อย่างที่ทุกๆ คนได้อ่านกันฆาตกรไม่ใช้แต่มีเพศชายเท่านั้น เพศหญิงก็มี และบางที่ผู้หญิงอาจโหดกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ และนี้คือสิบรายการของฆาตกรหญิงที่ชั่วร้าย(โดยส่วนใหญ่) ที่มีชื่อเสียงเรื่องความน่ากลัวและความเกลียดชังของบรรดาคนในประเทศที่พวกเธอได้ก่อวีรกรรมไว้ที่ยากจะให้อภัย แน่นอนเนื้อหาในแต่ละดับเราจะอธิบายลักษณะของพวกเธอโดยสังเขป ส่วนรายละเอียดนั้นตามไปอ่านในลิงค์เอาเองเพื่อครบถ้วนความสนุก
อันดับ 10 Williamina “Minnie” Dean 1844-1895
จำนวนเหยื่อ +3
มินนี่ เธอเป็นผู้หญิงคนแรกของประเทศนิวซีแลนด์ที่ถูกแขวนคอ ภายนอกดูเหมือนเป็นหญิงนักบุญผู้ช่วยเหลือเด็กน้อยกำพร้าที่น่าสงสาร แต่ภายในกลับกลายเป็นอสูรกายที่หยิบยื่นความตายให้กับเด็กพวกนี้ โดยเหตุผลที่ฆ่าไม่มีอะไรเกินกว่าเงินจำนวนเล็กน้อยเพื่อปรับปรุงวิถีการดำเนินชีวิตของเธอเท่านั้น เธอชอบเด็กที่ท้องไม่มีพ่อถูกตีตราจากสังคม และเมื่อเธอรับเลี้ยงพวกเธอ คนอื่นๆ ก็คิดว่าพวกเธออบอุ่น โดยหารู้ไม่ว่าเบื้องหลังคือ แรงงานทาส ใช้เด็กทำไร่ โดยเธอริบเงินค่าเลี้ยงดูจากรัฐบาลอย่างสุขอุรา ก่อนที่หญิงชาวนาแม่พระจะทำการฆาตกรรมเด็กสาวพวกนั้นเมื่อมีโอกาส มินนี่สังหารเด็กอย่างน้อย 3 ราย ซึ่งความจริงมากกว่านั้นเนื่องจากเวลาเธอฆ่าคนเธอจะทำการหั่นศพและนำไปฝังในไร่เพื่อกำจัดหลักฐาน มีการพบซากศพจำนวนมากในไร่แห่งนั้นหากแต่ไม่สามารถนำมาต่อติดเป็นอย่างเดิมได้ สุดท้ายเธอก็ถูกประหาร แต่เยาวชนและเด็กรุ่นใหม่ยังคงเรียนรู้เรื่องราวของเธอจากพิพิธภัณฑ์ขิองตำรวจนิวซีแลนด์ และคุณจะได้เห็นกระดูกเด็กเหยื่อของเธอที่ถูกกลับเป็นอย่างเดิม และนี้คือสิ่งที่ไม่ควรลืมในประเทศนิวซีแลนด์
คลิป http://www.youtube.com/watch?v=-pobXNCcQNU
อันดับ 9 โดโรเธีย พูเอนเด้ (Dorothhea Puente) 1929-??
