เนื่องด้วยกองทัพบก จะจัดหารถถังขนาดหนัด 60 ตัน - 70 ตัน จำนวน 200 คัน เพื่อมาประจำการในกองทัพ ภายใน 1-5 ปีนี้ เพื่อ จะทดแทนรถถังรุ่นเก่าๆ ซึ่งมีอายุการใช้งาน มานานแล้ว ในหลายๆ กองทัพ ทั่วประเทศ อีกทั้ง เพื่อใช้รักษาความสงบ ที่ชาย 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงจำเป็นที่จะจัดหารถถังที่มีประสิทธิภาพสูง มาทดแทนรถถังรุ่นเก่าๆที่จะค่อยๆ ถยอยปลดประจำการไป ซึ่งรถถังที่ทางกองทัพบกพิจารณา คาดว่ามีดังนี้
T-90 ของรัสเซีย ซึ่งเป็นรถถังประจัญบาญที่ดีที่สุดของรัสเซียในตอนนี้ ราคา ประมาณ 42 ล้านบาทต่อคัน
M1 Abrams A2 ของอเมริกา ซึ่งเป็นรถถังประจัญบาญที่ดีที่สุดของกองทัพบกสหรัฐ ในเวลานี้ (อาจจะซื้อมือสอง เพราะรถถังมือหนึ่งรุ่นนี้ อยู่ที่ คันละ 190 ล้านบาท ซึ่งแพงมาก)
Leopard 2 ของเยอรมัน ซึ่งเป็นรรถถังขนาดใหญ่ที่สุดของ เยอรมันที่ประจำการอยู่ตอนนี้ สนนราคาที่ คันละ 176 ล้านบาท
และ Type 99 ของดินแดนตำนานรักดอกเหมย นั่นคือ ประเทศจีน ซึ่งเป็นรถถังประจันบาญที่ดีที่สุดของจีน ที่ประจำการอยู่ตอนนี้ สนนราคาที่ คันละ 76 ล้านบาท
-------------------------------------------------------------------------------
ซึ่ง ตอนนี้ มีข่าวออกมาว่า สหรัฐอเมริการจะให้ กองทัพไทย ได้ใช้รถถัง M1A2 จำนวน 50 คัน (ตามข่าวที่พูดกันมานะครับ) ทดสอบการใช้งาน เพื่อให้กองทัพไทยพิจารณา เป็นตัวเลือก ในการซื้อรถถังล๊อตใหม่ของกองทัพไทย
อ็ม1 เอบรามส์ (อังกฤษ: M1 Abrams) เป็นรถถังประจัญบานรุ่นที่สามของสหรัฐอเมริกา ชื่อของมันมาจากนายพลเครกตัน เอบรามส์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐในสงครามเวียดนามตั้ง แต่ปีพ.ศ. 2511-2515 มันมีอาวุธที่ดี เกราะขนาดหนัก และคล่องตัวตามที่มันถูกออกแบบมาเพื่อทำสงครามยานเกราะยุคใหม จุดเด่นของมันคือเครื่องยนต์เทอร์ไบที่ทรงพลัง การใช้เกราะผสม และการเก็บกระสุนแยกต่างหากจากห้องของลูกเรือ มันเป็นหนึ่งในรถถังที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประจำการ ด้วยน้ำหนักเกือบ 62 ตัน และได้ขึ้นชื่อเป็นรถถังที่ดีที่สุดในโลกด้วย
เอ็ม1 เอบรามส์ได้เข้าประจำการในกองทัพสหรัฐเมื่อปีพ.ศ. 2523 โดยเข้ามาแทนที่เอ็ม60 แพทตัน อย่างไรก็ตามมันก็ทำงานร่วมกับเอ็ม60เอรุ่นที่ได้รับการพัฒนามาตลอดทศวรรษ ซึ่งเข้าประการมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2521 รุ่นหลักๆ ของเอ็ม1 มีสามรุ่นด้วยกัน คือ เอ็ม1 เอ็ม1เอ1 และเอ็ม1เอ2 โดยมีการพัฒนาด้านอาวุธ การป้องกัน และระบบไฟฟ้า การพัฒนาเหล่านี้มีเพื่อทำให้มันมีอายุการใช้งานที่นานขึ้น ในปัจจุบันกำลังมีการพัฒนาเอ็ม1เอ3 มันเป็นรถถังประจัญบานหลักของกองทัพบกสหรัฐและเหล่านาวิกโยธิน สหรัฐ รวมทั้งกองทัพบกอียิปต์ กองทัพบกคูเวต กองทัพบกซาอุ ดิอาระเบีย กองทัพบก ออสเตรเลีย และกองทัพบกอิรัก เอ็ม1 เอบรามส์จะประจำการจนถึงทศวรรษที่ 2593 ประมาณ 70 ปีหลังจากที่มันเข้าประจำการครั้งแรก
แม้ เอ็ม1 เอบรามส์ จะเป็นรถถังที่กันกระสุนหนัก กันระเบิดขนาดหนักได้
แต่ล่าสุดที่ อเมริกาใช้ มารบในสงคราม ในประเทศอิรัก เอ็ม1 เอบรามส์ ได้รับความเสียหายจำนวนหลายคัน
