หากคุณ อายุ 22- 40 ปี คุณอาจจะจำเพื่อนเก่าเหล่านี้ของคุณได้
วันนี้ผมขอพามาย้อนอดีตรำลึกอุปกรณ์พวก Gadget และ การสื่อสารที่เรียกได้ว่าเป็นต้นแบบของเทคโนโลยีจนกลายเป็นอุปกรณ์ที่เราใช้ กันอยู่ทุกวันนี้ แหม! ดูทีไรมันอดอมยิ้มไม่ได้ซินะ พอดีผมไปค้นเจออุปกรณ์เก่าๆในบ้านสมัยเด็กๆเข้าให้เลยเป็นแรงบัลดาลใจให้ทำ เป็นเรื่องราวในวันนี้ขึ้นมา เพราะทุกครั้งเวลาไปเจออุปกรณ์เก่าๆทีไรมักทำให้อดคิดถึงเรื่องราวตอนที่ใช้ งานมันทุกที สรุปแล้วใครที่เข้ามาอ่านบทความในวันนี้ ผมจะบอกว่าคุณเริ่มแก่แล้วนะ อิอิ กลายเป็นบทความรวมพลคนสูงอายุไปในตัวเลยก็แล้วกัน
ชิ้นที่ 1 Game and watch จุดกำเนิดความฝันยามเด็ก
ของเล่นยอดฮิตของเด็กสมัยยุค 80 ไป โรงเรียนต้องแอบพกพาไปเล่นด้วย ผมเคยร้องกระจองอแง รบเร้าให้พ่อซื้อให้ ร้องจนคอแห้งไปหลายวัน ในที่สุดก็ได้ ฮ่าๆๆ เด็กนิสัยไม่ดี ซื้อแถวของถมในสมัยนั้นในราคา 500 บาท ปัจจุบันนี้ยังเก็บรักษาเป็นอย่างดี Game and watch ในปัจจุบันได้พัฒนากลายมาเป็นเครื่องเล่นเกมส์พกพาสารพัดรูปแบบ แม้กระทั่ง Sony PSP หรือ Nintendo DS Lite
มัน คือของเล่นสุดยอดความฝันของเด็กยุคนั้นจริงๆ ถ้าใครมีเล่นและได้จับจองเป็นเจ้าของจะรู้สึกดูเท่ห์พิกล ก็ในสมัยนั้นคอมพิวเตอร์มันยังไม่มีนี่ครับ เล่นแต่เกมส์เศรษฐีแบบเป็นกระดานกระดาษ ที่ต้องเอาแบ๊งค์ปลอมๆไปซื้อ โฉนดที่ดิน กับโรงแรม พอเจอเจ้า Nintedo แบบนี้เข้าไปเลยกลายเป็นจุดเปลี่ยนของเด็กยุคนั้น
ชิ้นที่ 2 Family Computer หรือ Famicom สุดยอดของเล่นที่เด็กทั่วโลกอยากครอบครอง
เป็นเครื่องเล่น VDO Game ที่ฮิตต่อมาจาคยุคสมัยของอาตาริ และเป็นต้นกำเนิดตัวละครมาริโอที่โด่งดังไปทั่วโลกจนถึงทุกวันนี้ ในสมัยก่อนจำได้ว่าเครื่อง Famicom เมื่อสักยี่สิบปีที่แล้ว ราคาเริ่มต้นที่เครื่องละ 3200 บาทแถมเกมส์สุดติงต๊อง 24Kb ให้หนึ่งตลับ เป็นVDO เกมส์ในยุคพลิกประวัติศาสตร์สามารถเปลี่ยนตลับเกมส์และภาพมีความสวยสดงดงาม มีเกมส์ให้เลือกหลายแบบ ตั้งแต่ 24 k , 48 , 64k , 128k และ 256 k หาก K ยิ่งสูงเกมส์ก็จะยิ่งสนุกเพราะมีเรื่องราวและกราฟฟิคที่บรรจุได้เต็มรูปแบบ ใน สมัยนั้นหากใครจะซื้อเกมส์คงต้องรวยเอามากๆ โดยเฉพาะตลับเกมส์ที่มีแต่ของแท้ ทำให้เกิดธุรกิจแลกเปลี่ยนเกมส์ขึ้นมา ยังจำร้านม้าไม้ และร้านมาริโอที่ มาบุญครองได้ไหมครับ มันคือแหล่งความฝันของเด็กๆที่ไปยืนเกาะตู้กระจกดูเช้าดูเย็น