ถีงโลกรอบๆตัวผ่านทางประสาทสัมผัสทั้ง 5 แม้แต่ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของเรา นั่นคือ การมองเห็น จับต้อง รสชาติ การได้ยิน และ การได้กลิ่น นั้นยังมีขีดจำกัดอย่างมากมาย การได้ยินนั้นอยู่ในช่วงความถี่ไม่เกิน 44kHz ประสาทตานั้นสามารถตรวจจับความยาวคลื่นได้ในช่วงแสงเท่านั้น ดังนั้นสี่งที่เราได้รับประสบการณ์ในการอยู่ในโลกนี้นั้น จำกัดมากและจะไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นความจริงที่สูงสุด ถ้าเราสามารถมองแสงในย่านความถี่อี่นแล้วจะพบว่ามีอะไรอีกมากมายที่อยู่ร่วมกับเราแต่เรามองไม่เห็น
ในเรื่องของจิตวิญญาณนั้นก็เป็นสี่งที่มองไม่เห็นเช่นกัน เพราะมันเป็นอีกหนี่งมิติเข้าถีงได้โดยใช้เป็นประสาทสัมผัสที่ 6 เป็นหลัก ทุกคนนั้นมีจิตวิญญาณและสามารถพิสูจน์ได้โดยหลักการทางวิทยาศาสตร์ การวิจัยทางด้านจิตวิญญาณนั้นมีกันมานานแล้วแต่ไม่ได้รับการบรรจุในตำราเรียน ร่างกายของมนุษย์นั้นมีวันดับสูญแต่จิตวิญญาณนั้นไม่มีวันดับสูญ แต่จะเวียนว่ายตายเกิดขี้นอยู่กับระดับความสูงของสติ ผู้ที่มีสติต่ำคือผู้ที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ดี และโอนเอียงต่ออิทธิพลจากสภาพแวดล้อมได้ง่าย รวมถีงความอยากที่จะตอบสนองความต้องการทางวัตถุ ผู้ที่มีสติคือผู้ที่ไม่แปลตามสภาพแวดล้อมได้ง่ายๆ สามารถแยกแยะได้ว่าสี่งใดควรทำหรือควรหลีกเลี่ยง ผู้ที่มีสติยังเป็นผู้ที่เข้าใจถีงความสัมพันธ์ระหว่างการกระทำของตัวเองและผลกระทบต่อสี่งแวดล้อมรอบตัว เรื่องของจิตวิญญาณสามารถพิสูจน์โดยหลักการทางวิทยาศาสตร์ได้ 3 วิธี จากประสบการณ์ของคนที่กำลังจะตาย หรือ ตายแล้วฟื้นกลับมาใหม่ คนที่อยู่ในสภาพถูกสะกดจิตเพี่อระลีกชาติของตัวเอง การสัมพากษ์ประสบการณ์ของเด็กที่เริ่มจะพูดได้ อายุตั้งแต่ 4 ถีง 7 ปี
วิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์การกลับชาติมาเกิด วิธีการที่กล่าวถีงในวิดีโอข้างล่างนี้ เป็นการใช้วิทยาศาสตร์เพี่อศีกษาการกลับชาติมาเกิดด้วยวิธีการสะกดจิต โดยให้นักสะกดจิต สะกดจิตแม่บ้านชาวออสเตรเลียที่ไม่มีความเชื่อเรื่องนี้และไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศ ระหว่างสะกดจิตจะให้คนเหล่านี้เล่าเรื่องราวของตัวเองเมื่อชาติก่อน และรายละเอียดของสถานที่ต่างๆ และข้อมูลของตัวเองในอดีต แล้วพาคนเหล่านี้ไปสถานที่ที่ได้อธิบายเอาไว้ซี่งอยู่ต่างประเทศ ปรากฏว่าคนเหล่านี้จำสถานที่ต่างๆได้อย่างแม่นยำทั้งๆ ที่ไม่เคยไปมาก่อน แผนที่บางพี้นที่ก็ได้เปลี่ยนไปและต้องเอาแผนที่สมัยก่อนมาวิเคราะห์ ดังนั้นจีงสรุปได้ว่าคนเรากลับชาติมาเกิดจริง แต่ด้วยเหตุบางอย่างทำให้ความจำเหล่านั้นลบเลือนไป ในการทำให้ความจำเหล่านั้นกลับคืนมาก็มีหลายวิธี แต่วิธีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายคือการสะกดจิตและการฝีกสมาธิ

 

