เอพีรายงานว่า เมื่อ 13 มี.ค. กองกำลังทหารญี่ปุ่นช่วยชีวิตนายฮิโรมิตสึ ชินกาวะ วัย 60 ปี ซึ่งใช้ผ้าแดงโบกขอความช่วยเหลือขณะลอยเคว้งอยู่บนหลังคาบ้านที่ถูกคลื่นสึนามิซัดลงทะเล ไกลจากชายฝั่ง 15 กิโลเมตร ได้อย่างปลอดภัย
คุณลุงชินกาวะ เล่าว่า ในวันเกิดเหตุ หลังจากแผ่นดินไหวผ่านไปไม่นาน ตนเองและภรรยาเดินทางกลับมาบ้านเพื่อดูแลสิ่งของ จู่ๆ คลื่นยักษ์สึนามิก็ซัดเข้ามา ตนปีนขึ้นหลังคาทันเพียงคนเดียว ส่วนภรรยาจมน้ำหายไปอย่างไม่ทราบชะตากรรม ช่วงที่ลอยอยู่กลางทะเล 2 วัน พยายามส่งสัญญาณเรียกเฮลิคอปเตอร์ที่บินผ่านมา และเรือที่แล่นผ่าน แต่ไม่มีใครสังเกตเห็น กระทั่งถึงวันอาทิตย์นี้ เจ้าหน้าที่ทหารเห็นเข้าและใช้เรือเล็กออกไปลากหลังคาที่คุณลุงติดค้างอยู่เข้ามาที่ฝั่ง
เจ้าหน้าที่ทหารกล่าวว่า คุณลุงชินกาวะโชคดีเอามากๆ ที่สภาพอากาศหลังจากเกิดสึนามิสงบลง และคลื่นทะเลไม่แรง จึงลอยเคว้งอยู่ในทะเลได้ถึงสองวัน ขณะที่คุณลุงกล่าวเสริมว่า "ลุงคิดว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายในชีวิตเสียแล้ว"
วันเดียวกัน ที่เมืองบันดา อาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซีย เอพีรายงานปฏิกิริยาของเหยื่อสึนามิปี 2547 เมื่อครั้งเกิดสึนามิในแถบมหาสมุทรอินเดีย ว่า แต่ละคนยังไม่ลืมประสบการณ์เมื่อ 7 ปีก่อน ยิ่งมาเห็นภาพเหตุการณ์สึนามิในญี่ปุ่น ยิ่งทำให้ภาพหลอนที่ติดตานั้นหวนกลับมาอีก
"ฉันพยายามไม่ดูข่าว แต่ก็อดไม่ได้ มันเหมือนเดิมเป๊ะ ยกเว้นภาพที่สยองขวัญนั้นมันปรากฏตรงๆ ต่อหน้า" ไมซารา มูชาราม หญิงอินโดนีเซีย วัย 38 ปีที่รอดตายจากเหตุสึนามิในอาเจะห์ กล่าว โดยเหตุการณ์ครั้งนั้นคร่าชีวิตผู้คนใน 12 ประเทศ มากกว่า 230,000 ราย
ด้านคัต ชาลิดาห์ วัย 39 ปี ผู้เสียลูกชายและญาติอีก 9 คนไปในเหตุสึนามิครั้งนั้น กล่าวว่า ดูภาพข่าวที่คลื่นสูง 7 เมตรซัดกวาดชายฝั่งญี่ปุ่นแล้ว ถึงได้รู้ว่า ตอนบ้านตนเองก็เป็นแบบนี้ ขณะที่ด.ญ.ซากี รามาดาน วัย 13 ปี ถึงกับมีอาการหายใจไม่ออกเมื่อเห็นภาพข่าวที่ญี่ปุ่น เพราะภาพในอดีตกลับมาหลอนอีกครั้ง
(กรอบบ่าย)
หน้า 7