แต่หากเสาร์อาทิตย์ว่างๆก็ตลาดปีนังแถวคลองเตยเลยครับแหล่งเกมส์มันส์ๆมีร้านให้แลกเกมส์เพียบ สำหรับใครที่พอจะมีตังค์มากหน่อยก็อาจจะซื้อ Disk system มาเสริมกับ Famicom ซึ่งจริงๆมันก็คือ Drive A ธรรมดานี่แหละกับแผ่น Disk ที่คล้ายๆกับของ PC ที่เราใช้งานกันอยู่ แต่ Disk system แบบนี้สามารถใช้ถ่านหรือหม้อแปลงก็ได้ และที่สำคัญเกมส์มันจะสนุกและถูกกว่าซื้อตลับเยอะเลย
ในสมัยนั้นจำได้ว่าบ้านไหนมี Famicom รับรอง ว่าคุณจะเป็นคนที่เพื่อนรักที่สุดในกลุ่มเลยหละ แล้วเสาร์อาทิตย์หรือหลังเลิกเรียนที่บ้านก็จะมีเพื่อนมาร่วมสุมหัวจนค่ำ มากันเพียบหัวกระไดไม่แห้ง ยิ่งกว่าโดนสเน่ห์ยาแฝดซะอีก
จนมาปัจจุบัน Nintendo กลายมาเป็นรุ่น Wii ที่พัฒนากันมาไกลจากยุค Famicom มากทีเดียว คิดถึงสูตร 30 ตัวของเกมส์คอนทราจริงๆเลย ขึ้นๆลงๆซ้ายขวา ซ้ายขวา A B Start อิอิ!
ชิ้นที่ 3 ตุ๊กตาเด็กยืนฉี่ โดนซะ!
มันเป็นของเล่นยุค 80 ที่ เอาแกล้งเพื่อนได้เป็นอย่างดี โดยเอาน้ำใส่ตรงในส่วนที่ฐาน แล้วแกล้งให้เพื่อนลองดึงกางเกงเจ้าตุ๊กตาตัวนี้ลงมา มันก็จะฉี่ใส่หน้าคนดึง เป็นตุ๊กตาที่ผมเชื่อว่าหลายๆคนในที่นี้ต้องเคยเป็นเจ้าของมาก่อนแน่ๆ เลย ว่าแต่ตอนนี้มันไปอยู่ไหนเสียแล้วหละ?
ชิ้นที่ 4 กล้องฉายภาพสไลด์ View Master อุปกรณ์หลอกเด็กหลังเลิกเรียน
อันนี้เป็นของเล่นอีกชิ้นหนึ่งที่เด็กยุคก่อนต้องเคยเป็นเจ้าของหรือเคยเล่นมาก่อนเป็นกล้องที่เอาภาพสไลด์ใส่แล้วส่องดู สไตล์แบบ Analog แต่เดี๋ยวนี้มันยุคดิจิตอลแล้วครับ เดี๋ยวนี้เวลาจะดูภาพถ่ายก็ใช้เป็นไฟล์ภาพแล้วไปดูกับพวกเครื่อง PDA หรือ Ipod
สำหรับกล้อง Viewmaster แบบ นี้ไม่ใช่ของเล่นไฮโซอะไรมากนัก เพราะจำได้ว่าเมื่อก่อนตอนโรงเรียนเลิกที่หน้าโรงเรียนมักจะมีพ่อค้าหนัง แผ่นแบบนี้เอามาให้เช้าดูหนังฟิล์มแบบหนังไทย มีตั้งแต่หนังผี ยันหนังตลก ตามงานวัดก็เห็นออกบ่อยที่จะมีพ่อค้าหนังเร่ เอากล้องแบบนี้ให้เช่าดูหนังแบบภาพนิ่ง ซึ่งก็เป็นฟิล์มหนังจริงๆแต่เค้าตัดออกมา ดูแล้วอย่างกับเทลเลอร์หนังในปัจจุบัน เพราะตัดเอาเฉพาะภาพไฮไลท์เด็ดๆในแต่ละช่วงของหนังทั้งเรื่องมาทำให้เช้าดู ครั้งละ 5 บาท
ชิ้นที่ 5 โทรศัพท์เคลื่อนที่ อิริคสัน ฮ๊อตไลน์ ใหญ่แต่เท่ห์
