คุณแม่ยังสาวคนหนึ่งเสียชีวิตเนื่องจากไตวายทั้งสองข้าง เธอได้รับการรักษาที่รพ.เพอร์ทามิน่าเป็นเวลาหนึ่งเดือน โดยได้รับอนุญาตให้กินได้แค่น้ำ 1 แก้วในหนึ่งวันเท่านั้น หมอให้การรักษาเธอ แต่ดูเหมือนว่าจะสายไปเสียแล้ว เธอเล่าว่าเธอดื่มน้ำอัดลมตอนทานอาหารกลางวันทุกวัน แต่แม้ว่าเธอจะดื่มน้ำอัดลมเพียงวันละ 1 แก้ว มันก็สามารถทำลายอวัยวะภายในของเธอได้ ท้ายที่สุดเธอเสียชีวิตลงเมื่อเดือน ต.ค. ปีที่แล้ว โดยทิ้งบุตรชายวัย 1 ขวบไว้ น่าสงสาร!
น้ำอัดลมอันตราย!!! หัวข้อนี้ไม่ใช่เรื่องการเมืองแต่เป็นเรื่องซึ่งน่าสนใจมาก สำหรับผู้ที่ชอบดื่ม ซึ่งคิดว่าคุณรู้เรื่องเกี่ยวกับน้ำอัดลมดีแล้ว น้ำอัดลมสามารถ....
- ทำความสะอาดห้องน้ำโดยการรินลงในโถชักโครก ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมงแล้วจึงกดชักโครก กรดซิติกในน้ำอัดลม จะขจัดคราบสกปรกได้อย่างดี
- ใช้กำจัดจุดสนิมบนกันชนรถโดยการขัดกันชนด้วยแผ่นอลูมิเนียมฟอยล์ ขยำเป็นชิ้นเล็กๆและจุ่มน้ำอัดลม
- ใช้ทำความสะอาดรอยกัดกร่อนบนสายแบตเตอรี่รถ โดยการรินให้ทั่วสายแบต ฟองที่เกิดขึ้นจะช่วยขจัดรอยดังกล่าวได้
- ช่วยทำให้รอยสนิมบนม้วนผ้าจางลง โดยการจุ่มผ้าในน้ำอัดลมประมาณ 2-3 นาที
- ช่วยอบแฮมที่ชื้นได้ โดยการเทน้ำอัดลม 1 กระป๋องลงในกระทะ ซึ่งตั้งไฟไว้แล้วใส่แฮมที่ห่อด้วยอลูมิเนียมฟอยล์ลงไป แกะฟอยล์ออก 30 นาทีก่อนแฮมสุก และผสมแฮมกับน้ำอัดลมจะได้น้ำเกรวี่สีน้ำตาล
- ช่วยขจัดรอยฝังแน่นจากผ้าโดยการเทน้ำอัดลม 1 กระป๋องลงบนผ้าสกปรก เติมน้ำยาซักผ้าและซักตามปกติ จะช่วยทำให้คราบฝังแน่นจางลง และยังช่วยทำความสะอาดรอยน้ำ ซึ่งกระเด็นจากถนนบนกระจกรถได้อีกด้วย
แล้วเราก็ดื่มสิ่งนี้ลงไป!!! ข้อมูลเกี่ยวกับน้ำอัดลม มีค่ากรดด่างเท่ากับ 3.4 โดยประมาณซึ่งค่าความเป็นกรดนี้สามารถกัดกร่อนฟันและกระดูกได้ ร่างกายคนเราจะหยุดสร้างกระดูก เมื่อเรามีอายุประมาณ 30 ปี หลังจากนั้นกระดูกจะกร่อนลงประมาณ 8-18% ในแต่ละปี โดยขึ้นอยู่กับความเป็นกรดของอาหารซึ่งบริโภคเข้าไป (ค่าความเป็นกรดไม่ได้ขึ้นกับรสชาติของอาหาร แต่ขึ้นกับค่าของธาตุโพแทสเซียม ,แคลเซียม ,แมกนีเซียม เช่นฟอสฟอรัส เป็นต้น) และจะถูกขับออกจากร่างกายทางปัสสาวะ ส่วนประกอบของแคลเซียมซึ่งมีศักยะภาพ ในการกัดกร่อนกระดูกจะไหลเวียน อยู่ในเส้นเลือดฝอย เส้นเลือดใหญ่เนื้อเยื่อและอวัยวะต่างๆ ซึ่งจะมีผลต่อการทำงานของตับ
น้ำอัดลมไม่มีคุณค่าทางโภชนาการแต่อย่างใด (ในแง่ของวิตามิน และแร่ธาตุ) แต่จะมีส่วนผสมของน้ำตาลสูง มีกรดสูงมาก และมีสารปรุงแต่งจำพวก วัตถุกันเสียและสีมากกว่า
บางคนชอบดื่มน้ำอัดลมเย็นๆหลังทานอาหารแต่ละมื้อ ลองเดาสิว่าคนเหล่านั้นได้รับผลกระทบอะไรบ้าง ร่างกายของคนเราขณะย่อยอาหารจะมีอุณหภูมิ 37 องศา แต่น้ำอัดลมเย็นๆ ที่ดื่มเข้าไปมีอุณหภูมิต่ำกว่า 37 องศามาก และมีอุณหภูมิเกือบจะ 0 องศาในบางครั้ง กรณีเช่นนี้ทำให้ประสิทธิภาพในการย่อยอาหาร ของร่างกายต่ำลง การย่อยอาหารทำได้ยากขึ้นและย่อยอาหารได้น้อยลง
ในความเป็นจริงแล้ว อาหารในร่างกายจะเสียและส่งแก๊สซึ่งมีกลิ่นเหม็นออกมา อาหารจะเน่าเปื่อย และทำให้เกิดสารพิษซึ่งจะถูกดูดซึมในลำไส้ และจะไหลเวียนในระบบเลือดไปทั่วร่างกาย สารพิษซึ่งแพร่ออกไปทั่วร่างกายนี้จะส่งผลให้เชื้อโรคต่างๆเจริญเติบโตได้ดีขึ้น
คิดให้ดีก่อนที่คุณจะดื่มน้ำอัดลม คุณเคยคิดเวลาคุณดื่มน้ำอัดลมหรือไม่ว่าคุณดื่มอะไรเข้าไปคุณกำลังกลืนสารคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นสารที่ไม่มีใครในโลกจะแนะนำให้คุณดื่ม
สองเดือนต่อมา มีการแข่งขันในมหาวิทยาลัย เดลฮี ว่า "ใครดื่มน้ำอัดลมได้มากที่สุด" ผู้ชนะดื่มน้ำอัดลมเข้าไป 8 ขวด และเสียชีวิตทันทีเพราะมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดมากเกินไป และมีก๊าซออกซิเจนในเลือดไม่เพียงพอ หลังจากนั้น ผู้อำนวยการจึงสั่งห้ามขายน้ำอัดลมในห้องอาหารของมหาวิทยาลัยอีก
มีคนใส่ฟันซึ่งหลุดแล้วลงไปในขวดเป๊ปซี่ และมันถูกกัดกร่อนในเวลา 10 วัน ฟันและกระดูกเป็นอวัยวะในร่างกายเพียงอย่างเดียวซึ่งสามารถคงอยู่ได้อีกหลายปีหลังจากที่มนุษย์เสียชีวิตลง ลองคิดดูสิว่าน้ำอัดลมจะมีผลอย่างไรต่อลำไส้อ่อนๆ และกระเพาะอาหารของเรา
(ข้อมูลข้างต้นมาจาก Great USA)