ฮือฮา! ภาพโผล่ว่อนเน็ต อดีตพระดัง "ยันตระ" โผล่สร้างลัทธิใหม่ ไว้หนวดเคราสีขาวรุงรัง แต่ห่มจีวรสวมกางเกง เดินนำพระสงฆ์บิณฑบาตในงานบุญของคนไทย
วันนี้ (2 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองบรรณาธิการเดลินิวส์ ได้รับฟอร์เวิร์ดเมล์ (ส่งต่อ) เกี่ยวกับนายวินัย ละอองสุวรรณ หรือ อดีตพระยันตระ อมรโรภิกขุ (พระวินัย อมโร) ที่แต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์และมีการทำกิจวัตรคล้ายพระสงฆ์ รวม 3 รูป โดยรูปทั้งหมดไม่ทราบวันและเวลาในการบันทึกไว้ ทราบเพียงว่าเป็นภาพในงานหนึ่ง ในชุมนุมของคนไทยหรืออาจจะเป็นวัดไทยวัดใดวัดหนึ่ง ในเมืองเอสคอนดิโด้ แซนดิเอโก้ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีการจัดกิจกรรมทำบุญตักบาตรพระภิกษุ โดยนายวินัย หรือ อดีตพระยันตระ แต่งกายที่แปลกออกไปจากพระสงฆ์ไทย มีการไว้หนวดไว้ผมยาว สวมผ้าคลุมสีคล้ายจีวรแต่สวมกางเกงทับอีกชั้น แล้วนำพระภิกษุออกบิณฑบาต โดยมีคนสนิทเป็นชาวต่างชาติเดินประกบอยู่ตลอดเวลา และประชาชนคาดเป็นคนไทยนั่งคุกเข่าอยู่ตลอดเส้นทางที่เดิน
ทั้งนี้ยังมีภาพที่นายวินัย หรือ อดีตพระยันตระ นั่งอยู่ในบริเวณพิธีที่มีการตกแต่งคล้ายที่นั่งพระสงฆ์ หรืออาจจะเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม หรือวัดใดวัดหนึ่ง โดยนั่งอยู่ด้านบน ซึ่งมีอาสนะ ตาลปัตร และเครื่องบริขารของพระสงฆ์วางอยู่ แล้วมีพระภิกษุรูปหนึ่ง นั่งคุกเข่าอยู่ด้านล่าง ซึ่งเมื่อดูภาพทั้งหมดแล้วรู้สึกถึงความไม่เหมาะสมที่นายวินัย หรืออดีตพระยันตระ ยังปฏิบัติตนเช่นนี้ เพราะมีความพยายามที่จะสร้างลัทธิใหม่หรือนิกายทางพระพุทธศาสนาใหม่ขึ้นมา ทั้งๆที่มหาเถรสมาคมมีมติให้พ้นจากพระภิกษุแล้ว จากกรณีเรื่องฟ้องร้องหลายคดีตั้งแต่ปี 2537-2541 หรือประมาณ 17 ปีที่แล้ว
นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) กล่าวถึงกรณีนายวินัย หรืออดีตพระยันตระ แต่งกายคล้ายพระสงฆ์ ถือบาตรรับอาหารจากประชาชน โดยไว้หนวดเคราและผมยาวในประเทศสหรัฐอเมริกา ว่า ตนได้รับทราบข้อมูลว่า ขณะนี้อดีตพระยันตระ ได้ไปจัดกิจกรรมทางพระพุทธศาสนายังประเทศสหรัฐฯ แล้วนำพระสงฆ์ออกบิณฑบาตจากพุทธศาสนิกชนในประเทศสหรัฐฯ ซึ่งเรื่องนี้ตนจะประสานไปยัง พระเทพกิตติโสภณ วัดวชิรธรรมปทีป นครนิวยอร์ค สหรัฐฯ ประธานสมัชชาสงฆ์ไทยในประเทศสหรัฐฯาว่า ท่านทราบเรื่องดังกล่าวหรือไม่ เนื่องจากกฎหมายของคณะสงฆ์ไทยไม่สามารถที่จะไปดำเนินการกับอดีตพระยันตระได้ แต่จะประสานให้พระที่มีอำนาจในพื้นที่ช่วยดูแล