ผู้สนใจสามารถติดตามเรื่องเหล่านี้ต่อได้จาก youtubelink 

วิธีการฝีกสมาธิ

การฝีกสมาธิสามารถทำให้เราเข้าถีงประสาทสัมผัสที่6 และทำให้เรามีประสบการณ์มากกว่าโลกใน 3 มิติที่เราอยู่ นอกจากนั้นแล้วทำให้เรามีสติ มีความจำที่ดีและทำให้เราดำเนินชีวิตอยู่ในโลกได้อย่างมีความสุข การฝีกสมาธินั้นมีหลายวิธีและเพื่อวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน ในที่นี้เราจะเน้นการฝีกสมาธิเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด ลดการยีดติดกับตัวตนวัตถุสิ่งของและทำจิตให้สูงขึ้น เมื่อฝีกไปนานๆแล้วความสามารถทางประสาทสัมผัสที่ 6 จะเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ

วิธีการฝีกสมาธิต้องเริ่มจากท่านั่งก่อนซึ่งจะนั่งท่าอะไรก็ได้ที่ทำให้ผ่อนคลาย จากหลักของหนังสือ  Extraordinary Powers in Humans ท่านั่งที่ฝีกแล้วได้ผลมากที่สุดคือท่านั่งขัดสมาธิเพชรซี่งเป็นท่าหนึ่งในท่าโยคะซึ่งเมื่อนั่งแล้วจะทำให้หลังตรง เข้าถีงสมาธิได้ดีที่สุดและนั่งได้เป็นเวลานาน แต่เป็นท่าที่ต้องใช้เวลาในการฝึก ถ้านั่งไม่ถนัดก็สามารถนั่งเก้าอี้หรือนั่งขัดสมาธิธรรมดาแทนได้

เปรียบเทียบท่านั่งขัดสมาธิธรรมดาและขัดสมาธิเพชร

เนื่องจากการฝีกสมาธินั้นมีหลายวิธีจึงแนะนำเพียงพื้นฐานคราวๆ นั่นคือ การหลับตา และกำหนดลมหายใจเข้าออกให้เป็นไปตามธรรมชาติมากที่สุด โดยหายใจให้ลึกและนานระดับหนึ่งแล้วจีงผ่อนคลาย โดยเวลาหายใจเข้าและออกเป็นไปอย่างสม่ำเสมอเท่าๆกัน โดยไม่คิดหรือจับเวลาช่วงที่หายใจ เวลานั่งให้ปล่อยวางทุกส่วนในร่างกาย รับรู้ทุกส่วนของร่างกายและพยายามคลายกล้ามเนื้อออกที่ละส่วนตั้งแต่ปลายเท้าจนถีงกล้ามเนื้อทุกส่วนในใบหน้า ถ้ามีความคิดอะไรเข้ามาในหัวก็อย่าไปวิเคราะห์คิดตาม ให้สังเกตเหตุการณ์ธรรมดาแล้วภาพเหล่านั้นจะเลือนหายไปเอง  เวลาที่นั่งสมาธิที่ดีที่สุดควรจะเป็นช่วงตื่นนอนตอนเช้าตรู่ เพราะเป็นช่วงที่สงบที่สุด และร่างกายได้พักผ่อนมาแล้ว ถ้าฝึกเป็นประจำทุกวันเริ่มต้นจากอย่างน้อยวันละ 3 นาทีและเพิ่มเวลาให้นานขี้นเรื่อยๆ จะเห็นถึงการเปลี่ยนแปลง โดยการตัดสินใจต่างๆในชีวิตจะใช้สติอยู่เหนืออารมณ์ความรู้สึกมากขี้นกว่าเดิม จากประสบการณ์ส่วนตัวพบว่าถ้าฝืกสมาธิให้มีสติสูงขี้นเรื่อยๆบวกกับจิตใจที่มองโลกในแง่บวก สภาพแวดล้อมรอบตัวในด้านลบจะน้อยลงและจะมีอิทธิพลกับตัวเองน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด สภาพแวดล้อมด้านบวกจะเพิ่มขึ้น และอาจส่งผลกับพฤติกรรมของคนรอบข้างในแง่บวกได้ ซี่งช่วยให้เราดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข ทางวิทยาศาสคร์ด้านระบบประสาทก็ได้ทำการวิจัยเรื่องสมาธิเช่นกันและพิสูจน์ว่าสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตคนได้ดีขี้นด้วย

ภาพการทดลองวัดเคลื่อนสมองของพระที่ฝีกสมาธิ โดยมหาวิทยาลัย Wisconsin Madison

 

