จากลอนดอนถึงไทย สมคิดเดอะริปเปอร์ & 10ฆาตกรที่ฆ่าคนมากที่สุด

อวสาน “สมคิด เดอะริปเปอร์” ฆาตกรต่อเนื่อง 
                  หากพูดถึงฆาตกรต่อเนื่องที่สร้างความสยดสยองระดับโลกต้องนึกถึง “แจ็ค เดอะริปเปอร์” ฆาตกรต่อเนื่อง ที่ก่อคดีสะเทือนขวัญในกรุงลอนดอน ช่วงเดือนสิงหาคม - พฤศจิกายน ค.ศ. 1888 เหยื่อของแจ็คเดอะริปเปอร์ล้วนเป็นหญิงโสเภณีในย่านไวต์แชปเพิล แหล่งสลัมเสื่อมโทรมในเขตอีสต์เอนด์ เหยื่อของแจ็คจะถูกของมีคมเชือดคอ และโดนคว้านเอาอวัยวะออกไป แต่ใครจะนึกเล่าว่าเมืองไทยก็มีฆาตกรต่อเนื่องคล้าย ๆ กัน เขาเลือกที่จะสังหารหมอนวด ต่างกันเพียงที่เขาไม่ใช้ของมีคมและไม่ คว้านเอาเครื่องในของเหยื่อออกไปแต่หวังเพียงทรัพย์สิน ภายหลังโดนจับ ฉายาที่เขาได้รับคือ “สมคิด เดอะริปเปอร์”


       
           วันที่ 30 ม.ค.48 เวลาประมาณ 05.00 -07.00 น. สมคิด พุ่มพวง อายุ 41 ปี ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช ลงมือฆ่า น.ส.วารุณี พิมพะบุตร ในห้องพัก 609 โรงแรมพลอย พาเลซ ต.มุกดาหาร อ.เมือง จ.มุกดาหาร นั่นเป็นจุดเริ่มต้น ครั้งต่อมาวันที่ 4 มิ.ย. 48 เวลา 11.20 น. ก่อเหตุฆ่า น.ส.ผ่องพรรณ ทรัพย์ชัย ภายในห้องพัก 604 โรงแรมเวียงละคอน ต.สวนดอก อ.เมือง จ.ลำปาง ให้หลังเพียง 7 วัน คือวันที่ 11 มิ.ย.48 เวลา 01.00 – 14.00 น. ก่อคดีฆ่า นางพัชรีย์ อมตนิรันดร์ ภายในห้อง พัก 505 โรงแรมธรรมรินทร์ธนา ต.ทัพเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง เป็นเหยื่อรายที่ 3 ของ “สมคิด เดอะริปเปอร์”
       
          สมคิดยังไม่หยุดลงมือเพียงเท่านั้น ต่อมาวันที่ 18 มิ.ย. 48 เวลา 01.00 น. สังหาร น.ส.พรตะวัน ปังคะบุตร ในห้องพักเลขที่ 1126 โรงแรมเจริญศรีแกรนด์ อ.เมือง จ.อุดรธานี และรายที่ 5 เมื่อระหว่างวันที่ 20 - 21 มิ.ย. 48 เวลาประมาณ 20.30 – 13.30 น. ได้ลงมือสังหาร น.ส.สมปอง พิมพรภิรมย์ ในห้องพัก 221 ปิยะแมนชั่น ต.ชุมเห็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์
       
       แต่สมคิดก็ต้องหยุดการกระทำเพียงแค่นั้นเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบสามารถ แกะรอยจนจับกุมได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดชัยภูมิ ขณะพาหมอนวดสาวที่เกือบตกเป็นเหยื่อรายที่ 6 เข้าไปหลับนอน ปิดฉากฆาตกรต่อเนื่อง
       
       จากการตรวจสอบประวัติอาอชญากรรมพบว่านายสมคิดคนนี้ไม่ธรรมดา เมื่อเคยเป็นพยานเท็จในคดีฆ่าอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ถูกศาลพิพากษาจำคุก 6 เดือน และระหว่างถูกจำคุกยังเขียนจดหมายข่มขู่ครอบ ครัวนายสุวัจน์ วงศ์ปิยะสถิตย์ แกนนำกลุ่มต่อต้านการสร้างบ่อขยะราชาเทวะ จังหวัดสมุทรปราการ ก่อนที่จะเงียบหายไป
       
