สารเคมีที่ถูกนำไปใช้เป็นอาวุธ ได้แก่
1. สาริน
เป็นสารปลิดชีพชนิดไอระเหย มีพิษต่อระบบประสาท
( 20 มีนาคม 2538 สมุนของลัทธิโอม ชินริเคียว ได้นำไปปล่อย
ในตู้รถไฟโดยสารใต้ดิน 5 ขบวน ที่ต่างก็วิ่งเข้ากรุงโตเกียว
มีผู้ได้รับสารพิษ 3800 คน เสียชีวิต 12 คน เข้าโรงพยาบาล 1000 คน )
2. วีเอกซ์
เป็นสารปลิดชีพชนิดละออง มีฤทธิ์ต่อระบบประสาท
3. ฮัยโดรเจน ซัยอาไนด์
เป็นสารปลิดชีพชนิดไอระเหย มีพิษต่อเลือด
4. ซัยอาโนเจน คลอไรด์
เป็นสารปลิดชีพชนิดไอระเหย มีพิษต่อเลือด
5. ฟอสจีน
เป็นสารปลิดชีพชนิดไอระเหย มีพิษต่อปอด
6. กาซมัสตาร์ด
เป็นทั้งสารปลิดชีพ และสารก่อภาวะชะงักงัน
ใช้ในลักษณะละอองฝอย
7. สารพิษโบทูลินัม
เป็นสารปลิดชีพ ใช้ในลักษณะละอองฝอยหรือฝุ่น
ทำให้เป็นอัมพาตและหยุดหายใจ
8. สารอื่นๆ
ส่วนมากจะไม่ใช่สารปลิดชีพ แต่ก่อให้เกิดภาวะชะงักงัน
รบกวนก่อความรำคาญ
http://www.baanmaha.com/community/thread18887.html
หมายถึง อาวุธที่ผลิตขึ้นเพื่อการทำลายล้างมวลชน อาจเป็นเชื้อจุลชีพ (แบคทีเรีย ไวรัส รา ปรสิต) หรือสารพิษที่สกัดจากสิ่งมีชีวิตทั้งพืช สัตว์
และจุลชีพต่างๆ
ความเป็นมาบางประการเกี่ยวกับอาวุธชีวภาพ
ชนชาติเปอร์เซีย กรีก และโรมันเคยบันทึกเหตุการณ์สงครามในอดีตไว้ว่า
มีการใช้สิ่งปฏิกูลและซากศพผู้เสียชีวิตด้วยโรคใส่ในแหล่งน้ำ
หรือดีดเข้าไปในเมืองโดยใช้เครื่องดีดก้อนหิน เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามป่วย
และตายด้วยโรคทั้งที่สมัยนั้นยังไม่มีความรู้เกี่ยวกับเชื้อโรคเลย
พ.ศ. 2306 ในการสู้รบระหว่างทหารอังกฤษกับชาวอินเดียนแดง
ในอเมริกาเหนือ ผู้บังคับหน่วยได้รับคำสั่งให้มอบผ้าห่มสองผืน
และผ้าพันคอหนึ่งผืนที่ได้จากโรงพยาบาลโรคฝีดาษแก่หัวหน้าเผ่า
เพื่อเป็นเครื่องคารวะ ผลคือเกิดโรคไข้ทรพิษระบาดใหญ่ในหมู่อินเดียนแดง
นานหลายเดือนจนตายไปนับร้อยคน
พ.ศ. 2483-2487
กองทัพญี่ปุ่นได้ศึกษาวิจัยและใช้เชื้อโรคหลายชนิดในการทำสงคราม
กับจีนและโซเวียต เช่น กาฬโรค บิด อหิวาตกโรค แอนแทร็กซ์ วัณโรค
ไข้หวัดใหญ่
พ.ศ. 2493
สหภาพโซเวียต(เดิม) เริ่มโครงการผลิตอาวุธชีวภาพ พ.ศ. 2522 มีการรั่วของสปอร์ของเชื้อแอนแทร็กซ์จากแหล่งผลิต มีคนตาย(จากการหายใจเข้าไป)ถึง 66 คน
พ.ศ. 2493
สหรัฐอเมริกานำเชื้อแอนแทร็กซ์ กาฬโรคและไวรัสไข้เหลือง ไปใช้เป็นอาวุธชีวภาพในเกาหลีเหนือ
พ.ศ. 2527
