หนังสืองานศพหรือหนังสืออนุสรณ์งานศพเกิด ขึ้นในเมืองไทยครั้งแรกเมื่อสมัยราชกาลที่ 5 ครั้งนั้นจัดพิมพ์เป็นที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพพระนางเจ้าสุนันทา กุมารีรัตน์ (พระนางเรือร่ม) โดยมีกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงเรียบเรียง และต่อมาก็ยึดถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติมาจนทุกวันนี้ สมัยก่อนมีเพียงศพเจ้านายชั้นสูงเท่านั้นที่นิยมพิมพ์หนังสือเป็นอนุสรณ์งาน ศพ ปัจจุบันระดับชาวบ้านก็ทำตามอย่างด้วยเหมือนกัน
กระทั่งทุกวันนี้หนังสืองานศพกลายเป็นธุรกิจที่หลายคนอาจมองไม่เห็น หากไม่ใช่คนในวงการ เพราะหนังสืออนุสรณ์งานศพบาง เล่มมีราคาตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป เรื่อยไปจนถึง 50,000 บาททีเดียว ยิ่งหายากเท่าใด ราคาก็ถีบตัวสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว ยิ่งผู้ตายเป็นเจ้านายชั้นสูง ราคาก็ขยับเพิ่มด้วย ดังนั้นจึงมีกลุ่มคนยึดอาชีพหากินกับหนังสืองานศพอย่างเป็นล่ำเป็นสัน
เหตุผลที่ทำให้หนังสืองานศพกลายเป็นธุรกิจ เนื่องเพราะมีความต้องการสินค้าจากผู้ซื้อก่อนเป็นอันดับแรก ดังนั้นร้านหนังสือจึงตอบสนองด้วยการจัดหาสินค้ามาตอบสนองหนังสืองานศพบางเล่มเป็นที่ต้องการจากลูกค้ามากและมีคนหลายคนต้องการ หนังสืองานศพเล่มดังกล่าวก็ต้องมีราคาสูงขึ้นตามกลไกของตลาด ไม่แปลกเลยที่หนังสืออนุสรณ์งานศพบางเล่มมีราคาเหยียบ 100,000 บาท
หนังสืออนุสรณ์งานศพแจกในงานศพของ"ยาขอบ" ผู้เขียนหนังสือเรื่อง ผู้ชนะสิบทิศ เมื่อ พ.ศ.2500
ศูนย์รวมหนังสืออนุสรณ์งานศพแหล่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ก็หนีไม่พ้นตลาดนัดจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ทางด้านถนนกำแพงเพชร บริเวณนี้จะมีร้านหนังสือมือสองจำนวนมาก โดยเจ้าของร้านจะเป็นตัวช่วยประสานงานหาหนังสืองานศพตามความต้องการของลูกค้า เพราะหนังสืองานศพราคา ค่อนข้างสูงและเก็บรักษายาก จึงไม่มีวางอยู่ที่หน้าร้าน ลูกค้าต้องสอบถามเอากับเจ้าของร้านโดยตรง อีกอย่างคนในวงการจะรู้เรื่องการซื้อขายเหล่านี้เป็นอย่างดี
หากเป็นหนังสืองานศพทั่วไป และไม่เป็นที่ต้องการของตลาดมากนัก ก็จะมีวางขายเป็นจำนวนมากอยู่ตามร้าน และหนังสืออนุสรณ์งานศพประเภทนี้ราคาไม่แพง แต่เนื้อหาสาระหนังสืองานศพทุก เล่มนั้น ถือว่าเป็นประโยชน์และค่อนข้างดี เพราะหากไม่มีสาระแล้วเจ้าภาพคงไม่พิมพ์แจกเป็นของชำร่วยให้กับผู้มาร่วม ฌาปนกิจศพ ดังนั้นลูกค้าผู้หลงใหลหนังสืองานศพสามารถหาซื้อหาได้ตามอัธยาศัย อีกอย่างลูกค้าบางคนหัวใสซื้อเหมาหนังสืองานศพที่ คิดว่าจะมีมูลค่าเพิ่มในอนาคต เอาไว้เก็งกำไรในภายหน้า ดังนั้นผู้ต้องการอยากเข้ามาสู่ธุรกิจนี้ต้องมีความรอบรู้ไม่ต่างอะไรกับวง การพระเครื่องทีเดียว
หนังสืองานศพหลากหลายปกภายในร้านหนังสือบริเวณตลาดนัดจตุจักร