       แม้สมคิดจะรับสารภาพว่าเป็นผู้ฆ่าหมอนวดและนักร้องสาวเพียง 4 ราย และปฏิเสธว่าไม่ได้ฆ่าหมอนวดสาวในโรงแรมดังกลางเมืองตรัง แต่ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีพยานหลักฐานชัดเจนที่จะเอาผิดนายสมคิดได้ ก่อนที่จะคุมตัวขออำนาจศาลศาล อาญาฝากขังครั้งแรก พร้อมคัดค้านการประกันตัว และนอกจากนี้กองปราบปรามยังได้ขออนุญาตจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำการสอบสวนคดีทั้งหมด และรับผิดชอบสอบสวนคดีแต่เพียงฝ่ายเดียว เพราะคดีนี้นับเป็นอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ มีความยุ่งยากสลับซับซ้อน ผู้กระทำผิดก่อคดีอย่างอุกอาจและกระทำอย่างต่อเนื่อง
       
       การทำแผนประกอบคำรับสารภาพเริ่มที่ จ.นครราชสีมาเป็นแห่งแรก ซึ่งเป็นจุดที่ สมคิด ลวง น.ส.สมปอง พิมพรภิรมย์ ไปหลับนอนในโรงแรมที่ จ.บุรีรัมย์ก่อนลงมือสังหารโหด ต่อจากนั้นจะควบคุมตัวผู้ต้องหาตระเวณทำแผนใน จังหวัดอื่นๆ โดยใช้เวลา 3 วัน ก่อนนำตัวย้อนมามาควบคุมที่กองปราบปราม
       
       ภายหลังการสรุปสำนวนเสร็จสิ้นอัยการสั่งฟ้อง “สมคิด ฆาตกรต่อเนื่อง” ทันที แต่สมคิดเหมือนนกรู้พลิกลิ้นในชั้นศาล ทำให้ศาลต้องเลื่อนการพิจารณาออกไปเพราะศาลพิเคราะห์ แล้วเห็นว่าคดีนี้มีอัตราโทษสูงสุดประหารชีวิต จึงอนุญาตให้ สมคิด ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ จึงอนุญาตเลื่อนตรวจพยานหลักฐาน พร้อมแถลงเปิดคดีอีกครั้งเป็นวันที่ 16 ม.ค.49
       
       นับเป็นการดิ้นอีกเฮือกของสมคิดที่พยายามหาทางปลดปล่อยตนเองจากการถูกพันธนาการของกรงขัง เพื่อออกไปสูดอากาศภายนอก สุดท้ายคงต้องมาดูกันว่าการที่สมคิดปฏิเสธนั้นเป็นเพียงการซื้อเวลาเพื่อยื้อชีวิตไว้ หรือ มีไม้เด็ดที่จะหาหลักฐานมาแสดงว่าตนเองบริสุทธิ์ เพื่อออกไปสร้างตำนาน “สมคิด เดอะริปเปอร์” อีกครั้ง

แถมท้ายด้วย10สุดยอดฆาตกรโหดฆ่าคนมากที่สุดในโลกครับ

10. แกรี ลีออง ริดจ์เวย์ (Gary Ridgeway 1949-?? )

แกรี ลีออง ริดจ์เวย์ และ เหล่าผู้บริสุทธิ์ที่ถูกสังหาร

                แกรี ลีออง ริดจ์เวย์ ช่างทาสีรถบรรทุกเมืองซิแอตเทิลและทาโคน่า รัฐวอชิงตัน วัย 54 ปี ฆาตกรโรคจิตเจ้าของฉายา “นักฆ่าลุ่มแม่น้ำเขียว”ยอมรับว่าสังหารสตรีทั้งหมด 48 คน (ปัจจุบันพบ 50 ศพแล้ว) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโสเภณี ซึ่งตำรวจเชื่อว่าน่าจะสังหารมากกว่านั้น  โดยสังหารระหว่างปี 2525 จนกระทั่งถูกจับกุมในปี 2544 จากการตรวจสอบดีเอ็นเอ และตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ปัจจุบันยังมีชีวิตสุขสบายดีในคุก 

อันดับ 9 อันเดร ชิกาทิโล( Andrei Chikatilo. 1936 - 1994)

 