แทบ ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าแค่สิบกว่าปี โทรศัพท์มือถือยุคปัจจุบันมันเล็กขนาดใส่กระเป๋าเสื้อได้สบายๆ สำหรับเจ้าโทรศัพท์อิริคสันรุ่นแรกนี้ผมเห็นครั้งแรกตอนเด็กๆยังอึ้งกับขนาด ว่า ไม่น่าเชื่อว่าเราจะสามารถแบกโทรศัพท์ไปคุยนอกบ้านได้แล้ว ต้องใช้คำว่าแบกนะครับเพราะเครื่องมันหนักเป็นกิโลเลยหละ เครือข่ายสมัยก่อนก็น่าจะเป็นคลื่นแบบ 470 MHz ส่วนราคาเปิดตัวในยุคนั้น มีร้องจ๊าก! เพราะเห็นใหญ่ๆแบบนี้เครื่องละเป็นแสนเชียวครับ ส่วนค่าโทรก็มหาโหดนาทีละ 3 บาท แต่โทรทางไกลถูกหน่อย เลยมีพวกพ่อค้าหัวใสตามต่างจังหวัดเอาไปเปิดโต๊ะให้โทรทางไกลในราคาถูกลง ยอมลงทุนซื้อเครื่องราคาเป็นแสน แต่มันก็สามารถคืนทุนได้เร็ว ส่วนการจะนำไปใช้ในรถนี่ ต้องวัดใจกันเลยหละครับเพราะรถยนต์ที่จะเอาโทรศัพท์เคลื่อนที่ไปติดในรถ เพื่อคุยไปขับรถไปได้นั้น มันต้องเจาะกระโปรงรถเพื่อต่อเสาอากาศออกภายนอก ไม่งั้นรับคลื่นไม่ได้ มายุคสุดท้ายที่ผมเห็นไอ้เจ้าโทรศัพท์แบบนี้ ส่วนมากกลายเป็นโทรศัพท์รุ่นขวัญใจชาวประมง เค้าเอาไปติดตามเรือประมงกัน ถ้ามายุคนี้ขืนยังแบกแบบนี้อยู่ คนคงจะงง คิดว่าจะมาวางระเบิดในห้างแน่ๆ
ชิ้นที่ 6 Motorola Dynatac ฮิตไม่ฮิต กระติกน้ำยังต้องเลียนแบบ
โทรศัพท์ Motorola รุ่นกระติกน้ำ ชื่อจริงๆคือรุ่น Dynatac ใน ระบบอนาลอค เป็นรุ่นที่ฮิตมากในอดีต ผมเชื่อว่าในที่นี้หลายท่านก็คงเคยใช้ใช่ไหมครับ ในสมัยก่อนตัวแค่นี้ก็คือว่าเล็กแล้ว พกพากันเกลื่อนเมือง สมัยก่อนโทรศัพท์ระบบยังไม่ใช่ดิจิตอลคุยไปก็มีเสียงกวนเข้ามา และที่พิเศษสุดๆเลยก็คือหากถือเครื่องแบบนี้ไปเดินคุยแถวร้านขายมือถือในมา บุญครอง อาจจะโดนจูนคลื่น แล้วก๊อปปี้ไปใช้โดยไม่รู้ตัวจะรู้อีกทีก็ตอนมีบิลเรียกเก็บตอนสิ้นเดือน แต่มันก็ฮิตขนาดจนมีคนเอาไปทำเป็นกระติกน้ำเลียนแบบหุ่นรูปทรง เอ!! ไม่แน่ใจว่ารุ่นนี้มี Bluetooth หรือเปล่า จำไม่ได้ อิอิ
ชิ้นที่ 7 Pager อุปกรณ์สร้างความรักของเด็กวัยรุ่นยุค 90
ไม่รู้เดี๋ยวนี้หายหน้าหายตากันไปไหนหมดแล้ว บางคนที่มีเก็บอยู่ก็เอาไปทำนาฬิกาปลุกบนหัวเตียงซะแล้ว เจ้า Pager นี้มันคือเครื่องมือสื่อสารยอดนิยมของเด็กวัยรุ่นยุคต้นปี 90 เมื่อ ก่อนมักจะได้ยินเวลาวัยรุ่นพูดกันว่า " เดี๋ยวถ้ามีอะไรจะเพจไปบอกนะ " ซึ่งการใช้งานก็ต้องโทรเข้าศูนย์ไปฝากข้อความ มันก็เขินนะ ถ้าจะฝากคำหวานๆเวลาจะบอกแฟนแล้วต้องผ่านโอเปอเรเตอร์ที่ศูนย์ มายุคนี้ Pager หายสาบสูญไปจากโลกนี้กลายเป็น SMS แทน เพราะสะดวกไม่ต้องไปบอกคำหวานหรือความลับผ่าน โอเปอเรเตอร์อีกแล้ว ผู้ให้บริการ Pager ต่างก็เลยเก็บข้าวเก็บของไปหางานด้านอื่นทำกันหมดแล้ว แต่มันก็คืออุปกรณ์ในความทรงจำที่หลายๆคนต้องเคยพกมันอย่างแน่นอน
ชิ้นที่ 8 Sony Walkman ต้นกำเนิดเสียงเพลงพกพา
Sony Walkman เด็กๆผมอยากได้มาก แต่มันแพงมากเกินเอื้มเครื่องละประมาณ พันห้าร้อยบาท ผมยังจำได้เลย มีวิทยุกับเครื่องเล่นเทปในตัว ในปัจจุบัน walkman กลายพันธุ์พัฒนามาเป็นเครื่องเล่นเพลงพกพาในปัจจุบัน หลายชนิดแม้กระทั่ง iPOD เอ!! หรือว่า สตีฟ จ๊อบ เขาจะติดใจได้แรงบันดาลใจมาจาก Walkman ก็เป็นได้ว่าไหมครับ
ชิ้นที่ 9 วีดีโอเทป ชอบขึ้นรา
เดี๋ยวนี้ถ้าไปตามห้างแล้วจะไปบอกพนักงานว่าจะมาซื้อเครื่องเล่น VDO สงสัยพนักงานต้องทำหน้า งงๆ กันแน่ เพราะมันถึงยุค DVD กันแล้ว สำหรับ VDO เทปและเครื่องเล่นสมัยนี้แทบจะหาไม่ได้แล้วเพราะมันสูญพันธุ์ไปอย่างรวดเร็วเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เอง หลังจากโดนกระแส VCD และ DVD ถล่ม ซะย่อยยับ เมื่อก่อนเวลาไปเช่าหนังตามร้าน ต้องแบกกันไปหนักอึ้งยิ่งเป็นหนังจีนชุดหละก็ แบกกันเป็นสิบๆม้วน แถมยังต้องหาซื้อเครื่องกรอเทปไว้ที่บ้านอีกต่างหาก เพราะกรอกับเครื่อง VDO เดี๋ยวจะพังเร็ว และที่สำคัญ VDO เทปแบบนี้เก็บนานๆชอบขึ้นราทุกที เห้ออออ มันหายไปจากโลกนี้แล้วหละครับ
ชิ้นที่ 10 แต่น แตน แต๊น Palm V ยังจำได้ไม๊
มันคือ PDA สุดยอดแห่งความนิยมและทำให้เกิดเว็บไซด์แห่งนี้ขึ้นมาครับ ผมซื้อ Palm มาใช้รุ่นแรกก็ตัวนี้แหละ Palm V หน่วยความจำโคตรเยอะเลยครับ ตั้ง 2 MB แหนะ ต้องอาศัยโปรแกรมพวก Flash Pro มาช่วยเพื่อใช้พื้นที่ใน ROM ในการเก็บข้อมูล ราคาเครื่องในตอนยุคเมื่อสิบปีที่แล้วก็ขายกันประมาณ 17,000 บาท ใครใช้ Palm ใน ยุคนั้นคนมักจะมองว่าไฮโซ หรือเป็นผู้บริหารระดับสูง แต่จริงๆก็ไม่ใช่ขนาดนั้นหรอกครับ มันถูกกว่ามือถือในยุคนั้นหลายเท่าตัว ตอนที่เป็น Palm OS 3.3 ยังไม่สามารถต่อกับมือถือได้ ต้องเป็น OS 3.5 ขึ้นไป เห็นแบบนี้มีโปรแกรมภาษาไทยด้วนะ ก็ของ ThaiPos กับ ThaiHack ยังไงหละครับ ยังจำกันได้ไหม ปัจจุบันผมยังเก็บรักษาเครื่อง Palm ตัวแรกของผมเป็นอย่างดียังใช้งานได้ดีทุกประการ จับทีไรนึกถึงวันวานทุกทีเลย
ชิ้นที่ 11 iPAQ รุ่นมีข้าไว้ เอ็งจะเท่ห์