หลายคนสงสัยว่าหนังสืออนุสรณ์งานศพเดินทางเข้าสู่ร้านหนังสือได้อย่างไร ทั้งที่เจ้าภาพแจกให้เฉพาะบรรดาแขกที่ไปร่วมฌาปนกิจศพเท่านั้น เรื่องนี้มีผู้รู้ในวงการหนังสืองานศพให้ความกระจ่างเอาไว้ว่า ในแวดวงหนังสืองานศพจะ มีขบวนการจัดหาสินค้าป้อนตลาดอยู่เสมอ คนเหล่านี้จะหาข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ว่ามีงานศพที่ไหน เมื่อไร ถ้าเป็นคนใหญ่ๆโตๆหรือคนดัง พวกนี้จะไม่พลาด เขาจะส่งคนแต่งตัวอย่างดีเข้าไปร่วมงานศพเลย หลังจากงานวันหรือสองวันหนังสืองานศพก็มีวางขายแล้ว
นับว่าเป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจที่แปลกประหลาด ผู้อยู่นอกวงการยากที่จะรู้หรือเข้าใจ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าหนังสืองานศพ จะเดินทางเข้าร้านด้วยวิธีใดก็ตาม นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าคนที่ต้องการหนังสือ ได้อ่านหนังสือที่มีสาระตามความต้องการของตนเอง เมื่อหนังสืองานศพทุกเล่มเอื้อประโยชน์ให้คนอ่านแล้วเดินทางถึงมือผู้อ่านได้ เหตุผลทั้งหลายทั้งปวงดังกล่าวมาย่อมส่งกุศลถึงผู้จากไปโดยแท้
เนื่องจากหนังสืองานศพบางเล่มเป็นที่ต้องการของตลาดและมีราคาสูง ทำให้เกิดขบวนการขโมยขึ้นในแวดวงหนังสืออนุสรณ์งานศพ โดยเฉพาะหนังสืองานศพที่ เก่าและหายาก จะถูกหมายตาจากหัวขโมยเป็นพิเศษ เรื่องนี้สร้างภาระโดยไม่จำเป็นให้กับเจ้าของห้องสมุดต่างๆ ที่ต้องจัดจ้างเวรยามมารักษา ยิ่งการสร้างห้องสมุดเป็นบริการสังคมเพื่อส่วนรวม ไม่มีรายได้หรือผลประโยชน์ใดๆ แต่มาถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ฉวยโอกาส จึงเป็นเรื่องน่าสมเพชหัวขโมยยิ่งนัก
แหล่งซื้อขายหนังสืองานศพบริเวณตลาดนัดจตุจักร
ไม่ว่าหนังสืองานศพจะเป็นที่ต้องการของนักสะสมเพียงใด แต่หนังสือทุกเล่มจะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อผู้เป็นเจ้าของได้อะไรจากการอ่าน หนังสือนั้นๆ หากหนังสือมีความหมายเพียงแค่ของสะสมก็ไม่ต่างอะไรกับเศษกระดาษตามถังขยะ และหากหนังสืองานศพกลายเป็นของสะสมหุ้มห่อเก็บรักษาเอาไว้อย่างดี ก็ไม่ต่างอะไรกับพระไตรปิฎกในตู้ที่ล็อกกุญแจเอาไว้แน่นหนา แน่นอนว่าไม่เกิดประโยชน์กับใครทั้งนั้น และเจ้าภาพผู้พิมพ์แจกหรือแม้กระทั่งผู้วายชนเองก็ไม่ได้รับกุศลอะไรกับสิ่ง ที่ตนเองทำลงไป
หากว่ากันเฉพาะหนังสืองานศพทั่วไป ไม่ใช่หนังสืออนุสรณ์งานศพที่นักสมสะต้องการมีไว้เพื่อประดับบารมี ธุรกิจนี้ก็คงดำเนินต่อไป และดูเหมือนแนวโน้มตลาดหนังสืองานศพจะ ขยับตัวไปในทิศทางที่สดใส เนื่องเพราะเนื้อหาสาระหรือแม้กระทั่งรูปเล่มและคุณภาพการพิมพ์ไม่ต่างอะไร กับหนังสือที่พิมพ์จำหน่ายในร้านค้าทั่วไป แต่ที่หนังสืองานศพได้เปรียบคือราคาถูกกว่าอย่างลิบลับ ดังนั้นนักอ่านผู้ต้องการคุณภาพมากกว่ารูปเล่มสวยงามจึงกลายเป็นลูกค้าร้านหนังสืองานศพอย่างเหนียวแน่นตลอดมา