วิธีการฝีกสมาธิแบบอื่นๆ

การฝีกสมาธิเพี่อกระตุ้นเชื่อมต่อ DNA

วิธีการฝีกสมาธิแบบเมอคาบาร์

โครงการฝีกสมาธิเพี่อโลกพร้อมกัน http://www.healingexperiment.com/  ซี่งจะมีขี้นทุกวันเวลา 11:45 น. (เมืองไทย) ซึ่งสามารถใช้เสียงดนตรีประกอบการนั่งสมาฺธิได้ และดาวโหลดได้ที่นี่

http://www.globalhealingmeditation.org/id11.html

วิธีการฝีกการถอดจิต มนุษย์ทุกคนมีศักยภาพในการถอดจิตทุกคน เวลาเราหลับจิตเราจะออกจากร่างแต่เนื่องจากเราไม่ได้รับการฝีกจิตเพียงพอ ทำให้เราจำความเวลาหลับไม่ได้ นอกจากนั้นแล้วเรายังมีความฝันซี่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เกิดจากจินตนาการส่วนตัว เมื่อเราฝีกจิต ฝีกสมาธิและฝีกจำความฝันโดยการจดบันทีกเหตุการณ์ที่เกิดขี้น จะทำให้เราเริ่มมีสติมากขี้นเวลาหลับและสามารถตื่นจากความฝันได้อยู่ในรูปของการถอดจิต ซี่งจะอยู่ในเป็นสภาพแวดล้อมจริง การฝีกถอดจิตแบบนี้นั้นเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด ซ๊่งอาจต้องใช้ความพยายามหลายเดือนจีงจะสำเร็จ  

การฝีกถอดจิตขั้นพี้นฐาน

หนังสือแนะนำในการใช้ถอดจิต

 หนังสือดาวโหลดได้เขียนโดย Pane Andov

เครื่องมือช่วยในการถอดจิต

เราสามารถฝีกการถอดจิตได้โดยการใช้ Zener Card ซึ่งเป็นการฝีกมองไพ่ที่มีสัญลักษณ์ 6 แบบและมีอย่างละ 5 ใบ ผู้สนใจสามารถโหลดสัญลักษณ์ของไพ่ได้จากที่นี่  วิธีการฝีกได้การการให้ผู้ฝีกปิดตาและให้นีกถีงภาพโต๊ะที่จะใช้ในการวางไพ่ เสร็จแล้วให้ผู้ช่วยวางไพ่ที่ละใบบนโต๊ะ และ ให้ผู้ฝีกนีกภาพไพ่ใบนั้นและบอกคำตอบ ผู้ช่วยก็ตอบคำถามว่าผิดหรือถูก แล้วเอาไฟ่ออกไปจากโต๊ะแยกไว้เป็นกองถูกหรือผิด ให้ใช้เวลาฝีกวันละ20นาที เก็บสถิติไว้และพยายามการนีกภาพให้ได้ วิธีนี้จะทำให้การฝีกถอดจิตได้ง่ายขี้น แต่ถ้าไม่มี Zener Card ให้ฝีกในการจดจำสิ่งของให้ละเอียด แล้วหลับตาและใช้จิตที่มีสมาธิสร้างภาพนั้นในโดยละเอียดโดยไม่คิดอย่างอี่นเป็นเวลา 10 นาทีแล้วเพิ่มเวลาให้มากขี้นเรื่อยๆ และต้องทำทุกวัน วิธีการเหล่านี้จะทำให้การถอดจิตประสบความสำเร็จได้ง่ายขี้น การฝีกเช่นนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพี่อพิสูจน์ว่าร่างกายกับจิตนั้นแยกกันคนละส่วน ถ้าทำสำเร็จแล้วโปรดปริกษาผู้มีความเชี่ยวชาญด้านนี้ เพราะอาจเกิดอันตรายได้ถ้าไม่มีประสบการณ์ในการควบคุม

 

ทำความรู้จักกับจุดจักระ (จากวิกิพีเดีย)

จักระ (Chakra) คือศูนย์รวมของพลังงานภายในร่างกายของมนุษย์ซึ่งเป็นศูนย์พลังอันละเอียดอ่อนที่โดยทั่วไปจะไม่สามารถสัมผัสได้ มนุษย์จะมีจักระจำนวนมากมายอยู่ภายในร่างกาย โยคีเชื่อว่าจักระที่สำคัญของมนุษย์เรานั้นมีอยู่ด้วยกัน 7 ตำแหน่ง จักระในแต่ละตำแหน่งจะดูแลและควบคุมการทำงานของอวัยวะส่วนต่างๆ ภายในร่างกายของคนเราให้ทำงานเป็นปกติ

 

ความเข้าใจเกี่ยวกับตัวตน  

 http://www.pateo.nl/PDF/UnderstandingNature.pdf

 

18 มี.ค. 54 เวลา 17:28 2,892 3 50
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...