เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ข่าวหลายสำนักรายงานถึงพฤติกรรมประหลาดของสาวไฮโซ ฐานะร่ำรวยแต่กลับเข้าไปขโมยของในห้างสรรพสินค้า รวมมูลค่าหลักแสน ทั้งๆ ที่มีกำลังทรัพย์เหลือเฟือพอที่จะซื้อของเหล่านั้นได้ แต่ทำไมต้องขโมย?...และแล้วแฟนหนุ่มของเธอก็ออกมาระบุถึงพฤติกรรมแปลกนั้นว่า แฟนสาวของเขาป่วยเป็น ‘โรคคลีพโตมาเนีย’
ทางการแพทย์เรียก คลีพโตมาเนีย แต่เมื่อต้องการพูดให้เข้าใจง่ายๆ โรคนี้ก็คือ ‘โรคขี้ขโมย’ จัดเป็นความผิดปกติทางจิตชนิดหนึ่ง ซึ่ง ‘มุมสุขภาพ’ พบเรื่องราวที่น่ารู้ว่า โรคนี้ถูกกล่าวถึงในครั้งแรกที่แคลิฟอร์เนีย แดนมะกัน ช่วงปี ค.ศ.1960
คนป่วยโรคขี้ขโมยแตกต่างจากโจรที่มีพฤติกรรมลักทรัพย์ คือ คนเป็นโรคจะขโมยโดยไม่เจตนา ไม่มีการวางแผนไว้ล่วงหน้า หรือตั้งเป้าไว้ว่าจะขโมยสิ่งใด ส่วนคนที่เป็นโจรนั้นจะมีการวางแผน ลงมือด้วยเจตนา ไต่ตรองไว้ก่อน
นอกจากนี้ยังมีความแตกต่างที่เด่นชัดยิ่งกว่า คือ จุดประสงค์ โดยพวกโจรผู้ร้ายมุ่งขโมยเพราะหวังผลประโยชน์ เช่น ด้านมูลค่า นำไปขายเพื่อเปลี่ยนเป็นเงินมาใช้ ขณะที่ผู้ป่วยคลีพโตมาเนีย ลักของเพราะรักการกระทำดังกล่าว บางครั้งสิ่งของที่ขโมยก็ไม่ได้มีมูลค่าสูง หรือในความเป็นจริงเขาเองก็สามารถจ่ายเงินซื้อได้ แต่ไม่ทำ!
ผู้ที่เป็นโรคขี้ขโมยจะลงมือบ่อยครั้งเมื่อเข้าสู่วัยหนุ่ม-สาว ถึงขั้นเสพติดการขโมย แต่บางรายอาการป่วยก็จะแสดงออกมาตลอดช่วงชีวิต และไม่สามารถควบคุมความต้องการที่ผิดๆ เหล่านั้นได้ คนเป็นโรคนี้ยังป่วยด้วยอาการทางจิตอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น โรคจิตหวาดระแวง โรคซึมเศร้า อารมณ์แปรปรวน พฤติกรรมแยกตัวจากสังคม
แม้สาเหตุของโรคอาจยังสามารถระบุได้ชัดเจน แต่ก็มีรายงานว่า อุบัติเหตุที่ทำให้สมองได้รับความกระทบกระเทือน และการได้รับสารพิษคาร์บอนมอนออกไซด์ เป็นปัจจัยหนึ่งที่สามารถทำให้ป่วยเป็นโรคจิตขี้ขโมยได้
หากพบคนใกล้ตัวป่วยด้วยโรคขี้ขโมย ควรหาโอกาสให้เขาได้รับการรักษาโดยจิตแพทย์ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน คนรอบข้างต้องร่วมกันใส่ใจป้องกันพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ด้วย.