มีการระบาดของอาหารเป็นพิษจากเชื้อซัลโมเน็ลลาจากภัตตาคารประเภทสลัดบาร์ ในรัฐโอเรกอน สหรัฐอเมริกา มีผู้ป่วย 751 คน เป็นการก่อการร้ายของชุมชน กลุ่มรัชนีชี
ในสงครามอ่าวเปอร์เซีย อิรัคได้ใช้สารชีวภาพบรรจุในระเบิด 200 ลูก
และบรรจุในหัวจรวดนำวิถี 25 หัวในปฏิบัติการครั้งนี้ด้วยแต่ไม่ได้ผล
(เนื่องจากเหตุหลายประการ)
พ.ศ. 2533
องค์การสหประชาชาติได้เข้าไปตรวจอาวุธนิวเคลียร์ในอิรัค
พบว่าอิรัคได้ผลิตสปอร์แอนแทร็กซ์มากพอที่จะทำลายมนุษย์ได้ทั้งโลก
ซึ่งอิรัคยอมรับว่าได้ผลิตไว้ตั้งแต่ก่อนยุติสงคราม
อาวุธชีวภาพอาจจะใช้ทำลายพืชผลและปศุสัตว์ด้วยได้
ทำให้เกิดความขาดแคลนอาหาร ความสูญเสียทางเศรษฐกิจ
และเกิดความวุ่นวายทางสังคม ผลกระทบกว้างและอยู่นานกว่าสารเคมี
เพราะพืช สัตว์ และคนที่ติดเชื้อจะเป็นแหล่งเพาะเชื้อและแพร่กระจายต่อไปได้
และบางโรคก็ยังไม่มียารักษา
ปัจจุบัน ประชาคมโลกต่างมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับอาวุธทำลายล้าง
มวลมนุษย์เหล่านี้อยู่มาก มีการประชุมภาคีต่างๆเพื่อควบคุมยับยั้ง
การผลิตและสะสมอาวุธประเภทนี้ แต่ความจริงมีอยู่ว่าการผลิต
การวิจัยและพัฒนาให้ได้อาวุธร้ายแรงยิ่งขึ้นยังมีอยู่ต่อไปในที่ต่างๆ
7.
ในส่วนของประเทศไทย ได้มีกำหนดไว้ในกฎกระทรวงเกี่ยวกับเชื้อโรคต่าง ๆ
ที่จะพัฒนาเป็นอาวุธชีวภาพไว้หลายชนิดด้วยกัน คือ โรครินเดอร์เปสต์,
โรคเฮโมราจิกเซพติซีเมีย, โรคแอนแทรกซ์, โรคเซอร่า, สารติก, แกรนเดอร์,
ปากเท้าเปื่อย, อหิวาต์สุกร, ส่วนโรคอื่น ๆ แม้จะยังไม่ปรากฎการณ์แพร่ระบาด
ใน ประเทศไทย
8.
แต่เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น สำนักงานโรคระบาด
ระหว่างประเทศ (OIE) ได้กำหนดให้โรคระบาดอีกรวม 14 โรคต้องควบคุม
ด้วยเช่นกันประกอบด้วย
โรคทริคโนซีส, บรูเซลโลซีส, วัณโรค, เลปโทสไปรา, แซลโมนิลา,
สมองอักเสบนิปาห์, วัวบ้า, กาฬโรคเป็ด, นิวคาสเซิล, เอเวียนอินฟลูอินซา,
รวมทั้งโรคระบาดในม้า เช่นกาฬโรคแอฟริกาในม้า, ไข้วัดใหญ่ในม้า,
ไข้เห็บม้า, ดูรีน, ปากอักเสบพุพอง, ปิคาน่า, โพรงจมูกและปากอักเสบในม้า,
มดลูกอักเสบติดต่อในม้า, เรื้อนม้า, โลหิตจากติดเชื้อในม้า,
สมองและไขสันหลังอักเสบในม้า, สมองและไขสันหลังอักเสบเวเนซุเอล่าในม้า,
สมองอักเสบเจเปนิส, หลอดเลือดแดงอักเสบติดเขื้อในม้า
รวมทั้งหมดมีเชื้อโรคที่สามารถพัฒนา ศักยภาพในการทำอาวุธชีวะภาพ
ได้ 32 เชื้อด้วยกัน