ใบหน้าที่แสนวิกลจริตของนายอันเดร ชิกาทิโล และหนึ่งในร่างเหยื่อของปีศาจตัวนี้

                   ฆาตกรที่มีชื่อเสียงของรัสเซียฆ่าคนไป 53 ศพ เหยื่อมีทั้งผู้หญิงและเด็ก แถมฆ่าแล้วกินศพอีกด้วย โดยเริ่มไล่ล่าฆ่าคนตั้งแต่ปี 1978 ถึง 1992 โดยปกติเหยื่อของเขาจะเป็นผู้คนไม่มีบ้าน หรือผู้ซึ่งพักรอบๆทาง ซึ่งบางรายถูกควักตาในขณะที่ยังมีชีวิต ถูกกัดหัวนม บางรายถูกผ่าท้องในขณะที่เป็นๆ และมีอวัยวะบางส่วนถูกกินอย่างสยดสยอง ก่อนจะถูกจับได้ในปี 1992 ต่อมา และถูกประหารชีวิตด้วยการยิงเป้า เมื่อวันที่ 14กุมภาพันธ์1994  

อันดับ 8 บรูโน ลุค (Bruno Ludke. 1908 - 1944) 

               

 

               เกิดที่เยอรมัน เริ่มฆ่าคนเมื่ออายุ 18 ปี ค.ศ. 1927 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยสังหารผู้หญิงไปถึง 85 ศพ โดยส่วนใหญ่สภาพศพส่วนใหญ่ถูกข่มขืนและถูกแทงหลายแผล

                หลังสงครามโลก 2 วันที่ 29 มกราคม 1943 บรูโนก็ถูกตำรวจ จนกระทั้งบรูโนจบชีวิต หลังจากถูกนำตัวไปทดลอง โดยคณะแพทย์ที่โรงพยาบาลเพราะต้องการศึกษาว่าทำไมเขาถึงเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่เหี้ยมโหดแบบนี้

 

 

อันดับ 7 จาเว็ด อัคบอล (Javed Iqbal ??-2000)

              ปี 1999 แคว้นปัญจาบ ปากีสถาน ชายคนหนึ่งชื่อ จาเว็ด อิคบอล ชาวปากีสถาน อาชีพรับจ้างทั่วไป ทำการฆ่าเด็กชายถึง100 ศพ! โดยใช้เวลาแค่ 5 เดือน!

             โดยทุกรายจะลงมือข่มขืน รัดคอ จากนั้นก็สับร่างกายของเหยื่อออกเป็นชิ้นๆ และโยน ลงในหม้อที่มีกรดเพื่อทำลายหลักฐาน

            จนกระทั้งจาเว็ดเกิดนึกเบื่อเขาเลยเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับเขาในจดหมายให้หนังสือพิมพ์ในเมืองจนถูกตำรวจจับในที่สุด ผลสุดท้ายก็ถูกประหารตามกฎของปากีสสถานคือฆ่าเหยื่อตายยังไงก็ต้องถูกประหารแบบ

 

 

 

อันดับ 6 เฮนรี่ ลู ลูกัส (Henry Lee Lucas. 1936 -2001 )

  

               เฮนรี่ ลู ลูกัสฆาตกรต่อเนื่องที่ตาบอดข้างหนึ่งในอเมริการ่วมมือกับออตติส เอลวูด ช่วยกันสังหารคนที่โบกรถตามทางหลวงของเท็กซัส ฟลอริดา ตั้งแต่ปีและทั่วประเทศในอเมริกา 1966 ซึ่งเขาอ้างว่าสังหารคนกว่า 3,000 ชีวิต แต่หลังจากการตรวจสอบพบว่า เขาฆ่าเพียง 210 ศพเท่านั้น โดยหนึ่งจำนวนนี้มีทั้งแม่และครูประจำชั้นของลูกัสรวมอยู่ด้วย ลูกัสใช้ชีวิตอยู่ในแดนประหารนานถึง 15 ปี จนกระทั้งตายในคุกตามธรรมชาติเมื่อปี 2001

Link ภาพของเหยื่อฆาตกรใจโหด เฮนรี่ ลูกัส

ภาพโหดร้ายจนผมไม่อยากนำมาลง

 

 

 

อันดับ 5 เอซ เอซ โฮล์ม (H.H. Holmes. 1861 - 1896)

                        

