บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อให้นักกีฬาเพ้นบอลทุกท่าน ไม่ว่ามือเก่าหรือมือใหม่ ได้ศึกษาและเข้าใจถึงกฎหมายที่เกียวกับกีฬาเพ้นบอล ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยและเพื่อพัฒนาวงการกีฬาเพ้นบอลไปในทางที่ถูกต้อง เหมาะสม
คำจำกัดความที่เกี่ยวกับกฎหมายอาวุธปืนของประเทศไทยตามมาตรา 4(1) นั้น สามารถแบ่งออกได้เป็นสามลักษณะคือ
1) อาวุธที่ประกอบด้วยลำกล้องที่ทำด้วยโลหะที่ทนทานต่อความร้อน และแรงระเบิดของดินปืนที่อัดยัดเข้าไปในกระบอกปืน หรือแม็กนั่ม หรือลูกซองที่เข้าไปซุกตัวในรังเพลิง มีเครื่องจุดชนวนดินระเบิดหรือเครื่องลั่นไก สำหรับให้ดินปืนในลำกล้องระเบิดขึ้น และสุดท้ายมีกระสุน เหล็กหรือตะกั่วสำหรับถูกขับออกจากลำกล้องด้วยแรงระเบิดนั้น
2) ปืนที่ยิงด้วยการอาศัยพลังงานอย่างอื่นนอกจากดินดำ เช่น ปืนอัดลม อัดแก๊ส
3) ส่วนประกอบหลักของอาวุธปืน ก็ถือว่าเป็นอาวุธปืนเช่นกัน ตามที่รัฐมนตรีมหาดไทยกำหนดไว้ในกฎกระทรวง ดังนี้ – ลำกล้อง – ลูกเลื่อน หรือ ส่วนประกอบสำคัญในเครื่องลูกเลื่อน – เครื่องลั่นไก เช่น เข็มแทงชนวน นกสับ ไกปืน – ซองกระสุน อันได้แก่ แม็กกาซีน สำหรับปืนออโตเมติก และ ลูกโม่ สำหรับปืนรีวอลเวอร์
จะเห็นว่าหากจะตีความว่าปืนเพ้นบอลถือเป็นอาวุธปืนตามข้อ 2) นั้นย่อมทำได้ เพราะปืนเพ้นบอลอาศัยพลังงานจากถังแก๊ส เช่นเดียวกับปืน B.B. ซึ่งหากพิจารณาจาผมปร่างลักษณะของปืนเพ้นบอลแล้ว จะมีปัญหาในการพกพาน้อยกว่าปืน B.B. (เว้นแต่ปืนชนิด Woodsball ซึ่งทำเลียนแบบให้ดูเสมือนจริง เช่นเดียวกับปืน B.B.) แต่ก็จะต้องมีความระมัดระวังและปฎิบัติตามในการครอบครองและพกพาปืนเพ้นบ อลให้ถูกต้องเช่นกัน
หากถามว่าเมื่อตีความตามกฎหมายไทยแล้ว ปืนเพ้นบอลก็จะถือเป็นอาวุธปืนชนิดหนึ่งเช่นเดียวกัน แล้วในทางปฎิบัติจะพกพาอย่างไร จะขออธิบายต่อไปดังนี้
ตามกฎหมายของรัฐ Rhode Island ประเทศสหรัฐอเมริกา (ข่าวล่าสุดเมื่อ 11 เมษายน 2550) ได้รวมปืนเพ้นบอลไว้ในคำจำกัดความของอาวุธปืน(Weapons Law)ดังนี้ “any type of gun or contrivance arranged to discharge or throw shot, shell, bullets, arrows, darts, pellets, stones, BB shot paintball gun or other missiles or projectiles within the limits of the city at any time for any reason whatsoever…”ื ทั้งนี้ตามรายงานของการบาดเจ็บ(โดยเฉพาะที่ดวงตา) ซึ่งเกิดจากการยิงปืนเพ้นบอลจากเด็กและวัยรุ่นที่บริเวณหลังบ้านและสวนหลัง บ้านของตัวเองซึ่งมีจำนวนมากจนน่าตกใจ ทางรัฐ Rhode Island จึงได้กำหนดวิธีการพกพาปืนเพ้นบอลไว้โดยเฉพาะเอาไว้เลยว่า