มันเป็นเครื่องรุ่นประวัติศาสตร์ที่ทำให้ Palm ต้องสะเทือนจนมาถึงทุกวันนี้ ก่อนหน้านี้ Microsoft ทำ OS ที่เรียกว่า Windows CE ออกมาก่อนแต่ไม่รุ่ง ตอนหลังเลยเปลี่ยนแนวเมื่อปี 2000 ออกเครื่องรุ่นใหม่ใช้ระบบปฎิบัติการ Pocket PC โดยชูความสามารถด้านมัลติมิเดียที่ Palm ไม่สามารถทำได้ดีเท่า สำหรับ iPaq รุ่นโคตรฮิต นั้นต้องเป็น Compaq iPaq รุ่น 3630 ซึ่งยุคแรกๆใช้งานแสนจะปวดหัวเหมือนกัน เพราะเวลาจะ Sync มันมักจะ Error บ่อยต้องคอยยกเข้ายกออกจากแท่น หลายๆ และโปรแกรมที่จะลงแต่ละตัวยังแบ่ง CPU แต่ละค่ายอีก แสนยากลำบากจริงๆ แต่มันก็ทำให้วงการ Pocket PC แจ้งเกิด จนเปลี่ยนชื่อมาเป็น Windows Mobile 6 จนมาถึงทุกวันนี้ไงหละครับ
ชิ้นที่ 12 นาฬิกา Casio รุ่น Databank
มันเป็นนาฬิกายุคปี 80 สำหรับ คนที่บ้าเทคโนโลยี หรือแม้แต่เด็กๆที่บ้านพอมีอันจะกินมักจะหามาไว้ครอบครอง เพราะมันมีลูกเล่นด้านต่างๆเช่นจับเวลา เป็นเครื่องคิดเลข และปฎิทิน เพียงแค่นี้ก็ดูสุดแสนจะไฮโซแล้ว สำหรับราคานาฬิกาในยุคนั้นผมเองจำไม่ได้เหมือนกัน รู้แต่ว่าเพื่อนคนไหนที่โรงเรียนใส่มาจะต้องไปขอหยิบยิมมาลองเล่น แค่เอาไว้ใช้กดเครื่องคิดเลขเวลาชั่วโมงคณิตศาสตร์ก็รู้สึกว่ามัน เจ๋งโคตรแล้วหละ แต่ในที่สุดก็โดนอาจารย์ดุจนได้ เพราะมัวแต่ใช้เครื่องคิดเลขเดี๋ยวจะคิดเองไม่เป็น
ชิ้นที่ 13 แฟมิลี่ ทีวีเล็ก ขวัญใจแท๊กซี่ และแม่ค้าตลาดสด
เมื่อก่อน TV เครื่อง หนึ่งไม่ใช่จอแบน แต่แบบจอบวม ที่ดูตามบ้านก็เครื่องละเป็นหมื่นแล้ว แต่พอมีแฟมิลี่ ทีวีเล็กออกมา มันพลิกตลาดคนใช้มากทีเดียว เพราะทำให้หลายๆคนสามารถพกพาทีวีไปดูตามสถานที่ต่างๆได้สะดวกขึ้น แถมราคาไม่แพงด้วยเครื่องละประมาณ 1500 บาท สามารถต่อที่จุดบุหรี่ในรถยนต์ก็ได้ เลยทำให้มันเป็นอุปกรณ์ขวัญใจ Taxi ใน ยุคนั้น แม้ภาพจะเต้นอย่างกับ เชิดสิงห์โต ตอนตรุษจีน เวลารถเคลื่อนตัว ต้องคอยโยกเสาไปมาเพื่อรับสัญญาณ หรือถ้าไปตามตลาดสดมันก็เป็น Gadget ขวัญใจแม่ค้าในตลาดเอาไว้ดูละคร ฆ่าเวลาเวลาขายของ แม้ว่าเครื่องมันจะเป็นจอขาวดำแต่ก็เป็นราคาที่ทุกคนหาซื้อได้ ปัจจุบันบริษัทแฟมิลี่เลยต้องเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนแนวตัวเอง ไปทำอุปกรณ์ด้านอื่นๆแทน TV เล็กเช่น เครื่องเล่น DVD หรือ จานดาวเทียม เพราะตลาด TV เล็กในปัจจุบันอยู่ในอุ้งมือสินค้าจากเมืองจีนไปแล้วแถมยังจอสีอีกต่างหาก
ชิ้นที่ 14 แผ่นดิสก์ขนาดมหึมา 5.25 นิ้ว