                       ชื่อจริงของเขาคือ เฮอร์แมน เว็บสเตอร์ มัดเกทท์เป็นนักธุรกิจ หมอ นักต้มตุ๋น สังหารสตรีไป 200 ศพ (แต่สารภาพเพียง 27 ราย) โดยอุตส่าห์ลงทุนสร้างโรงแรมที่ชิคาโก บนหัวมุมถนนบล๊อกที่ 63 สหรัฐอเมริกา เพื่อฆ่าคนโดยเฉพาะ

                       โรงแรมเสร็จสมบูรณ์ในปี 1892 และแขกส่วนมากจะถูกฆ่าด้วยวิธีการต่างๆ นาๆ เช่น ราดน้ำกรด หั่นศพ รมแก๊ซ ฯลฯ แต่ผลสุดท้ายเขาถูกตัดสินว่ามีความผิดเพียงค่าคนเพียงคดีเดียว

                      โฮมส์ถูกแขวนคอเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 1897 ซึ่งเขาไม่ได้ตายทันที เขากระตุกอยู่ถึง 10 นาที ก่อนจะตายสนิทในอีก 5 นาทีให้หลัง

 

 

อันดับ 4 เปโดร อลองโซ โลเปซ (Pedro Alonso Lopez . 1949-??)


                 เจ้าของฉายา “อสูรกายแห่งเทือกเขาแอนดีส” ได้รับบันทึกว่าเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าคนมากที่สุดในยุคปัจจุบัน โดยทำสถิตฆ่าเหยื่อไปแล้วทั้งหมดแบบคร่าวๆ คือ300 ศพ โดย 100 ศพเป็นผู้หญิงเผ่าอินเดียแดง เกือบทั้งหมดถูกข่มขืนอย่างรุงแรงก่อนที่จะรัดคอหรือบีบคอตาย

                โดยในช่วงปลายทศวรรษที่ 70 ต่อต้นทศวรรษที่ 80 เปโดรเดินสายฆ่าคนเป็นว่าเล่นถึงสามประเทศคือ เปรู โคลัมเบีย และเอกวาดอร์ ก่อนที่จะถูกจับในในขณะเขากำลังฆ่าพอดี ก่อนที่จะสารภาพว่าฆ่าเหยื่อกว่า 300 ซึ่งตำรวจได้เพียงแต่เชื่อเขาเท่านั้นเพราะช่วงนั้นเกิดน้ำท่วมใหญ่ในอเมริกาใต้ทำให้หลักฐานที่เขาทำไว้หายหมด ผลสุดท้ายถูกปล่อยโดยรัฐบาลเอกวาดอร์และเนรเทศกลับไปดำเนินคดีต่อที่โคลัมเบียในปี 1998

 

<<<รูปถ่ายของเปโดร อลองโซ โลเปซ (โพสท่าได้แต๋วจริงๆ)

 

อันดับ 3 กิลส์ เดอ เรยส์ (Gilles de Rais, 1404-1440)

 

 

              อดีตคนสนิทของ แจนน์ ดาร์ค (โจน ออฟ อาร์ค) วีรสตรีซึ่งมีชื่อเสียงที่สุดของฝรั่งเศส หลังจากแจนน์ ดาร์คก็ถูกทหารฝ่ายศัตรูจับ และถูกเผาทั้งเป็นในฐานะแม่มดเมื่อปี 1431 กิลส์ก็เริ่มบ้า และเชื่อว่าเลือดคนสามารถเล่นแร่แปรธาตุเป็นทองคำได้ ทำให้เขาริเริ่มทำการรวบรวมเด็กชายจากที่ต่างๆมาเพื่อเป็นเครื่องสังเวยให้กับปีศาจโดยเด็กบางคนถูกผ่าท้องแล้วทึ้งไส้ออกมา บ่อยครั้งที่กิลส์ข่มขืนศพของเด็กที่เสียชีวิตแล้ว เขาสะสมศีรษะของเด็กหนุ่มจำนวนมาก และศีรษะที่หน้าตาดีจะถูกเรียงไว้เหนือเตาผิงเหมือนเป็นคอลเลคชั่นพิเศษ

              มีการพบศพของเด็กจำนวนกว่า 150 ศพ (ส่วนใหญ่ไม่มีศีรษะ) ในปราสาท แต่พูดกันว่าเหยื่อของเขาน่าจะมีมากกว่า 1500 ราย(อันนี้เกินไปหน่อย) และผลสุดท้าย กิลส์ ถูกตัดสินให้ประหารโดยการแขวนคอในวันที่ 26 ตุลาคม 1440 และศพถูกลงโทษโดยการเผา