จำนวนเหยื่อ 9
โดโรเธีย พูเอนเด้ เป็นหญิงชราที่เช่าบ้านเก่าแถบซาคราเมนโต สหรัฐอเมริกาเพื่อใช้เป็นบ้านพักคนชราสูงอายุที่สิ้นเนื้อประดาตัวจากกรมประชาสังเคราะห์ ฉากหลังเป็นแม่พระสำหรับคนทั่วไป แต่ฉากหลังเป็นบ้านพักของเธออย่างกับวังอสูรกาย เพราะเธอออกกฎบ้านพักแบบเผล็ดการ เธอปฏิเสธการให้ผู้เช่าใช้โทรศัพท์หรือเขียนจดหมาย เธอจะระเบิดอารมณ์อย่างรุนแรงหากคนชราพวกนี้ทำผิดเล็กๆ น้อยต่อหน้าเธอ และเธอจะอมเงินสวัสดีการที่ถูกส่งให้คนชราแต่เพืยงผู้เดียว ก่อนที่เธอที่ฆ่าคนชราหมดประโยชน์เพียงเพื่อโกงเงินสวัสดิการเพื่อขึ้นเงินเป็นของตนเอง เธอทำอยู่นาน นานมากจนกระทั้งสังคมได้รับรู้พฤติกรรมและความโหดร้ายของเธอเพราะ "กลิ่น" เพื่อนบ้านตรงข้ามทนไม่ไหวจึงแจ้งตำรวจ มีการพบศพ 9 ศพที่ลานหลังบ้าน มีทั้งหัว แขน ขาที่ถูกหั่น เงินที่เธอขโมยมาถูกเปลี่ยนเป็นของฟุ่มเฟือยหรูหรา น้ำหอมที่ใช้เงินจากการฆ่าคนที่ไร้ทางสู้ สุดท้ายเธอถูกนำขึ้นศาล สีหน้าของไร้ซึ่งความสำนึกผิดในบาปที่เธอก่อ ศาลตัดสินให้เธอจำคุกตลอดชีวิต ซึ่งด้วยอายุของเธอคงแก่ตายในคุกแหละ(ปัจจุบันเธออายุ 80 กว่าปีแล้ว ยังไม่มีทีท่าจะตาย อึดจริงๆ แม่คุณ)
รายละเอียด http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=205702&chapter=85
อันดับ 8 คาร์ล่า โฮมอลก้า (Karla Homomlka) 1970-??
จำนวนเหยื่อ 3(มีเชื่อว่าน่าจะ 5 ราย)
ฆาตกรต่อเนื่องชาวแคนาดาร่วมมือกับสามีของเธอพอล เบอร์นาร์(Paul Bernardo)ข่มขืนและฆ่าเด็กสาวรวมไปถึงน้องสาวของตัวเองอีกด้วย นอกจากนั้นเธอยังถ่ายวีดีโอเทปอัดเก็บฉากสามีกระทำทารุณต่อเหยื่ออย่างโหดร้ายไว้อีกด้วย ( มีทั้งตอนขับถ่าย ข่มขืน ทรมาน และเซ็กต์วิตถาร(เช่นใช้ขวดไวท์ทิ่มทวารหนัก,ฉี่รดตัวเหยื่อ)ก่อนที่จะฆ่ารัดคอตายและเอาศพไปทิ้งอย่างโหดร้าย วีดีโอเหล่านั้นถูกห้ามให้เผยแพร่ออกภายนอก แต่กระนั้นยังถูกรั่วไหลไปทางอินเตอร์เน็ตทำให้รัฐบาลแคนาดาต้องสั่งทำลายวีดีโอเหล่านี้ทิ้ง สุดท้ายคาร์ล่า โฮมอลก้าถูกจำคุกเธอถูกปล่อยจากคุกในปี 2005 หลังจากจำคุกเพียง 12 ปี และเธอเป็นคนรวย เธอมีชีวิตสุขสบายในสวรรค์บนดินในอินเดียตะวันตก โดยไม่ต้องกลัวความยุติธรรมเรียกหา
คลิป http://www.youtube.com/watch?v=Ebf7r_lnGmI
รายละเอียด http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=205702&chapter=244
อันดับ 7 อิลีน่า เชาเชสคู(Elena Ceasusescu) 1916-1989
จำนวนเหยื่อ ไม่สามารถระบุได้
ภรรยาของนิไคโล เชาเชสคู(Nicolae Ceasusescu) จอมเผล็ดการของโรมาเนีย และเธอก็ควบตำแหน่งรองรัฐมนตรีคนแรกของโรมาเนีย เธอมีส่วนรับผิดชอบที่ทำให้เศรษฐ์กิจโรมาเนียตกต่ำถึงขีดสุดระหว่าง 1970 – 1980 เธอรับผิดชอบการทำลายโบสถ์ ผู้คนได้รับส่วนแบ่งปันอาหารจำนวนน้อยจนหิวโหยอดอยากและตายไป หญิงถูกบังคับให้มีลูกมากสุดท้ายเด็กที่เกิดมากำพร้าและถูกทอดทิ้ง(เพราะครอบครัวไม่มีอาหารเลี้ยงดู) การจัดตั้งหน่วยรักษาความมั่งคงของประเทศ(ตำรวจลับที่น่ากลัวที่สุดของโลก โดยตรวจตราการเคลื่อนไหวของประชาชนทุกฝีเก้า) และเธอมีส่วนฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรมาเนียอีกหลายราย สุดท้ายเธอถูกต้องข้อหาเป็นอาชญากรและเธอถูกตัดสินประหารโดยการยิงเป้า ก่อนตายเธอได้กริ๊ดร้องดังมากจนคนได้ยินแทบจะคิดว่าเป็นเสียงร้องของนรก จนรู้สึกประหลาดใจว่าเธอจะไปกริ๊ดเสียงที่ว่านั้นถึงที่นั้น หลังเธอตายหรือเปล่า
คลิป http://www.youtube.com/watch?v=GU53qv5aA1M
อันดับ 6 สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 1(Elizabeth I England)1533-1603
จำนวนเหยื่อ ไม่สามารถระบุได้
ทรงเป็นราชินีแห่งประเทศอังกฤษตั้งแต่ปี ค.ศ.1558-ค.ศ.1603 ตลอดรัชสมัยอันยาวนานและมั่นคงถึง 45 ปี และหลายๆ คนยกย่องอยากหาจะหาใครเปรียบ แต่ท่ามกลางความมั่งคงเหล่านี้ก็มีฉากหลังที่น่าสะพรึงเหมือนกัน เนื่องจากตลอดรัชสมัยของสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 1 พระองค์ได้เพิ่มพันธมิตรและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่นิกายโปรแตสแตนท์มากขึ้น และในขณะเดียวกันก็แบ่งแยกศัตรูฝ่ายคาทอลิกรุนแรงมากขึ้นด้วย พระองค์ทรงกำจัดศัตรูเหล่านี้อย่างโหดร้าย ทรงสนับสนุนสก็อตแลนด์ ก่อนที่จะทรยศในเวลาต่อมา และเธอสนับสนุนโจรสลัดเพื่อปล้นสเปน(อังกฤษสนับสนุนฝ่ายกบฏชาวฮอลันดาที่ต่อต้านสเปน มีการ “แต่งตั้งโจรสลัด” อย่างเป็นงานเป็นการ ดังเช่นจอห์น ฮอว์ลีน และ ฟรานซิส เดรกเพื่อคอยดักปล้นทรัพย์สินของพวกสเปนในโลกใหม่) และมีการอนุญาตค้าขายทาสเพื่อความเจริญ
อันดับ 5 แมรีเบท ทินนิ่ง(Marybeth Tinning) 1942-??