สำหรับนายวินัย หรือ อดีตพระยันตระ เป็นชาวนครศรีธรรมราช เป็นพระสงฆ์นักปฏิบัติธรรมชื่อดังที่มีผู้เคารพศรัทธามากของเมืองไทยและต่าง ประเทศ ในช่วงแรกปฏิบัติตนเป็นนักพรตฤๅษีอยู่หลายปีจนเป็นที่รู้จักกว้างขวาง ต่อมาได้อุปสมบทเป็นพระสงฆ์ในธรรมยุติกนิกายเมื่อวันที่ 6 พ.ค.2517 ณ พัทธสีมาวัดรัตนาราม อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช และมักใช้คำแทนตัวว่า พระยันตระ ซึ่งแปลว่าผู้ไกลจากกิเลส เมื่อบวชแล้วเป็นที่รู้จักดีทำให้มีผู้ศรัทธาบวชเพื่อเข้าเป็นลูกศิษย์มาก มาย นอกจากนี้ยังมีผู้ศรัทธาสร้างสำนักวัดถวายหลายแห่ง โดยทุกวัดที่สร้างในสำนักท่านจะใช้คำว่า "สุญญตาราม" ประกอบด้วยเสมอ สำนักที่เป็นที่รู้จักดีคือ วัดป่าสุญญตาราม กาญจนบุรี และยังมีสำนักวัดป่าสุญญตารามในต่างประเทศอีกหลายแห่ง เช่นที่ วัดป่าสุญญตาราม เมืองบันดานูน รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย เป็นต้น
อย่างไรก็ดีในปี 2537 ได้ถูกฟ้องร้องหลายข้อหาและถูกตั้งอธิกรณ์ว่าล่วงละเมิดเมถุนธรรมปาราชิกา บัติ อันเป็นหนึ่งในจตุตถปาราชิกาบัติที่ทำให้ขาดจากความเป็นพระภิกษุตามพระวินัย บัญญัติ โดยมีการต่อสู้ด้วยพยานหลักฐานมากมายตามสื่อต่าง ๆ จนในที่สุดท่านได้ถูกมติมหาเถรสมาคมพิจารณาอธิกรณ์ปรับให้ท่านพ้นจากความ เป็นพระภิกษุ เพราะพิจารณาได้ความว่าท่านต้องอาบัติหนักดังที่ถูกฟ้องร้อง แต่นายวินัย หรือ อดีตพระยันตระ ไม่ยอมรับมติสงฆ์ดังกล่าว ด้วยการปฏิญาณตนว่ายังเป็นพระภิกษุและเปลี่ยนสีจีวรเป็นสีเขียว ทำให้ถูกสื่อขนานนามว่า จิ้งเขียว, สมียันดะ, ยันดะ เป็นต้น
ในเวลาเดียวกันนั้นนางจันทิมา มายะรังษี ซึ่งเป็นสีกาใกล้ชิดนายวินัย ได้พาด.ญ.กระต่าย ซึ่งอ้างว่าเป็นลูกสาวมาแสดงตัวพร้อมกับนำภาพถ่ายการใช้ชีวิตเยี่ยงสามี ภรรยากับนายวินัยมาเปิดเผย ต่อมาช่วงเดือนม.ค.2538 นางจันทิมา เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายวินัย หรืออดีตพระยันตระ ให้ยอมรับด.ญ.กระต่าย เป็นลูก และมีการท้าให้ตรวจดีเอ็นเอเพื่อพิสูจน์ถึงความเป็นพ่อลูกกัน แต่ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆเนื่องจากเทคโนโลยีไม่ทันสมัยเท่าปัจจุบันนี้ นายวินัยได้ลักลอบทำหนังสือเดินทางปลอมหลบหนีออกจากประเทศไทยไปอยู่ในสหรัฐ อเมริกา และได้รับสถานะผู้ลี้ภัยทางการเมืองในสหรัฐฯจนถึงปัจจุบัน โดยมีข่าวความเคลื่อนไหวในวงแคบ ๆ กับกลุ่มลูกศิษย์ที่ยังให้ความนับถืออยู่และมีความพยายามจะตั้งเป็นลัทธิ หรือนิกายทางศาสนาใหม่ขึ้นด้วย.