1.
บทความและภาพคัดลอกมากจาก http://cherokee.exteen.com/
ขอบคุณ...คุณ Cherokee มา ณ โอกาสนี้ด้วยนะคะ...
2.
สวัสดีครับ หน้าหนาวกำลังจะผ่านไป หน้าร้อนกำลังเข้ามาแทนที่
วันนี้เรามาชมหมู่บ้านที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะในฤดูหนาวจนขาวโพลน
ราวกับหมู่บ้านในนิทาน หมู่บ้านที่ว่านี้อยู่ในประเทศญี่ปุ่น
ชื่อว่าหมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)
3.
หมู่บ้านชิราคาวาโกะตั้งอยู่บนภูเขาในเขตจังหวัดกิฟูและโทยามา
(Gifu and Toyama Prefectures) ทางตอนกลางของเกาะฮอนชู
ประกอบไปด้วยบ้านเรือนรูปร่างแปลกตาที่มีอายุเก่าแก่กว่า 200-300 ปี
กระจายไปในแนวเหนือ-ใต้ ตามที่ราบแคบ ๆ ที่ขนานไปกับแม่น้ำโชกาวะ (Shokawa River)
4.
เนื่องจากทำเลที่ตั้งอยู่ในหุบเขาที่มีภูเขาสูงล้อมรอบทุกด้านถูกตัดขาด
จากโลกภายนอก ชาวบ้านแถบนี้จึงพัฒนาสังคมและวิถีชีวิตที่แตกต่าง
จากชุมชนอื่นในญี่ปุ่นมาช้านาน
5.
หมู่บ้านแห่งนี้มีสิ่งที่แปลกตาคือหลังคาทรงสูงที่มีความชันมากถึง 60 องศา
กับพื้นดิน จนดูเหมือนคนพนมมือภาษาญี่ปุ่นจึงเรียกสถาปัตยกรรมแบบนี้
ว่าเป็นรูปแบบกัสโช (Gassho-zukuri) ซึ่งแปลว่าสร้างแบบพนมมือ
ด้านหน้าทำเป็นหน้าจั่วแบบบ้านทรงไทย มีการเจาะช่องหน้าต่าง
เพื่อรับแสงสว่างจากภายนอก และเป็นการระบายอากาศให้ถ่ายเท
จากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง เมื่อมองจากภายนอกจึงดูมีสัดส่วนสวยงาม
6.
ในฤดูหนาวมีหิมะตกหนักมาก ชาวบ้านจึงสร้างหลังคาทรงแหลมสูงลาด
ลงด้านข้างทั้งสองของบ้านช่วยให้หิมะและน้ำฝนไหลลงมาตามหลังคา
ไม่เกาะค้างบนหลังคาเป็นเวลานาน ๆ หิมะจะได้ไม่กองท่ว
7.
หิมะที่ตกหนักจะไหลลงมาจากหลังคามากองรอบบ้าน จะทำหน้าที่เป็นฉนวน
กันความเย็นและลมหนาวได้เป็นอย่างดี
8.
นอกจากนี้บ้านส่วนใหญ่ยังหันหน้าไปทางเดียวกันตามทิศทางลม
เพื่อช่วยให้บ้านเย็นสบายในฤดูร้อน และสร้างความอบอุ่นในฤดูหนาว
9.
วัสดุที่ใช้มุงหลังคาเป็นวัสดุท้องถิ่นที่หาได้ไม่ยากในแถบนั้น ประกอบด้วย
เศษไม้ ต้นไผ่ ดินเหนียว หญ้าคา หลังคาอาจมีความหนาถึง 1 เมตร
เพื่อรองรับน้ำหนักหิมะและป้องกันไม่ให้น้ำซึมทะลุหลังคาเข้ามาในบ้าน
ทำให้หลังคาไม่ต้องเปียกน้ำเป็นเวลานาน ๆ จนทำให้ผุพังเร็ว
10.
จุดเด่นอีกอย่างคือไม่มีการใช้ตะปูในการมุงหลังคา แต่ใช้วิธีแบบธรรมชาติ
คือใช้ไม้ขัดกัน และใช้เชือกมัดให้แน่น
11.
เนื่องจากหลังคาพวกนี้ทำจากวัสดุธรรมชาติ จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่
อยู่บ่อย ๆ การมุงหลังคาใหม่จะทำในช่วงฤดูใบไม้ผลิหลังจากหิมะละลาย
หมดแล้ว ในปัจจุบันบ้านแต่ละหลังต้องมุงหลังคาใหม่ทุก 25-35 ปี
การมุงหลังคาต้องอาศัยแรงชาวบ้านประมาณ 100-200 คน
เหมือนการลงแขกเกี่ยวข้าวของไทย และใช้เวลาเพียงวันเดียว
สำหรับบ้าน 1 หลัง ทุกปีจะมีบ้าน 2-3 หลังที่ต้องมุงหลังคาใหม่
เป็นการถ่ายทอดวิธีมุงหลังคาจากรุ่นสู่รุ่นสืบทอดกันมาเป็นประจำทุกปี
12.
ในหน้าร้อนช่วงเช้า ต้องมีการฉีดน้ำขึ้นไปบนหลังคาเพื่อป้องกันไฟไหม้
13.
ในช่วงฤดูหนาว ประมาณเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ จะมีการเปิดไฟ
ตอนเย็นช่วงสุดสัปดาห์ ๆ ละ 1 วัน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว
ส่วนจะเปิดวันไหนบ้างต้องติดตามจากเว็ปไซต์
14.
ภายใต้หลังคาทรงสูง จะแบ่งเป็นชั้น ๆ ตั้งแต่ 2-4 ชั้น เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอย
ชั้นล่างเป็นที่อยู่อาศัย เนื่องจากมีพื้นที่มากพอในบ้าน ทำให้ชาวบ้านอยู่กัน
แบบครอบครัวขยาย ทุกคนในครอบครัวอาศัยอยู่รวมกันหมดในหลังเดียว
ส่วนชั้นบนใช้เป็นที่เก็บของและเลี้ยงไหม ชุมชนแห่งนี้ในอดีต
(และปัจจุบันสำหรับบางบ้าน) ยังชีพด้วยการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม
ก่อนหน้านี้หมู่บ้านชิราคาวาโกะไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของโลกภายนอก
แม้แต่คนญี่ปุ่นเอง ชาวบ้านอยู่กันอย่างสงบ ในปี พ.ศ. 2467 มีบ้านเรือน
แบบกัสโชนี้ถึง 300 หลังคาเรือน ต่อมามีการสร้างเขื่อนและตามมาด้วยผล
จากสงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้ในปี พ.ศ. 2504 บ้านเรือนทรงดังกล่าวลด
เหลือ 191 หลัง และปัจจุบันเหลือเพียง 114 หลังเท่านั้น แต่ก็มีความพยายาม
ในการอนุรักษ์จากคนรุ่นใหม่ โดยมีคำขวัญว่า “ไม่รื้อ ไม่ขาย ไม่เช่า”
และชี้ให้เห็นความสำคัญถึงการอนุรักษ์บ้านเรือนที่มีเอกลักษณ์แบบนี้