แหล่งซื้อขายหนังสืองานศพบริเวณตลาดมืดคลองถม
นอกจากตลาดนัดสวนจตุจักรที่เป็นแหล่งซื้อขายหนังสืองานศพขนาดใหญ่ แล้ว อีกแห่งหนึ่งที่รองลงมาก็คือตลาดมืดแถวคลองถม ใจกลางกรุงเทพฯ โดยตลาดบริเวณนี้มีเพียงสัปดาห์ละครั้ง คือเริ่มคึกคักช่วงเย็นวันเสาร์เรื่อยไปจนถึงเย็นวันอาทิตย์ ผู้ขายจะนำหนังสืองานศพที่ตนเองมีอยู่มาวางขายแบกับดินตรงฟุตบาท ในเรื่องราคาแล้วแต่จะตกลงกันได้ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย นับเป็นตลาดหนังสืองานศพที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง และตลาดมืดคลองถมไม่ใช่จะมีเพียงหนังสืองานศพเท่า นั้น ยังมีสินค้าหลากหลายตั้งแต่สากกระเบือถึงเรือรบ เฉพาะคืนวันเสาร์ตลอดทั้งคืนนั้นมีผู้คนแออัดเดินขวักไขว่กันทั้งคืนอันเป็น ที่มาของคำว่า “ตลาดมืด”
แน่นอนว่าหนังสืองานศพเป็นอีกสินค้าตัวหนึ่งที่สร้างอาชีพให้กับคนใน สังคมได้อย่างไม่น่าเชื่อ ผู้ที่มองเห็นช่องทางและโอกาสจึงเร่งทำธุรกิจประเภทนี้ให้เติบโตอยู่เสมอ เห็นได้จากเว็บไซต์หลายแห่งที่ทำเรื่องซื้อขายหนังสืออนุสรณ์งานศพโดย เฉพาะ ดูเหมือนจะมีลูกค้าแวะเวียนเข้าไปใช้บริการมากพอดู สมัยก่อนตลาดจะจำกัดเฉพาะในกรุงเทพฯเท่านั้น แต่ปัจจุบันมีข่าวสารเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต ทำให้ผู้คนต่างจังหวัดรู้จักหนังสืองานศพมากขึ้น
ผู้ทำธุรกิจซื้อขายหนังสืองานศพได้เปรียบเรื่องต้นทุนสินค้าที่ใช้เงินลงทุนไม่มากนัก ในทางตรงข้ามหนังสืออนุสรณ์งานศพบาง เล่มอาจทำกำไรให้อย่างมหาศาล และการได้สินค้ามาก็ไม่ต้องเสาะหาด้วยตัวเอง เพราะจะมีคนนำมาเสนอให้ถึงร้าน หรือหากต้องลงทุนแสวงหาสินค้าเองก็ลงทุนไม่มากนัก ดังนั้นธุรกิจซื้อขายหนังสืองานศพจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้เห็นช่องทางการตลาด ที่ไม่ควรมองข้ามด้วยประการทั้งปวง
บทความนี้คัดลอกจากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ(30 กันยายน 2550)
คอลัมน์ธุรกิจหนังสือ เขียนโดย Mr.Qc
Mr.Qc หรือเอก อัคนี
ผู้กว้างขวางในแวดวงหนังสือเมืองไทยเจ้าของบทความเรื่องธุรกิจหนังสืองานศพ
ผมไปงานศพไม่บ่อยครั้งมากนัก โดยเฉพาะงานของคนดัง แต่ถ้าจำเป็นก็ไม่ควรปฏิเสธ
อย่างล่าสุดงานพระราชทานเพลิงศพของ “สุวัฒน์ วรดิลก” และ “เพ็ญศรี พุ่มชูศรี” สองปูชนียบุคคลแห่งวงการวรรณกรรม ศิลปะบันเทิง ผมก็เต็มใจไปร่วมแสดงความไว้อาลัย เนื่องจากในอดีตเคยมีโอกาสได้รับความเมตตาจากท่านในเรื่องบางด้าน
สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้สำหรับงานศพของบุคคลสำคัญ คือ การจัดทำและจัดพิมพ์หนังสืออนุสรณ์งานศพ ซึ่งจะเป็นการรวบรวมเกียรติประวัติคุณงาม ความดี ผลงานและความในใจของคนรอบข้างที่ยังอาลัยรัก
แน่นอนว่า ผู้ที่เขียนคำไว้อาลัยหรือเขียนความในใจนั้นก็ย่อมเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ในวงสังคมหรือเป็นบุคคลสำคัญและมีความสมารถเป็นเอกอุในเรื่องงานเขียน ในอดีตหนังสืองานศพจะเป็นหนังสือที่มีคุณค่ามาก
