ผัว-เมียหอบคลิปร้อง "ข่าว สด" กล่าวหาพระระดับผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดดังในกทม. กระทำ เสพเมถุนในกุฏิหลายครั้ง รับสิ้นตั้งกล้องแอบถ่าย เพราะหวังแบล็กเมล์เอาเงินจากพระ เรียกไปครึ่งล้าน แต่ได้มาแค่แสนเศษ เผยเข้าตาจนต้องร้องเรียนเอาคลิปมาโชว์ เพราะถูกโทร.ลึก ลับตามข่มขู่จนหวาดผวา ย้ายที่อยู่หนีหัวซุกหัวซุน เล่าความเป็นมา ฝ่ายหญิงไปถวายสังฆทานจากความเครียดปัญหาเงินทอง เลยถูกพระชักชวนให้ทำผิดจนถลำ สุดท้ายฝ่ายชายจับได้ เพราะพระโทร.มาตื๊อทีละนานๆ ให้ออกไปหาดึกๆ ดื่นๆ เลยช่วยกันวางแผนแบล็กเมล์เอาเงิน เผยหลังร้องเรียนเข้าแจ้งความ ตร.ดำเนินคดีแล้วด้วย
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 11 มี.ค. นายเอก (นามสมมติ) อายุ 56 ปี และนางซี (นามสมมติ) อายุ 30 ปี สองสามีภรรยา เข้าร้องเรียน "ข่าวสด" ระบุว่า พระรูปหนึ่งตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาส ในวัดดังแห่งหนึ่งในกทม. ได้เสพเมถุนกับนางซี เมื่อตนวางแผนถ่ายคลิปการเสพเมถุนเพื่อแบล็กเมล์เอาเงินจากพระ ก็ถูกลูกศิษย์ที่เป็นตำรวจและทหารโทร.มาข่มขู่เอาชีวิต จนต้องพาลูกย้ายที่อยู่มาแล้วหลายแห่ง เตรียมจะเข้าแจ้งความดำเนินคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเอกและนางซีนำหลักฐานมาแสดง เป็นคลิปวิดีโอมีความยาวประมาณ 10 นาที เป็นภาพขณะที่พระกับนางซีกำลังกอดจูบลูบคลำอย่างเมามันภายในกุฏิ ซึ่งนายเอก เล่าความเป็นมาว่า ตนกับนางซีคบหากันประมาณปีเศษแล้ว โดยนางซีเป็นแม่ม่ายลูกติด ส่วนตนมีอาชีพขายยาสมุนไพรไทยตามตลาดนัดทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ปกติแล้วจะกลับมาหานางซีเดือนละประมาณ 3-4 ครั้ง มาช่วงประมาณปลายเดือนพ.ย. 53 ตนสังเกตเห็นความผิดปกติของภรรยา เพราะมักมีคนโทรศัพท์มาหา พูดคุยนานนับชั่วโมง หลังจากวางสาย นางซีก็จะออกไปนอกบ้านทันที กลับมาบ้านประมาณ 4-5 ทุ่ม ตนสอบถามภรรยาว่าไปไหนมา แต่ก็ตอบแบบบ่ายเบี่ยง ตนเชื่อว่านางซีคบชู้อยู่อย่างแน่นอน จึงลงมือทุบตีด้วยความโมโห จนนางซียอมสารภาพมาว่าเข้าไปหาพระรูปดังกล่าว โดยมีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับพระมาแล้วประมาณ 5-6 ครั้ง
"พอรู้ว่าเป็นพระรูปนี้ผมยิ่งโกรธอย่างมาก เพราะช่วงที่ผมไปบวชอยู่วัดเดียวกัน พระรูปนี้เคยขับไล่ผมออกจากวัดโดยไม่เป็นธรรม แล้วยังกลับมาทำอย่างนี้กับภรรยาผมอีก ผมจึงได้วางแผนกับภรรยาที่จะถ่ายคลิปวิดีโอตอนเสพเมถุนไว้ เพื่อจัดการพระรูปนี้ให้พ้นจากศาสนาไป" ผู้ร้องเรียนกล่าว
