ว่ากันว่าความรักคือพลังที่หมุนโลกและเคลื่อนชีวิตให้ดำเนินไปข้างหน้า
อย่างมีความหวัง แม้ว่าบางครั้ง ความหวังเหล่านั้นอาจจะเป็นเรื่องที่ไกล
และยอกอกกลับมาทำเศร้าเพราะตรงข้ามกับความเป็นจริง แต่เมื่อมองภาพรวม
ของชีวิตทั้งหมดที่ได้จากความรัก คนที่ผ่านประสบการณ์ จนพ้นวัยลุ่มหลงแล้ว
ต่างก็ยังคงยืนยันว่า ความรักทำให้มนุษย์อยากทำอะไรที่ดีงามเสมอ
เป็นโอกาสที่คนได้พิสูจน์จิตวิญญาณของตนเอง และไม่มีคำว่า สายเกินไป
สำหรับการจะรักใครสักคน
1. Autumn's Tale (ดอกไม้กับนายกระจอก ; มาเบล จาง กำกับฯ - 1987)
ภาพยนตร์รักโรแมนติกอันโด่งดัง ที่ยังคงเป็นความประทับใจของแฟนหนังชาวไทยมาจนถึงวันนี้ โดยเฉพาะแฟนหนังที่ชื่นชอบผลงานของ โจวเหวินฟะ และ ดาราสาวยอดนิยม จงฉู่หง "ดอกไม้กับนายกระจอก"งานของผู้กำกับหญิงชื่อ มาเบล จาง เล่าเรื่องของ เจนนิเฟอร์ (จงฉู่หง) สาวทันสมัยแต่ขี้อายที่เดินทางจากฮ่องกงมายังนิวยอร์กเพื่อศึกษาต่อด้านการแสดง เธอมาพักอาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนต์เดียวกับ แซมมวล (โจวเหวินฟะ) ลูกพี่ลูกน้องซึ่งเป็นบ๋อยในร้านอาหาร และใช้ชีวิตอย่างไม่เห็นอนาคตเป็นชิ้นเป็นอันอะไร จากนั้นเรื่องราวความรักยามฤดูใบไม้ร่วงก็เริ่มขึ้นอย่างเงียบๆ และเปลี่ยนแปลงเขา
ฉากวิ่งไล่ตามรถเจนนิเฟอร์ ที่แล่นจากไปของแซมมวล เหมือนคนที่พยายามไล่ไขว่คว้ารักที่หลุดลอยไปนั้น หลายคนยอมรับว่า เป็นฉากที่ให้ความรู้สึกแรงเหลือจะประมาณ...
Autumn's Tale (ดอกไม้กับนายกระจอก ; มาเบล จาง กำกับฯ - 1987)
2. A Moment Of Romance
(ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ ; เบนนี่ ชาน กำกับฯ - 1990)
อาหัว (หลิวเต๋อหัว) เป็นเด็กเสเพลที่เติบโตมาจากข้างถนน เลี้ยงชีวิตด้วยการแข่งรถ และพัวพันในโลกอาชญากรรม ซึ่งนำพาเขาได้พบกับหญิงสาวชื่อ โจโจ้ (อู่เชี่ยนเหลียน) ซึ่งถูกเขาจับเป็นตัวประกันหลังหลบหนีการไล่ล่าของตำรวจ โจโจ้ อายุ 18 ปี เป็นลูกสาวคนเดียวของคนมีฐานะ ต่างกับอาหัวราวฟ้ากับดิน ความผูกพันของทั้งคู่ จึงเริ่มขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ที่เลวร้ายและนำไปสู่ความรักประทับใจ
3. Days of Being Wild
(วันที่หัวใจรักกล้าตัดขอบฟ้า - หว่อง กาไว กำกับฯ, 1990)
หนังเรื่องที่สองของหว่องกาไว เป็นเรื่องราวของหนุ่มสาวฮ่องกงในปี 1960 ศูนย์กลางหนังเรื่องนี้คือ ยกไจ๋ ตัวละครเพลย์บอยที่แสดงโดย เลสลี่ จาง นับเป็นตัวละครแบบที่ชวนหลงใหล เป็นคนมีเสน่ห์แต่ก็มีความโหดร้ายกับคนอื่น ซึ่งสืบค้นไปลึกๆ แล้วก็จะพบว่า เพราะเขาเคยถูกความรักทxรgายาหสา จmถ;งกӱบเปรียบตัวเองเป็นนกไร้ขY ทw่หวใเียmร้|งห้ “บิน” ไปตลอดชีวิต หรอฅาง༗ีอจะตвยไแs้ว โดยไม่เคยบินไปไหน
&bsp;