เพราะจะมีการนำเอาบทความ เอกสารสำคัญทางประวัติศาสตร์ สังคม มาจัดพิมพ์รวมอยู่ด้วย ทำให้หนังสืองานศพเป็นที่ต้องการของดนักเลงหนังสือเก่าหรือนักสะสมหนังสือ เมื่อมีผู้ต้องการซื้อก็จะมีผู้ต้องการขาย ธุรกิจหนังสือเก่า-หนังสืองานศพจึงได้รับความนิยมและซึมลึกในแวดวงธุรกิจหนังสือแนวนี้
ราคาแต่ละเล่มก็ไม่ใช่น้อย แม้ว่าจะได้รับแจกฟรีในงาน แต่ว่าเมื่อตกอยู่ในร้านจำหน่ายหนังสือเก่า-หนังสืองานศพ-หนังสือหายาก
เท่าที่ผมทราบมา หนังสือของคนดังร่วมสมัยอย่างหนังสืองานศพ ป๊ะกำพล วัชรพล,หนังสืองานศพมนัส จรรยงค์,หนังสืองานศพยาขอบ, ฯลฯ ราคาแพงเอาการอยู่ เล่มหนึ่งหลายพันบาท ทำให้มีกลุ่มนักล่าหนังสืออนุสรณ์งานศพขึ้นมาเงียบๆ
หนังสืออนุสรณ์งานศพที่แจกในงานพระราชทานเพลิงศพของ "รพีพร" และ "เพ็ญศรี"
คน กลุ่มนี้จะแวะเวียนไปร่วมไว้อาลัยในงานศพบุคคลสำคัญ แล้วรับหนังสือฟรีมาขายต่อให้กับร้าน บางงานถึงมีรายการสั่งจองล่วงหน้ากันเลยทีเดียว เท่าที่ผมไปยืนมองการรับแจกหนังสืองานพระราชทานเพลิงศพของ “รพีพร” และ “เพ็ญศรี” เห็นชัดเลยว่า มีการเวียนกันมารับแจก จนเกิดความวุ่นวายหวิดจลาจลกันในวัดเลยทีเดียว
เพราะทางคุณฉัตรชัย วรดิลก ทายาทของท่านทั้งสอง มอบชุดใหญ่ให้กับแขกเหรื่อที่มาร่วมอาลัย ซึ่งเท่าที่แอบทราบมาตอนนี้ในตลาดนักเลงหนังสือเก่า ชุดหนึ่งไม่ต่ำกว่า 3,000 บาท!!
เพราะในงานพระราชทานเพลิงศพของท่านทั้งสองเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2550 นั้น ทางทายาทและทางสำนักพิมพ์ต่างๆ รวมไปถึงค่ายเพลงรวมทั้งลูกศิษย์ลูกหา ของคุณสุวัฒน์และคุณเพ็ญศรีทั้งในและต่างประเทศ ยังได้รวบรวมผลงานของทั้งสองศิลปินแห่งชาติมาจารึกไว้ในหนังสือและซีดีเพลง 3 แผ่น มาร่วมไว้อาลัยและแจกในงานครั้งนี้ โดยซีดีเพลงจะบรรจุ 3 แผ่นซึ่งมีเพลงพระราชนิพนธ์สายฝน “เพ็ญศรี” ขับร้องไว้ในสไตล์แจ๊สด้วย
สำหรับหนังสือที่ระลึกที่นำมาแจกในงานนั้นมีความหนาประมาณ 500 หน้า โดยมีบุคคลสำคัญระดับประเทศมาร่วมเขียนไว้อาลัยจำนวนมาก
ที่สำคัญมี 3 อดีตนายกฯ ของไทยมาร่วมเขียนไว้อาลัยในหนังสือเล่มนี้ด้วย ทั้ง นายอนันท์ ปันยารชุน, นายชวน หลีกภัย, นายบรรหาร ศิลปอาชา รวมไปถึงนักคิดนักเขียนปัญญาชนชื่อดังจำนวนมาก ร่วมเขียนความในใจถึงท่านทั้งสอง
นอกจากนี้ทางสำนักพิมพ์มติชน ได้มอบหนังสือผลงานของ สุวัฒน์ วรดิลก ทั้ง พิราบแดง, เหนือจอมพลยังมีจอมคน, ลูกทาสทั้งเล่ม 1-2 บริษัทสยามอินเตอร์มัลติมีเดียจำกัด(มหาชน) มอบหนังสือ ท้าวศรีสุดาจันทร์ และลูกศิษย์ลูกหาที่อยู่ต่างประเทศก็ได้มอบหนังสือของพระพุทธทาสภิกขุ มาแจกในงานพระราชทานเพลิงศพด้วย
แจกกันชุดใหญ่ขนาดนี้...ผมจึงไม่แปลกใจครับ...ที่คนทำธุรกิจหนังสืออนุสรณ์งานศพบางรายจะส่งลิ่วล้อไปรับแจกฟรี-สร้างผลกำไรให้กันตนเอง...สาธุ!!
(update)