ระหว่างปี 1972-1985 แมรีเบทหญิงในเมืองดวนสเบิร์ก รัฐนิวยอร์ค ถูกตั้งข้อสงสัยว่าเป็นผู้ลงมือฆาตกรรมลูกของเธอเองทั้งหมด 8 คน(หนึ่งในนั้นเป็นบุตรบุญธรรม) โดยเธอสารภาพว่าเธอทำให้เด็กไม่หายใจโดยการอุดจมูก และเธอมักอุ้มเด็กเหล่านั้นไปโรงพยาบาล(ทั้งๆ ที่เด็กตายแล้ว) และสวมบทเป็นแม่เจ้าน้ำตาร้องไห้เหมือนขาดใจตายไปให้ได้ จนเธอสามารถตบตาแพทย์ชันสูตรได้ แต่เธอดันมาพลาดรายที่ 8 เพราะแพทย์สงสัยว่าลูกของเธอตายถี่เกินไป หลังจากแมรี เบท ถูกจับกุม กองทัพสื่อมวลชนสนใจทำข่าวอย่างต่อเนื่อง การตายของเด็กกลายเป็นเรื่องที่ประเทศอเมริกาให้ความสนใจ เรื่องราวอันยาวเยียด การตายของเด็กอย่างต่อเนื่อง 14 ปี ถูกยัดลงในข่าวหนังสือพิมพ์ระดับชาติ และเผยแพร่ในรายการโทรทัศน์ชื่อดังซิกตี้มินิต(60 Minutes)ปัจจุบัน แมรีเบท ทินนิ่งถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำเบดฟอร์ดฮิลส์ ผ่านมา 19 ปี เข้าไปแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ตามเธอมีสิทธิขอทัณฑ์บนเพื่อไปชีวิตข้างนอก ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2007 ถ้าเธอชนะ เธอสามารถออกไปข้างนอกได้ทันที(คงไม่ได้แหละ)
คลิป http://www.youtube.com/watch?v=Zzc6sDsca9M
รายละเอียด http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=205702&chapter=130
อันดับ 4 นางโรสแมรี เวสต์ (Rosemary West)1953-??
จำนวนเหยื่อ 12+
นางโรสแมรี เวสต์ (Rosemary West) ที่ร่วมมือกับสามี นายเฟร็ด เวสต์ (Frederick Walter Stephen West )คดีลักพาตัว, ข่มขืน และฆ่าสตรีและเด็กสาวมากกว่า 10 ในบ้านเช่าของพวกเขาสมัยวิกตอเรียที่แทรกตัวอยู่ในอาคารที่ปลูกเรียงเป็นแถวในเมืองกลูเซสเตอร์อันเงียบสงบทางภาคตะวันตกของอังกฤษ จากนั้นก็ทรมาน ข่มขืนและฆ่าเหยื่อเหล่านี้ ที่น่าตกใจคือเหยื่อ 1 ในนั้นถึงกับเป็น ฮีทเธอร์ (Heather) ลูกสาวคนโตวัย 16 ของทั้งคู่ ศพเหยื่อจะถูกแยกชิ้นส่วนถูกซ่อนในห้องเก็บของใต้ดิน ใต้ห้องน้ำอยู่ในสภาพเน่าเปื่อย(สำหรับกรณีของฮีทเธอร์ ถูกฝังอยู่ใต้ลานในสวนหลังบ้าน) จนคดีฆาตกรรมต่อเนื่องคดีนี้ถูกเปิดโปงช่วงต้นปี 1994 เมื่อตำรวจได้เบาะแสใหม่เกี่ยวกับการหายตัวไปของฮีทเธอร์ ลูกสาวคนโตในตระกูลเวสต์ ที่สาบสูญไปเมื่อ 7 ปีก่อน เพราะสะดุดใจคำบอกเล่าของพวกญาติพี่น้องบางคนที่เข้ารับการดูแลชั่วคราวจากรัฐ จึงเริ่มการค้นหาอีกครั้ง ทำให้เฟร็ดจนมุมจนต้องมายอมรับโดยดุษณีว่าเป็นคนฆ่าลูกสาวตัวเองกับมือ เฟร็ด ผู้สามี ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมรวม 12 เขาชิงผูกคอตายในห้องขังในวันปีใหม่ก่อนจะถูกนำตัวขึ้นศาล ส่วนโรสซึ่งไม่ยอมรับสารภาพ เจอข้อหาฆาตกรรม 10 กระทงรวมทั้งคดีฆ่าลูกสาว ถูกศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิตทั้ง 10 กระทง ทุกวันนี้โรสยังชดใช้ความผิดอยู่ในเรือนจำบรอนซ์ฟิลด์ เขตแอชฟอร์ด เมืองมิดเดิลเส็กซ์
คลิป http://www.youtube.com/watch?v=R54pa_pSu5s&feature=fvsr
อันดับ 3 พูลัน เทวี(PhoolanDevi) 1963-2001
จำนวนเหยื่อ 22+
บุหลันเทวี เป็นสตรีชาวอินเดียที่สื่อมวลชนอินเดียเรียกเธอว่า “ราชินีโจร” Bandit Queen ชีวิตเธอได้รับแต่ความโหดร้ายตั้งแต่เกิด เช่น พ่อเกลียด ยากจน โดนปล้น โดนข่มขืน ตกเป็นภรรยาของโจร เธอล้างแค้นโดยการตั้งแก๊งปล้นคนรวยมาช่วยคนจน และเธอก็ฆ่าหมู่ผู้ชายในหมู่บ้าน Behmai ที่เคยข่มขื่นเธอมาก่อนเป็นการแก้แค้น เธอถูกจับ ติดคุก 11 ปี เมื่อพ้นโทษชาวบ้านเลือกเธอเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสุดท้ายโดนฆ่าตายในปี 2001 โดยผู้ชายที่บอกว่านี้เป็นการแก้แค้นในเหตุการณ์หมู่บ้าน Behmai
อันดับ 2 Delphine Lalaurie 1775-1842(?)
จำนวนเหยื่อ 10+
เป็นคุณนาย The LaLaurie House (The Haunted House) ฉากหน้าเป็นไฮโซของสังคมอเมริกา ที่ใครๆ ต่างนับถือ แต่ฉากหลังผู้ต้องหาฆาตกรรมต่อเนื่องพวกทาสผิวสีมากกว่า 10 ชีวิตที่เพื่อนบ้านหลายคนได้ยินเสียงกรีดร้องและเสียงโหยหวนจากบ้านหลังนี้บ้าน 10 เมษายน ปี 1833 เพื่อนบ้านแจ้งตำรวจว่าเธอเฆี่ยนตีเด็กหญิงผิวสีที่เป็นทาสอย่างทารุณ ซึ่งต่อมาเด็กหญิงก็ตกจากดาดฟ้า
จนกระทั้ง ในปี 1834 เกิดเหตุไฟไหม้ เมื่อนักผจญเพลิงพังประตูเข้าไปก็พบทาสทั้งชายและหญิง ถูกล่ามบ้าง ถูกขังในกรงสุนัขบ้าง และพบชิ้นส่วนอีกจำนวนมาก บางคนถูกทำให้เสียโฉม บางคนถูกตัดทั้งแขนและขาทำให้เคลื่อนไหวเหมือนหนอนผีเสืออย่างน่าสมเพส อีกจำนวนหนึ่งถูกเย็บปากติดเพื่อให้อดอาหารจนตาย สุดท้ายคุณคิดว่าคุณนายคนนั้นจะไม่รอดข้อหาฆาตกรรมต่อเนื่องใช่เปล่า ผิดเลย เพราะเธอมีญาติเป็นถึงผู้ว่า อีกทั้งร่ำรวย เธอใช้เงินซื้อความยุติธรรมมาได้ และเธอไม่ถูกจับ และตอนท้ายเราก็ไม่ทราบข่าวจากเธอแล้ว ที่แน่ๆ บ้านหลังที่ว่ากลายเป็นบ้านผีสิงที่มีหลายคนพบเห็นวิญญาณหลอนหลายตัวในบ้าน The Haunted House ที่ นิวออร์ลีนส์
คลิปผี http://www.youtube.com/watch?v=JtIrKYGh26A
อันดับ 1 เจียงซิง (Jiang Qing) 1914-1991
มีจำนวนเหยื่อ 500,000+