ทางด้านนางซีกล่าวว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปลายเดือนต.ค. 53 เป็นต้นมา ตนเข้าไปทำบุญถวายสังฆทานที่วัด เนื่องจากช่วงนั้นเครียดมาก เพราะไม่มีงานทำ ประกอบกับเงินก็ไม่พอใช้ ต้องรอขอเงินจากสามีอย่างเดียว จึงหวังพึ่งโชคลาภจากการเข้ามาทำบุญ จนมารู้จักกับพระดังกล่าว เพราะท่านเป็นคนรับสังฆทาน ท่านเป็นพระที่พูดจาดีมาก มีหลักธรรมสอนอยู่ตลอด ชักชวนให้เข้ามาทำบุญที่วัดอยู่บ่อยครั้ง ตั้งแต่นั้นตนเข้ามาถวายสังฆทานเรื่อยมา จนรู้สึกว่าคุ้นเคยกัน เพราะท่านให้ความเป็นกันเองกับตนมาก ท่านได้สอบถามถึงประวัติความเป็นมา จึงได้เล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟังว่ามีลูก 3 คน สามีคนแรกเสียชีวิต และปัจจุบันมีสามีเป็นพ่อค้าขายยาสมุนไพรไทย ทางบ้านมีฐานะยากจนมาก ตนเองไม่มีงานทำ เงินที่ใช้จ่ายแต่ละเดือนที่ได้จากสามีก็ไม่พอใช้ และบ้านที่อยู่นี้ก็ถูกไล่ที่ จึงไม่มีที่อยู่แล้วในตอนนั้น
นางซีกล่าวต่อว่า หลังจากตนเล่าเรื่องราวจนจบ หลังจากวันนั้นประมาณ 2-3 วัน ทางพระได้ให้คนขับรถมาที่บ้านตนย่านภาษีเจริญ นำข้าวสารอาหารแห้งจำนวนมากมาให้ที่บ้าน หลังจากนั้นท่านก็ได้โทรศัพท์มาหา บอกว่าให้ไปหาที่อยู่ใหม่ แล้วท่านจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด หลังจากนั้นประมาณ 5-6 วัน ตนตัดสินใจโทรศัพท์กลับไปบอกท่านว่าหาที่อยู่ไม่ได้ เพราะไม่รู้จักกับใครที่ไหน ท่านจึงได้บอกว่าให้มาหาที่กุฏิในเวลา 21.00 น. จะรออยู่ที่ใต้ถุนกุฏิ ตนจึงเดินทางไปหา พร้อมกับนำยาสมุนไพรแก้อัมพฤษก์อัมพาตของสามีไปขายให้ในราคาถุงละ 100 บาท ท่านรับไว้ 2 ถุง ให้เงินมา 300 บาท ก่อนที่จะเอื้อมมือมาจับที่แขนตน แล้วพูดว่า "ทำเป็นหูหนวกตาบอดได้ไหม เดี๋ยวฉันจะให้เงินไปหาที่อยู่ใหม่" ก่อนที่จะมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งเป็นครั้งแรก เสร็จแล้วพระให้เงินมา 500 บาท เป็นค่ารถกลับบ้าน
นางซีกล่าวต่อไปว่า หลังจากนั้นมาทางพระมักโทรศัพท์มาพูดคุยหว่านล้อมต่างๆ นานา และนัดให้ไปพบที่ห้องลับใต้ถุนกุฏิอยู่ 5-6 ครั้ง ในแต่ละครั้งจะให้เงินมาเพียง 300-500 บาท เท่านั้น ตนรู้สึกคับแค้นใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมเป็นผู้ใหญ่แล้วถึงพูดไม่เป็นคำพูด ทีกับผู้หญิงคนอื่นให้เงินซื้อบ้านให้อยู่ได้ แต่ตนไม่ได้อะไรเลย จนกระทั่งถูกสามีจับได้ และวางแผนให้นำกล้องไปตั้งถ่ายคลิปวิดีโอไว้เพื่อเป็นหลักฐาน เมื่อได้แล้วก็นำคลิปวิดีโอไปให้พระดังกล่าวดู ท่านโทรศัพท์มาแล้วบอกว่าไม่น่าทำอย่างนั้นเลย ไม่สงสารบ้างเหรอ ที่ทำไปเพราะเธอเป็นคนมอมยา ตนโมโหมาก เพราะสิ่งที่เขาพูดมาไม่เป็นความจริง จึงได้แบล็กเมล์ขอเงินไปจำนวน 5 แสนบาท ทางพระตกลงยอมจ่ายให้ มีเงื่อนไขห้ามนำเรื่องนี้ไปบอกกับใคร จากนั้นโอนเงินเข้ามาในบัญชีธนาคารกรุงเทพ จำนวน 4 ครั้ง รวมเป็นเงิน 129,000 บาท แล้วหลังจากนั้นกลับมีเบอร์โทรศัพท์แปลกๆ โทร.เข้ามาหา บอกว่าเป็นตำรวจ สน.บางกอกใหญ่บ้าง เป็นทหารเรือยศนายพลบ้าง พูดจาข่มขู่เอาชีวิตต่างๆ นานา กว่า 20 ครั้ง จนเกิดความกลัวต้องหนีหัวซุกหัวซุน
ต่อมาเวลา 15.00 น. นางซีเดินทางเข้าแจ้งความกับร.ต.ท.หญิงจารุวรรณ มากยงค์ พงส.สบ 1 สน.บางกอกใหญ่ ให้ดำเนินคดีกับพระดังกล่าว ข้อหากระทำชำเรา และข่มขู่ โดยทางร้อยเวรได้รับแจ้งความและนัดมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง