ผู้หญิงเราหลายคนคงเคยที่จะรู้สึกเบื่อแฟนตัวเอง อย่างไม่มีเหตุผล ทั้งๆที่ตัวเขาก็ดีแสนดี แต่ทำไมเราถึงเบื่อก็ไม่รู้ จนบางทีเบื่อถึงขนาดไปแอบมีกิ๊ก หรือขอเลิกกันไปเลย
จากผลการวิจัยและสำรวจพบว่า ปัจจุบันนี้ ผู้หญิงทิ้งผู้ชาย มากกว่าผู้ชายทิ้งผู้หญิงเสียอีก นั่นคือผู้ชายมีเปอร์เซ็นต์ที่จะอกหักมากกว่าผู้หญิง ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เนื่องจากสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป และความรู้ความเข้าใจของผู้ชาย และทัศนะคติ ที่มีต่อผู้หญิง ได้รับการปลูกฝังมาอย่างไม่ถูกต้อง ทำให้บรรดาชายหนุ่มทั้งหลายไม่สามารถมัดใจสาวๆ หรือคนรักของตัวเอง ไว้ได้นานๆ เหมือนเมื่อสมัยก่อน ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ เราอาจสงสัยตัวเองว่าทำไมเราถึงเบื่อแฟนของเรา เราเป็นผู้หญิงไม่ดี ผู้หญิงมักมาก หรือผู้หญิงเจ้าชู้หรือเปล่า ผู้หญิงทุกวันนี้นิสัยแย่ลงงั้นหรือ คำตอบคือไม่ใช่ครับ ผู้หญิงทุกวันนี้ยังคงมีนิสัยเหมือนกับผู้หญิงสมัยก่อน ยังคงมีความเป็นเพศแม่ที่เต็มไปด้วยความรักที่พร้อมจะมอบให้ และยังมีสัญชาตญาณในการเลือกคู่ครองของตนที่เหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยน แล้วอะไรล่ะ ที่ทำให้ผู้หญิงเบื่อแฟนตัวเอง
ทีนี้มาดูลักษณะความสัมพันธ์ของหญิงชายในฐานะคู่รักสมัยนี้บ้าง เริ่มด้วยการปิ๊งกัน จะเป็นแบบรักแรกพบ หรือพบนานแล้วค่อยรักก็ดี ในช่วงแรก ภาษาชาวบ้านเรียกว่า “ช่วงข้าวใหม่ปลามัน” ชีวิตคู่จะเต็มไปด้วยความสุข โลกนี้จะมีแต่สีชมพู ทั้งสองฝ่ายจะรู้สึกตื่นเต้นกับการเรียนรู้กันและกัน ซึ่งนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น จนกลายเป็นแฟน เป็นคู่รัก หรือเป็นคู่ครองกันไปเลย (ภาษาชาวบ้านเรียก เป็นผัวเมียกัน) ผู้ชายของเราในช่วงแรกช่างดูเข้มแข็ง ทั้งร่างกายและจิตใจ ดูมีความมั่นใจในตัวเองเสียเหลือเกิน แสดงออกถึงความเป็นผู้นำ และไม่แสดงความอ่อนแอออกมาให้เราเห็นแม้แต่น้อย จะมีก็แต่ความอ่อนโยนเท่านั้น แต่ความอ่อนไหว ความวิตกกังวลจะถูกเก็บไว้อย่างมิดชิด เพราะพวกเขาต้องการเรามาเป็นคู่ครองให้ได้