ความทรงจำที่ยังไม่เลือนลางกับ แผ่น ดิสก์ ขนาด 5.25 นิ้วซึ่งปัจจุบันหาดูไม่ค่อยได้ ตัว Drive ก็มีขนาดใหญ่พอๆกับ CD Rom ใส่ แผ่นแล้วต้องมีตัวล๊อคหมุนปิดลงมา เวลาเลิกใช้เอาแผ่นออกก็หมุนล๊อคแล้วแผ่นก็เด้งออกมา ปัจจุบันสื่อเก็บข้อมูลพัฒนาไปจนมีขนาดเล็กและความจุสูงเป็น GB อย่าง Flash Drive ขนาดเล็กๆตัวเท่านิ้วก้อย ก็เก็บข้อมูลได้เป็น GB แล้ว ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ใครยังใช้ดิสก์แบบนี้อยู่อีกหรือเปล่า
ชิ้นที่ 15 โทรศัพท์ Siemens รุ่น S25
หากใครใช้ Palm เมื่อสัก 7-8 ปีที่แล้วจะต้องรู้จักเจ้าโทรศัพท์รุ่นนี้ดี เพราะในตอนนั้นโทรศัพท์มือถือมีเพียง 2 รุ่นเท่านั้นที่มี Modem ในตัว คือของ Nokia รุ่น 8xxx และ Siemens S25 ตัวนี้ และมันมีช่องอินฟราเรดที่สามารถต่อเชื่อมกับเครื่อง Palm ได้เลยทำให้เครื่อง Palm สามารถเล่น Net ผ่านมือถือได้เป็นครั้งแรก ส่วนเรื่องความเร็วนั้น EDGE หรือ GPRS หลบไปเลยครับ เพราะความเร็วในการเล่น Net ในยุคนั้นเร็วมาก คือเร็วแค่ 9600 bps อิอิ โหลดเว็บทีไปชงกาแฟกลับมายังไม่เสร็จ เลยระบบสมัยก่อนต้องใช้ Account ของ Internet ตามบ้านต่อแบบ โทรเข้าไปศูนย์ ISP ตามปกติ แบบโทรตามบ้านของ Modem 56k แต่มันก็ทำให้วงการ PDA ในยุคนั้น ตื่นตาตื่นใจขึ้นมามากทีเดียว แต่สำหรับยุคนี้ก็ PDA Phone ไงหละครับ ตัวเดียวจบครบทุกอย่างมี EDGE อีกต่างหาก
สำหรับ เรื่องราวในวันนี้ก็เป็นเรื่องราวของอุปกรณ์ในอดีตที่เรียกว่าเป็นเครื่อง ต้นแบบทำให้เรามีเทคโนโยแบบแปลกใช้กันในวันนี้ หลายคนเห็นภาพแล้วอาจจะแอบยิ้มว่า ฉันก็เคยใช้นะได้เครื่องรุ่นนี้ รุ่นนั้นด้วย ก็เป็นความทรงจำเก่าๆที่เราเอามาให้ดูกันผ่อนคลายอารมณ์ครับ แล้วก็เลยกลายเป็นบทความรวมพลคนสูงอายุไปในตัวด้วย ฮ่าๆๆ แต่ผมยังไม่แก่นะ เพียงแต่เกิดทันยุคที่เขาใช้กันต่างหาก
สรุป ทิ้งท้ายกันอีกสักหน่อยละกัน เห็นไหมครับว่าเทคโนโลยีมันเปลี่ยนเร็วแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นสินค้าแพงระดับเรือนแสนหากเป็นสินค้าเทคโนโลยียังไงมันก็จะกลาย เป็นวัตถุโบราณราคาแพงที่บางทีเก็บเอาไว้ก็ไม่เคยกลับไปใช้มันอีกเลย มีเงินมีทองก็อย่าไปจับจ่ายกับสินค้าพวกนี้มากนะครับเพราะยังไงเราก็ไม่มี ทางวิ่งตามมันทันอย่างแน่อน แค่ศึกษาอ่านและเก็บความรู้ให้เท่าทันมันก็เพียงพอแล้วหละครับ แค่นี้เราก็เป็นคนที่ทันเทคโนโลยีสมัยใหม่ตลอดเวลาแล้วหละครับ