ตุลาคม 1971
ชายผู้หนึ่งเพิ่งพ้นโทษด้วยคดีเกี่ยวกับเช็คและกำลังเดินทางกลับบ้าน บนรถบัสระหว่างทางกลับไปไมอามี่นั้น เขาได้พบเด็กหนุ่มคนหนึ่ง และเล่าให้เด็กหนุ่มผู้นั้นฟังว่า ตนเองเพิ่งพ้นโทษจำคุก 3 ปี และกำลังกลับบ้าน
แต่เวลา 3 ปีช่างนานนัก เขาไม่รู้ว่าหญิงคนรักจะยังปักใจกับเขาหรือไม่ จึงได้เขียนจดหมายไปหาหล่อนก่อนที่จะออกจากคุกว่า หากเธอที่รักยังคงรักเขาเช่นดังเดิม ขอให้นำริบบิ้นสีเหลืองมาผูกไว้ที่ต้นโอ๊คริมทางที่เขาจะเห็นได้จากบนรถบัส
หากว่าไม่มีริบบิ้นผูกที่ต้นโอ๊คแล้ว เขาจะนั่งรถผ่านไป ไม่หวนกลับมาหาเธออีก
จนกระทั่งรถขับผ่านบริเวณต้นโอ๊คดังกล่าว ชายผู้นั้นก็บอกคนขับว่าช่วยดูทางแทนเขาหน่อย เพราะเขากลัวเหลือเกินว่าจะไม่เห็นริบบิ้นใดๆ
แต่ตอนนั้น ผู้โดยสารทั้งคันรถก็โห่ร้องด้วยความดีใจ
เพราะที่ริมทางนั้น มีริบบิ้นสีเหลืองเป็นร้อยเส้นผูกไว้รอบต้นโอ๊คมากมาย
คนขับรถอดซาบซึ้งใจด้วยไม่ได้ จึงนำเรื่องนี้ไปกระจายเสียงในวิทยุท้องถิ่น จนกระทั่งมีการไปเขียนลงในหนังสือพิมพ์ New York Post ชื่อเรื่องว่า "กลับบ้าน" (Going Home) จากนั้นในปี 1973 นักแต่งเพลง เออร์วิน เลไวน์ กับ รัสเซลล์ บราวน์ ได้เขียนเพลงขึ้นมาเพลงหนึ่งจากเรื่องราวน่าประทับใจนี้ เพลงนั้นคือ
Tie A Yellow Ribbon Round The Old Oak Tree
I'm coming home I've done my time
(ฉันกำลังกลับบ้านแล้ว ฉันได้ชดใช้สิ่งที่ทำลงไปแล้ว)
Now I’ve got to know what is or isn't mine
( ตอนนี้ฉันอยากรู้เหลือเกินว่าสิ่งใดที่ยังเป็นของของฉัน สิ่งใดไม่ใช่แล้ว )
If you received my letter
Telling you I'd soon be free
( หากเธอได้รับจดหมายจากฉัน แจ้งว่าอีกไม่นานฉันจะเป็นอิสระแล้ว)
Then you'd know just what to do
( เธอคงรู้ ว่าควรทำอย่างไร)
If you still want me
If you still want me
( หากเธอยังต้องการฉันคนนี้อยู่ )
Oh tie a yellow ribbon
'Round the old oak tree
( ขอเธอผูกริบบิ้นสีเหลืองไว้ที่ต้นโอ๊คต้นเดิมของเรา )
It's been three long years
( จากตอนที่เราจากกันก็ยาวนานสามปีแล้ว)
Do you still want me
( เธอยังต้องการฉันคนนี้อยู่ไหม)
If I don't see a yellow ribbon
'Round the old oak tree
( หากฉันไม่ได้เห็นริบบิ้นเหลืองที่ต้นโอ๊คของเรา )
I'll stay on the bus, forget about us
( ฉันจะนั่งรถเลยผ่านไป ลืมความรักของเราไปเสีย)
Put the blame on me
( และรับว่าเป็นความผิดของฉันเอง)
If I don't see a yellow ribbon
'Round the old oak tree
( หากฉันไม่ได้เห็นริบบิ้นเหลือง ที่ต้นโอ๊คของเรา)
Bus driver please look for me
( คุณคนขับรถช่วยมองข้างหน้านั่นแทนผมหน่อย)
'Cause I couldn't bare to see what I might see
( เพราะผมไม่กล้ามองสิ่งที่กำลังจะได้เห็น)
I'm really still in prison
And my love she holds the key
( ตัวผมยังคงถูกจองจำ และเธอที่รักเท่านั้นที่จะปล่อยผมออกไปได้)
A simple yellow ribbon's all I need to set me free
( เพียงแค่ริบบิ้นสีเหลืองจากเธอ จะช่วยให้ผมเป็นอิสระ)
I wrote and told her please
(ผมจึงเขียนไป...ขอเธอ)
Oh tie a yellow ribbon
'Round the old oak tree
It's been three long years
Do you still want me
If I don't see a yellow ribbon
'Round the old oak tree
I'll stay on the bus, forget about us
Put the blame on me
If I don't see a yellow ribbon
'Round the old oak tree
Now the whole damn bus is cheering
( และตอนนี้คนทั้งรถบัสล้วนโห่ร้อง)
And I can't believe I see
( และฉันไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลย)
A hundred yellow ribbons
'Round the old, the old oak tree
( เพราะข้างหน้านั่น มีริบบิ้นสีเหลืองนับร้อยเส้น ผูกไว้ที่ต้นโอ๊คของเรา)
Tie a ribbon 'round the old oak tree
Tie a ribbon 'round the old oak tree
Tie a ribbon 'round the old oak tree
Tie a ribbon 'round the old oak tree
Tie a ribbon 'round the old oak tree
Tie a ribbon 'round the old oak tree
Tie a ribbon 'round the old oak tree
Tie a ribbon 'round the old oak tree