มนุษย์เพศชายและเพศหญิง ดูเผินๆ ก็เป็นมนุษย์เหมือนๆ กัน แต่ถ้าศึกษาพิจารณาให้ลึกซึ้งแล้วจะพบว่าธรรมชาติ สร้างมนุษย์เพศชายและเพศหญิงให้แตกต่างกันในเกือบทุกเรื่อง ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ ความคิดและการกระทำ ดังนั้นคำถามที่เรามักสงสัยกันว่า
“ทำไมเมื่อมีเซ็กส์ด้วยกันแล้ว... ผู้ชายจึงไม่ผูกพันเหมือนผู้หญิง”
ผู้เขียนขออธิบายให้หายสงสัยเป็นลำดับดังนี้
ตัวการสำคัญที่ถือว่าเป็นต้นเหตุได้เลยก็คือ “ฮอร์โมนเพศ”
โดยปกติทั้งชายและหญิงก็มักจะมีฮอร์โมนเพศของทั้งสองเพศอยู่ในตัวทุกคน ผู้ชายจะมีฮอร์โมนเพศชายมากกว่าทำให้มีรูปร่างหน้าตา ลักษณะท่าทางทั้งความคิด จิตใจตลอดจนพฤติกรรมเป็น “ผู้ชาย” ส่วนผู้หญิงก็จะมีฮอร์โมนเพศหญิงมากกว่าจึงทำ ให้มีรูปร่างหน้าตา ลักษณะท่าทาง ความคิด จิตใจตลอดจนพฤติกรรมเป็น “ผู้หญิง”
ผู้ชายส่วนใหญ่มีฮอร์โมนเพศชายที่เด่นมากๆ อยู่ในตัวชื่อว่า “เทสโทสเตอโรน (Testosterone)” ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีผลทำให้ผู้ชายชอบความท้าทาย ชอบแข่งขัน ชอบชัยชนะ ชอบเซ็กส์ รักสนุก ดูมีความรักแบบหลายใจไม่มั่นคง
ส่วนผู้หญิงส่วนใหญ่มีฮอร์โมนเพศ-หญิงที่เด่นมากๆ อยู่ในตัวชื่อว่า “เอสโตรเจน (Estrogen)” ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีผล ทำให้ผู้หญิงมีความรักแบบผูกพัน มั่นคง ซื่อสัตย์ จงรักภักดี ประเภทรักแล้วรักเลย รักเดียวใจเดียว
แต่ก็มีที่ผู้ชายและผู้หญิงบางส่วน บางคนไม่ได้เป็นเช่นนี้ เราจะไปเหมารวมทั้งหมดคงไม่ได้ เพราะยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่มาเกี่ยวข้องอีกมากมาย ซึ่งก็พอจะสันนิษฐานเบื้องต้นได้ว่าขึ้นอยู่กับฮอร์โมนเพศที่มีอยู่ในตัว เช่น ผู้ชายที่ซื่อสัตย์และมั่นคงในรัก เขาก็น่าจะมีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงกว่าผู้ชายทั่วๆ ไปหรือผู้หญิงที่เจ้าชู้ หลายใจ เธอก็ น่าจะมีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนสูงกว่าหญิงคนอื่นๆ เป็นต้น
นอกจากเรื่องฮอร์โมนแตกต่างกัน ที่ทำให้ผู้หญิงผูกพันมั่นคงในความรักมากกว่าผู้ชายตามที่ได้อธิบายมาข้าง ต้นแล้วตามความเห็นของผู้เขียน ผู้หญิงยังถูกสาปซ้ำอีกด้วยฮอร์โมนที่ชื่อว่า “ออกซิโตซิน (Oxytocin)”
นั่นคือ...ในขณะที่ผู้หญิงมีเซ็กส์กับผู้ชาย สมองก็จะหลั่งฮอร์โมนออกซิโตซิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความผูกพันออกมาด้วย ทำให้ผู้หญิงเกิดความรู้สึกผูกพันกับชายที่เธอมีเพศสัมพันธ์ด้วย แต่ผู้ชายไม่มีฮอร์โมนตัวนี้มากนักจึงทำให้ผู้ชายไม่ค่อยรู้สึกผูกพันกับ ผู้หญิงที่ตนมีเซ็กส์ด้วย มักคิดเพียงว่าการมีเซ็กส์เป็นการแสวงหาความสุขและประสบการณ์ร่วมกัน เป็นความพึงพอใจของทั้งสองฝ่ายแบบ..
“เธอพอใจ ฉันพอใจ เราแสวงหาความสุขร่วมกันแล้วก็ทางใครทางมัน” เลยทำให้ผู้ชายดูเหมือนว่าเป็นคนหลายใจ
ยิ่งกว่านั้น....หลังจากมีเซ็กส์กันแล้ว ผู้หญิงจะยิ่งผูกพันกับผู้ชายมากขึ้นเพราะ ผู้หญิงมักเอาความรักมารวมกับเซ็กส์เป็นเรื่องเดียวกัน โดยคิดว่าการมีเพศสัมพันธ์เป็น การแสดงความรักต่อกันและคิดว่าผู้ชายคงคิดแบบเดียวกันกับตน ผู้หญิงบางคนจึงคิดผิด ว่าการมีเซ็กส์เป็นการผูกมัดกันไว้ให้ความรักแน่นแฟ้นได้
คิดว่าพอมีเซ็กส์กันแล้ว...
“ฉันเป็นของเธอ และเธอเป็นของฉัน...เราเป็นของกันและกัน...เราจะรักกันนิรันดร”
หรือที่ฝรั่งเขาว่า ผู้หญิงให้เซ็กส์กับผู้ชายเพราะคิดว่าจะได้ความรักกลับมา...กิ๊ฟ เซ็กส์ ทู เก็ท เลิฟ (Give Sex to get Love)
ในทางตรงกันข้ามผู้ชายจำนวนมาก เห็นว่าความรักกับเซ็กส์เป็นคนละเรื่องกัน ไม่ได้มีเซ็กส์เพราะความรัก แต่มีเซ็กส์เพราะต้องการเซ็กส์ เมื่อมีเซ็กส์กับผู้หญิงแล้วก็จะหมดความตื่นเต้น หมดความท้าทายไปจนถึงหมดความสนใจที่จะคบหากันฉันคนรักด้วย ที่ฝรั่งเขาว่าผู้ชายใช้ความรักล่อเพื่อให้ได้เซ็กส์จากผู้หญิง..
กิ๊ฟ เลิฟ ทู เก็ท เซ็กส์ (Give Love to get Sex)
แล้วก็จากไปแสวงหาความท้าทายและความตื่นเต้นกับผู้หญิงคนใหม่ต่อไป
คงจะหายสงสัยและเข้าใจได้กระจ่างแจ้งแล้วนะคะว่าทำไมผู้ชายกับผู้หญิงจึงรู้สึกต่างกัน