1) ปืนเพ้นบอลสามารถใช้ได้ในบริเวณที่ออกแบบมาสำหรับกีฬาเพ้นบอลเท่านั้น
2) เสื้อผ้าและหน้ากากป้องกันใบหน้าและดวงตาจะต้องสวมใส่อยู่เสมอ
3) ปืนเพ้นบอลจะต้องไม่อยู่ในบริเวณที่นั่งผู้โดยสารในตัวรถ และจะต้องไม่บรรจุลูก ถังแก๊สหรือถังแอร์จะต้องแยกออกจากปืนเพ้นบอลโดยสิ้นเชิง
4) ปืนเพ้นบอลจะต้องบรรจุอยู่ในซองหรือกล่องบรรจุปืนเพ้นบอลโดยมิดชิดเมื่อเดินถือ
ทั้งนี้ทางรัฐ Rhode Island ได้ออกมาแถลงการณ์ถึงการออกกฎหมายดังกล่าวว่าไม่ได้มีจุดประสงค์จะแบนกีฬา เพ้นบอล หรือปืนเพ้นบอล (ซึ่งโดยปกติหาซื้อได้ง่ายมาก สามารถหาซื้อได้ทั้งปืนเพ้นบอลและลูกเพ้นบอลได้ใน Walmart) เพียงแต่ต้องการป้องกัน จากการที่เด็กหรือวัยรุ่นนำปืนเพ้นบอลไปยิงสิ่งต่างๆนอกสถานที่ (อ้างอิงจาก http://www.rilin.state.ri.us/billtext07/senatetext07/s0204.htm)
สำหรับประเทศไทยนั้น ยังไม่มีการออกกฎหมายโดยตรงเกี่ยวกับคำจำกัดความหรือการพกพาปืนเพ้นบอลโดย ชัดเจน ดังนั้นการตีความตามตัวบทกฎหมายในปัจจุบันจึงต้องยึดถือเอาตามกฎหมายที่มี อยู่เดิม ซึ่งแน่นอนว่าปืนเพ้นบอลก็จะถือว่าเป็นอาวุธปืนประเภทหนึ่ง ดังนั้นเมื่อปืนเพ้นบอลถือว่าเป็นอาวุธปืนแล้ว การพกพาก็จะต้องมีความระมัดระวังมากเสมือนหนึ่งว่ากำลังพกพาปืนจริง การปฎิบัติตามตัวอย่างทั้ง 4 ข้อข้างต้น จึงเป็นสิ่งที่หลักเลี่ยงไม่ได้ จึงขอสรุปย่อๆ ดังนี้
1).ใส่ปืนเพ้นบอลและอุปกรณ์อื่นๆไว้ท้ายรถ
2).ถังแอร์หรือถังแก๊สจะต้องถอดแยกออกจากตัวปืนเพ้นบอล
3).ฮอปเปอร์หรือโหลดเดอร์จะต้องถอดแยกเอาไว้ต่างหาก และจะต้องไม่มีลูกเพ้นบอลอยู่ในตัวปืนเพ้นบอล
4).หากจำเป็นจะต้องนั่งรถเมล์ แท๊กซี่ รถไฟฟ้าหรือวิธีการอื่นที่ไม่ใช่รถส่วนตัว ให้นำปืนเพ้นบอลใส่ซองหรือกล่องซึ่งออกแบบมาโดยเฉพาะให้มิดชิด
ถึงแม้ว่าในทางปฎิบัติแล้วเราสามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่า ปืนเพ้นบอลนั้นมีรูปร่างลักษณะแตกต่างจากปืนจริงค่อนข้างชัดเจน (ไม่รวมปืนชนิด Woodsball) แต่ปืนเพ้นบอลนั้นมี “ไก” ปืนเช่นเดียวกับปืน B.B. หรือแม้แต่ปืนจริง ดังนั้นจึงถือได้ว่าเป็นอาวุธปืน หรือสิ่งเทียมอาวุธปืนเช่นกัน [color=yellow]เพราะปืนเพ้นบอลนั้น “สามารถทำอันตรายถึงแก่สาหัสได้”