แต่พอได้เรามาเป็นคู่ครองแล้ว พวกผู้ชายกลับเปลี่ยนไป โดยเริ่มจากการแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ซึ่งบ่งบอกถึงความไม่มั่นใจในตัวเอง และในตัวเรา และแสดงออกถึงความวิตกกังวลที่เกินพอดี เช่นถ้ามีใครมาจีบเราล่ะก็ เป็นต้องเสนอหน้าหาเรื่องคนคนนั้น และห้ามเราไม่ให้ไปยุ่งกับเขาอีก บางทีไม่ได้มาจีบ มาทำความรู้จักกันแบบเพื่อน ก็ไม่พอใจละ ตกลงชั้นจะมีเพื่อนสนิทเป็นผู้ชายไม่ได้ใช่มั้ยเนี่ย? ผู้หญิงที่มีคู่จึงมักต้องไปสนิทสนมกับผู้หญิงด้วยกันเอง หรือไม่ก็พวกตุ๊ด กระเทย ไปเลย บางทีคบทอมมันยังว่า ผู้หญิงเราต้องการอิสระเหนือสิ่งอื่นใด การทำแบบนี้จึงทำให้เราอึดอัด นอกจากนี้พอพวกผู้ชายเห็นว่าเราเป็นคู่รักกันแล้ว ทีนี้มีเรื่องอะไรก็บอกเราหมด(ยกเว้นเรื่องผู้หญิง อันนี้ยังไงก็ไม่ยอมบอก) หมดความน่าตื่นเต้น และน่าค้นหาไปซะงั้น ยังไม่พอ พอเครียด เสียใจ ก็มาระบายกับเรา แสดงความอ่อนแอให้เราเห็นหมดเปลือก อ้าวแล้วไหนล่ะ เจ้าชายที่เข้มแข็งของชั้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้ความน่าสนใจในตัวพวกเขาในสายตาของเราลดลง เราจึงเริ่มเบื่อ ซึ่งพวกเขาก็รับรู้ได้ว่าเราเริ่มเบื่อ ความมั่นใจในตัวเองของพวกเขาก็เริ่มลดลง และก็จะใช้สิ่งที่ได้รับการสั่งสอนจากแม่ของเขาที่ว่า “ต้องคอยเอาอกเอาใจ ตามใจผู้หญิงนะลูก แล้วเธอจะรักเรามากขึ้น” ก็จะคอยตามใจเรา เอาอกเอาใจเรา จะไปไหนก็ถามก่อนว่าอยากไปไหน แล้วก็พาเราไปที่ที่เราอยากไป ร้านอาหารที่เราอยากกิน ดูหนังเรื่องที่เราอยากดู ตามหลักเหตุผลแล้วเราน่าจะชอบเขามากขึ้น แต่กลับกัน ทำไมเราถึงยิ่งเบื่อแทนล่ะ ไม่สมเหตุสมผลเลย เพราะอะไรนั้น
คำตอบก็คือ มันเป็นธรรมชาติของผู้หญิงเราที่ชอบความตื่นเต้น ท้าทาย และความสนุกสนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสิ่งที่เราไม่สามารถคาดเดาได้ แต่การเอาอกเอาใจเราของผู้ชายนั้น ทำให้เราสามารถคาดเดาพฤติกรรมของเขาได้หมด ตั้งแต่รู้ว่าจะไปไหน ไปแล้วจะทำอะไร จะกลับเมื่อไหร่ จะกินอะไร กินที่ไหน วันเกิดจะให้อะไร เพราะทุกสิ่งที่เขาจะทำคือสิ่งที่เราบอกว่าชอบ หรือสิ่งที่เขาคิดว่าเราชอบ ซึ่งจริงๆแล้วผู้หญิงเราต้องการความรู้สึกตื่นเต้นที่ไม่สามารถรู้ได้ล่วง หน้ามากกว่าการกระทำหรือสิ่งของเป็นไหนๆ เมื่อสถานการณ์เริ่มแย่ลง พวกผู้ชายก็จะใช้ไม้ตายสุดท้าย คือยอมเราทุกอย่าง อยากได้อะไรขอให้บอก จัดให้หมด ขอแค่อย่าเบื่อเป็นพอ แต่หารู้ไม่ นั่นเป็นการแสดงออกว่าเรามีอำนาจเหนือกว่า ซึ่งเราต้องการผู้ชายที่ทรงอำนาจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอำนาจที่เหนือกว่าเรา ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธุกรรมเด่นที่สัญชาตญาณความเป็นหญิงแสวงหาต่างหาก การกระทำที่พวกเขาคิดว่าจะมัดใจเรา กลับยิ่งทำให้เราเบื่อเขามากขึ้นซะอีก