เอ บรามส์จำนวนมากถูกทำลาย (เฉพาะคันที่ได้รับความเสียหายจนไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้) โดยพวกเดียวกันเองเพื่อไม่ให้พวกมันถูกยึด โดยปกติแล้วจะใช้เอบรามส์อีกคันเพื่อทำลาย ซึ่งพวกมันมักไม่ค่อยถูกทำลายโดยฝั่งตรงข้าม
เอบรามส์ส่วนใหญ่มักได้รับความเสียหายจากระเบิดไออีดี
เอ บรามส์บางคันได้รับความเสียหายขณะที่ทหารราบฝ่ายอิรักเข้าบุก บ้างก็ใช้เครื่องยิงจรวดยิงเข้าใส่ที่สายพาน ด้านหลัง และด้านบน ส่วนรูปแบบอื่นั้นจะเป็นการใช้ปืนกลหนักยิงเช้าใส่จุดสำคัญ
นอกจากนี้ยังมีลูกเรือของเอบรามส์จำนวนมากที่ถูกสังหารโดยพลซุ่มยิงในขณะ ที่พวกเขาโผล่ออกมาจากป้อมปืน
เนื่อง มาจากความเสียเปรียบของมันเมื่ออยู่ในเมือง จึงมีการสร้างชุดอุปกรณ์อยู่รอดในเขตเมืองของรถถังหรือทัสค์ (Tank Urban Survival Kit, TUSK) ขึ้นมา ซึ่งเอบรามส์บางคนัใช้ มันมีแนมโน้มที่จะเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ในสภาพแวดล้อมที่เป็นเมือง
รายละเอียดรถถัง เอ็ม1 เอบรามส์ M1 Abrams
บทบาท รถถังประจัญบานหลัก
สัญชาติ Flag of the United States สหรัฐอเมริกา
ประจำการ ปีพ.ศ. 2523-ปัจจุบัน
ผู้ใช้งาน ดูที่ประเทศผู้ใช้งาน
สงคราม สงครามอ่าว
สงครามอัฟกานิสถาน
สงครามอิรัก
ผู้ออกแบบ ไครสเลอร์ ดีเฟนซ์(ปัจจุบันเป็น เจเนรัล ไดนามิกส์)
บริษัทผู้ผลิต ลิมา อาร์มี แทงค์ แพลนท์ (พ.ศ. 2523-ปัจจุบัน)[1]
ดี ทรอยท์ อาร์เซนอล แทงค์ แพลนท์ (พ.ศ. 2525-2539)
มูลค่า 6.21 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เอ็ม1เอ2) (คิดเป็นเงินไทย คันละ 190 ล้านบาท)
จำนวนที่ผลิต มากกว่า 9,000 คัน[3]
แบบอื่น ดูที่รุ่นต่างๆ
น้ำหนัก 61.3 ตัน
ความยาว รวมปืนที่ยื่นออกไปข้างหน้า 9.77 เมตร[4]
ตัวถัง 7.93 เมตร
ความกว้าง 3.66 เมตร
ความสูง 2.44 เมตร
ลูกเรือ 4 นาย (ผู้บัญชาการรถถัง พลปืน พลบรรจุ และพลขับ)
เกราะ เกราะช็อบแฮม เกราะอาร์เอช แผ่นเหล็กป้องกันยูเรเนียม
อาวุธหลัก ปืนใหญ่ลำกล้องเกลียวเอ็ม68 ขนาด 105 ม.ม. (เอ็ม1)
ปืนใหญ่ปัจจุบันไร้เกลียวเอ็ม256 ขนาด 120 ม.ม.(เอ็ม1เอ1 เอ็ม1เอ2 เอ็ม1เอ2เอสอีพี)
อาวุธรอง ปืนกลหนักเอ็ม 2 บราวนิง ขนาด 12.7 ม.ม.หนึ่งกระบอก
ปืนกลเอ็ม240 ขนาด 7.62 ม.ม.สองกระบอก (หนึ่งกระบอกบนฝาครอบ หนึ่งกระบอกข้างปืนหลัก)
เครื่องยนต์ ฮันนีเวลล์ เอจีที1500ซี ให้แรงขับ 1,500 แรงม้า
กำลัง/น้ำหนัก 24.5 แรงม้า/ตัน
ระบบส่งกำลัง อัลลิสัน ดีโอเอ เอ็กซ์-1100-3บี
ระบบช่วงล่าง ทอร์ชั่นบาร์
ระยะห่างระหว่างตัวถังกับพื้น 0.48 เมตร (เอ็ม1 เอ็ม1เอ1)
0.43 เมตร (เอ็ม1เอ2)
ความจุเชื้อเพลิง 500 แกลลอน
พิสัย 465.29 กิโลเมตร
ติดตั้งระบบป้องกันนิวเคลียร์ชีวะเคมี 449.19 กิโลเมตร
ความเร็ว บนถนน: 67.7 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
นอกถนน: 48.3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
แถมนะครับ
นี่ตัวเลือกอีก1ตัวเลือก เป็น K1 ของเกาหลี
หลังจากพิจารณาร่างงบประมาณปี๒๕๕๔ ในสภาที่ผ่านมามีข้อมูลออกมาว่า กองทัพบกได้วางงบประมาณ 7,200ล้านบาท สำหรับ ถ.หลักใหม่ 60คัน
ซึ่งตามข่าวลือที่ออกมาจากเหล่าทหารม้านั้นมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นแบบ K1A1 ของเกาหลีใต้