 

 

 

 

อันดับ 2 เอลิซาเบธ บาโธรี่ (Erzsebet Bathory. 1560 - 1614)

 

                       ผู้หญิงที่ฆ่าคนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยจำนวนเหยื่อเป็นสาวพรหมจารี 605 ศพ!เป็นถึงเชื้อพระวงค์ชั้นสูง ฮังการี ในยุโรป มีอำนาจล้นหลาม ฆ่าคนจำนวนมากเพราะเชื่อว่าเลือดของเด็กสาวเป็นยาอายุวัฒนะชะลอความแก่ได้ โดยเอริซาเบทจะรวบรวมเด็กสาวจากที่ต่างๆในดินแดนของตน กว่า 600 ราย จากนั้นก็ฆ่าและรีดเลือดจากศพเด็กสาวเพื่อมาใช้อาบตัวแทนน้ำ ส่วนศพก็ไปฝังในปราสาท โดยวิธีการรีดเลือดส่วนใหญ่มักมีอุปกรณ์ทรมานมาใช้ประกอบ เช่น ใช้เหล็กร้อนเผาลำคอ ใช้เครื่องทรมานบีบหน้าอก บางครั้งเธอก็ใช้มือทั้งสองของตัวเองล้วงเข้าไปในปากและฉีกร่างของเหยื่อออกเป็นสองซีก บางครั้งก็ให้ทหารกรูกันเข้ามาลงแขก แล้วแทงด้วยมีดที่กลางอก บ้างก็ถูกตัดหัว บ้างก็ถูกตัดแขนตัดขาและเสียเลือดมากจนสิ้นลม มกราคมปี 1611 เอริซาเบทถูกตัดสินให้ถูกจำคุกตลอดชีวิต ส่วนผู้ร่วมสังหารทุกคนต่างก็ถูกตัดสินโทษเผาทั้งเป็น เธอเสียชีวิตในอีก 3 ปีให้หลัง และมีบางตำนานกล่าวว่าเธอหนีออกไปได้และกลายเป็นผีร้ายอยู่ในป่าของฮังการี

 

อันดับ 1 หลุยส์ อัลเบอร์โต้ การาวิโต้ (Luis Alfredo Garavito.1957-??)

                     หลุยส์ อัลเบอร์โต้ การาวิโต้ (บางชื่อเป็น ลูอิส อัลเฟรโด้ การาวิโต้ ) ถือกำเนิดขึ้นมาในเขตควินดิโอของประเทศโคลัมเบีย เมื่อวันที่ 25 มค. 1957 เจ้าของฉายา “อสูรกายแห่งไร่อ้อย” จากปากคำเขาสารภาพว่าลงมือสังหารเหยื่อมากมายถึง 1,800 ราย!! (1982-1999) โดยส่วนมากล้วนเป็นเด็กชายที่มีอายุ 6 ขวบ ถึง 15 ปีทั้งสิ้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นจำนวนมหาศาลมากจนไม่คิดว่าจะมีใครในโลกที่ฆ่าคนโดยลงมือคนเดียวได้ขนาดนี้ 

                     แต่กระนั้นการตามรอยหาศพของฆาตกรคนนี้ลงมือไว้ สามารถตามเก็บเพียง 157 ศพเท่านั้น ซึ่งเขาสารภาพว่าเขาชอบทรมานเหยื่อก่อนฆ่า มีหลายครั้งที่เขาชอบเอามีดแทงเหยื่อก่อนที่จะข่มขืนอย่างเมามัน จากนั้นก็ทิ้งศพที่ไร่อ้อย ซึ่งทั้งนี้ที่เขาสามารถฆ่าคนได้เป็นจำนวนมากๆ ได้ ก็เนื่องมาจากประเทศโคลัมเบียค่อนข้างเป็นประเทศที่กฎหมายค่อนข้างล้าหลัง และสงครามกลางเมืองในประเทศทำให้หลายคนชาชิมกับการตายของคนอื่น
ปัจจุบัน หลุยส์ อัลเบอร์โต้ ถูกตัดสินจำคุกถึง 2,400 ปี แต่กระนั้นเขาก็ยืนยันว่าถ้าออกจากคุกเขาก็จะฆ่าคนอยู่ดี

                      

 

ขอบพระคุณที่ติดตามชมครับ

Credit: csd.go.th กองบังคับการปราบปราม/เว็บบอร์ดthaijustice.com
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...