หากกล่าวถึงเหตุการณ์การปฏิวัติวัฒนธรรม (Cultural Revolution) บนแผ่นดินใหญ่ตลอด 10 ปี คือ ในช่วง คศ.1966-1976 แล้ว คงไม่มีใครไม่รู้จักการรวมตัวของกลุ่มบุคคลที่ใช้ชื่อว่า แก๊ง 4 คน อันประกอบด้วย เจียงซิง เหยาเหวินหยวน จางชุนเฉียว และหวังหงเหวิน ที่เข้ามารวมตัวกันโดยมีวัตถุประสงค์เดียวกันคือเพื่อความทะเยอทะยานและอำนาจ โดยเฉพาะตัวการใหญ่ที่เป็นหญิงตัวเล็กๆ นามเจียงซิงที่เธอได้สร้างความทุกข์ลำเค็ญไปทั่วทุกหย่อมหญ้าบนแผ่นดินจีน ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมืองและวัฒนธรรม และประชาชนอย่างใหญ่หลวง ส่งผลให้มีคนตายเพราะนโยบายของเธอหลายพันคน วัฒนธรรมของจีนต้องถูกทำลาย เช่น หนังสือ วัดวาอาราม รูปปั้น งานศิลปะต่าง ๆ
เจียงซิงเป็นภรยาคนที่ 3 ของประธานเหมาและเป็นคนสุดท้าย โดยใช้ชีวิตคู่ร่วมกับประธานเหมานานถึง 37 ปี เจียงซิงเริ่มก้าวขึ้นมามีบทบาทระดับนำในพรรคช่วงบั้นปลายชีวิตของประธานเหมา เจียงซิงเป็นหัวหน้าแก๊ง 4 คน กำจัดผู้ที่คิดต่างทางการเมือง และปลุกระดมให้เกิดการกวาดล้างผู้ไม่ซื่อตรงต่อพรรค และพวกลัทธิแก้และนายทุน ครั้งมโหฬาร ในระหว่างปี 1966 -1976 ผู้ที่ถูกจับรวมทั้งครอบครัว คนใกล้ชิด และเพื่อนร่วมงานจะถูกสอบสวน ตั้งข้อหา ทำทารุณกรรม และถูกลงโทษโดยไม่ใช้กระบวนการทางศาล เริ่มจากที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งเป็นอันดับแรก อาจารย์อาวุโสถูกนักศึกษาจับกุม สอบสวน เป้าหมายลำดับต่อไปก็คือผู้มีอำนาจในพรรคที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางปฏิวัติวัฒนธรรม และรวมไปถึงสมาชิกคณะรัฐบาล ผู้ทรงคุณวุฒิในสถาบันและองค์กรต่าง ๆ โดยเจียงชิงและผู้ใกล้ชิดจะเป็นผู้กำหนดชื่อเป้าหมายและป้อนข้อมูลให้กับเรดการ์ด
ในปี 1976 เมื่อสิ้นประธานเหมา คนคอยคุ้มครองฝ่ายเจียงชิงก็หมดไป แก๊งสี่คนมีแผนช่วงชิงอำนาจสูงสุดของทั้งจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนและรัฐบาล แต่น่าเสียดายที่ไม่สำเร็จ กลับกลายเป็นว่าทั้งสี่ต้องถูกจับกุมและสูญสิ้นอำนาจไปในเดือนตุลาคมปีเดียวกันนั้นเอง เจียงซิงถูกพิพากษาโทษประหารชีวิตในปี 1981 แต่ได้รับการลดโทษเหลือเพียงจำคุกตลอดชีวิตในปี 1983 และไม่มีสิทธิทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้นตลอดชีวิตอย่างไรก็ตาม เธอได้รับการปล่อยตัวเพื่อเข้ารับการรักษามะเร็งที่ลำคอ และวันที่ 14 พฤษภาคม ปี 1991 เจียงซิงก็ได้จบชีวิตตัวเองด้วยน้ำมือตัวเองเมื่อ เธอแขวนคอตายในห้องน้ำของโรงพยาบาล