ในสมัยก่อนแม้ผู้ชายจะมีพฤติกรรมแบบนี้ แต่ผู้หญิงเราก็ยังอยากอยู่กับเขา เพราะผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอ ต้องการการปกป้อง และการได้รับการเลี้ยงดู ซึ่งในอดีต มนุษย์ยังอาศัยอยู่ตามป่าเขา จึงมีความเสี่ยงจากอันตรายต่างๆที่เกิดขึ้น จากสัตว์ร้าย หรือจากมนุษย์ด้วยกันเอง แต่ปัจจุบัน สังคมเป็นสังคมเมือง มีกำแพง ประตูรั้วแน่นหนา สังคมมีกฏระเบียบ มีกฏหมาย มีตำรวจคอยจับผู้ร้าย มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูแลความปลอดภัยตามสถานที่ต่างๆ และก็มีอาวุธต่างๆที่หาซื้อและใช้ได้ไม่ยาก ทำให้ความสามารถในการป้องกันตัวของผู้หญิงไม่น้อยไปกว่าผู้ชาย ความต้องการการปกป้องจึงลดน้อยลง ส่วนในเรื่องการเลี้ยงดู สมัยก่อนผู้หญิงจะถูกจำกัดบทบาททางสังคม ให้ต้องอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน เลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน ไม่มีโอกาสได้ทำงานที่มีรายได้ แต่ปัจจุบัน สิทธิในการทำงานของชายและหญิงเกือบจะเท่าเทียมกัน ผู้หญิงเราหลายคนทำงานเก่งและมีรายได้มากกว่าพวกผู้ชายเสียอีก ดังนั้นความต้องการการเลี้ยงดูจึงลดน้อยลงไปด้วยเช่นกัน บางทีผู้หญิงอย่างเราเนี่ยแหละที่ต้องเลี้ยงดูผู้ชายด้วยซ้ำ ทำให้ไม่มีเหตุผลที่เราจะต้องทนอยู่กับพฤติกรรมน่าเบื่อของพวกผู้ชาย ที่เขาไม่รู้ตัวและคิดว่านั่นจะทำให้เราชอบ ทำให้สมัยนี้ผู้หญิงขอเลิกกับผู้ชายมากขึ้น แต่ยังมีบางส่วนที่ไม่ยอมเลิก เพราะกลัวฝ่ายชายจะเจ็บปวด ซึ่งพฤติกรรมนี้เป็นความรู้สึกแบบพี่สาว ที่ห่วงน้องชาย กลัวน้องจะเสียใจ และเจ็บปวด จึงอยู่คอยดูแล ซึ่งไม่ใช่พฤติกรรมของคู่รัก การที่ผู้หญิงต้องทนอยู่กับการกระทำอย่างนี้ มันทำให้เธอต้องเจ็บปวด เพราะในใจลึกๆแล้ว เธอต้องการคู่รัก ไม่ใช่น้องชาย
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจธรรมชาติของผู้หญิงเรากันก่อนดีกว่า บางทีเราอาจยังไม่เข้าใจตัวเองดีพอ เพราะบางสิ่งบางอย่างมันอยู่ลึกลงไปถึงจิตใต้สำนึก โดยธรรมชาติแล้วผู้หญิงชอบการแข่งขัน ชอบความท้าทาย ความตื่นเต้น ความสนุกสนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิ่งที่เราไม่สามารถคาดเดาได้ จะทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นกับการรอคอย สนุกและมีความสุขเมื่อได้รับรู้ และต้องการสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้มากขึ้นไปอีก นี่คือความชอบโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตัวผู้ชาย ผู้ชายที่ท้าทายเธอ ผู้ชายที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนได้แข่งขัน ผู้ชายที่ทำให้เธอตื่นเต้น ผู้ชายที่ทำให้เธอสนุกสนาน ผู้ชายที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ผู้ชายที่มีความมั่นใจในตัวเอง ผู้ชายที่มีความเป็นผู้นำ ผู้ชายที่ทำให้เรารู้สึกดีและอยากอยู่ด้วย จึงเป็นผู้ชายที่ผู้หญิงทั้งหลายต้องการ และย้อนไปตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์มา ผู้หญิงเราเป็นเพศที่อ่อนแอทางด้านกายภาพอยู่แล้วพวกเราไม่สามารถเทียบ ผู้ชายได้ เราต้องการการปกป้อง ด้วยสัญชาตญาณความต้องการที่จะอยู่รอด และมีบุตรที่มีศักยภาพสูงสุดเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ต่อไปในอนาคต พวกเราจึงเสาะแสวงหาผู้ชายที่มีพันธุกรรมที่ดีที่สุดมาเป็นคู่ครอง ซึ่งพันธุกรรมเด่นที่ผู้หญิงเสาะแสวงหาคือ อำนาจ อิทธิพล ความมั่งคั่ง ความสง่างาม และสติปัญญา
ดังนั้นการแก้ปัญหานี้แต่เนิ่นๆคือการให้ผู้ชายเข้าใจถึงธรรมชาติของผู้หญิง และสิ่งที่เธอต้องการจริงๆ ซึ่งถ้าจะให้ผู้หญิงอย่างเราบอกไปตรงๆ ผู้ชายก็จะดูเราไร้เหตุผล ดีไม่ดีกลับโกรธและหาว่าเราเป็นผู้หญิงไม่ดี ชอบคนเลวซะอีก เพราะสำหรับโลกของผู้ชายแล้ว สมองในส่วนการใช้เหตุผลและตรรกกะจะมากกว่าส่วนของอารมณ์และความรู้สึก ซึ่งผู้หญิงมีมากกว่าถึง 4 เท่า ทำให้ผู้หญิงกับผู้ชายไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน ทางแก้ง่ายๆ ลองเอานิตยสารเล่มนี้ เปิดหน้านี้ค้างไว้ ให้ผู้ชายมาอ่านเองโดยคิดว่าเราไม่ได้ตั้งใจ อาจจะช่วยให้ความสัมพันธ์ของชีวิตคู่ดีขึ้น ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นผมก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เขียนบทความที่เป็นประโยชน์ แก่สังคม และสุดท้ายนี้ผมอยากให้ผู้หญิงทุกคน ใช้เหตุผลมากขึ้นสักนิด ในการตัดสินผู้ชาย เมื่อเรารู้ถึงธรรมชาติของเขาและสิ่งที่เขาได้รับการสั่งสอนมาแล้ว จะยังไงถ้าจะเลิกลากับใครสักคน ขอให้หยุดคิดถึงส่วนดีๆของเขาก่อนเสมอ และถามตัวเองว่า ผู้ชายที่คุณจะเจอต่อไป จะให้คุณได้มากเท่านี้หรือเปล่า ก่อนที่จะมาเสียใจภายหลัง เพราะถ้าผู้ชายคนนั้นรักคุณจริง และคุณเป็นคนทิ้งเขาไป เขาจะเจ็บปวดและเก็บความรู้สึกนี้ไว้เป็นแผลเป็นในจิตใจ ซึ่งแทบจะไม่มีทางที่จะรักษาให้หายได้ ซึ่งเป็นการยากหรืออาจจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้เขากลับมารักและไว้ใจใน ตัวคุณเหมือนเดิมอีกครั้ง