5 นิ้วปัจจัยในวงกลมร้ก คัมภีร์คุ้มใจเพื่อวัยว้าวุ่น!!!

5 นิ้วปัจจัยในวงกลมรัก คัมภีร์คุ้มใจเพื่อวัยว้าวุ่น!

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 กุมภาพันธ์ 2554 10:24 น.  
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น นพ.สุริยเดว ทรีปาตรี




กลิ่นหอมกรุ่นจากดอกไม้และ ช็อกโกแลตวาเลนไทน์ยังคงอบอวลอยู่ในใจของบรรดาวัยรุ่นทั้งหลาย โดยช่วงสัปดาห์แห่งความรักแบบนี้หลายคนคงจะรู้สึกสดใสซาบซ่า แต่ในมุมของพ่อแม่ผู้ปกครองแล้ว ระยะนี้ถือว่าเป็นห้วงเวลาแห่งการ "ก่ายหน้าผาก" หนักอกหนักใจกันไม่น้อยเลยทีเดียว
       
       โดยเฉพาะที่มีลูกซึ่งกำลังอยู่ในวัยเรียน เพราะวันแห่งความรักในยุคนี้ ถูกกระแสความเสื่อมผลักดันให้กลับกลายเป็น “วันเสียตัวแห่งชาติ” ของ วัยรุ่นวัยกระเตาะอีกไม่น้อย ซึ่งนอกจากจะไม่รักนวลสงวนเนื้อตัวที่พ่อแม่ให้มาแล้ว เด็กกลุ่มนี้ยังต้องเผชิญปัญหาตั้งครรภ์พร้อม ปัญหาทำแท้ง จึงเป็นโจทย์หนึ่งที่บรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองพยายามหาทางป้องกันและทำความเข้า ใจอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด เพื่อลูกที่ยังไม่อาจรู้เท่าทันความรักปลอม ๆครั้งนี้
       
       นพ.สุริยเดว ทรีปาตรี จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญปัญหาวัยรุ่น แนะถึงธรรมชาติของวัยรุ่นว่า พูดถึงความรักแล้ว ต้องพูดถึงสมอง เปรียบสมองดั่งมือและนิ้วทั้งห้า นิ้วโป้งหมายถึง “ส่วนอยาก” หรือส่วนของอารมณ์ อีกสี่นิ้วคือสมองส่วนคิด ทั้งสี่นิ้วก็คือสี่องค์ประกอบ ที่จะคอยกดนิ้วโป้งหรือ “ส่วนอยาก” เอาไว้ เพราะหากว่าทั้งสี่นิ้วกดไม่ดี นิ้วโป้งก็พร้อมที่จะเด้งขึ้นมาเสมอ
       
       จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญปัญหาวัยรุ่นรายนี้ เปรียบ “นิ้วชี้” ว่า เป็นเสมือนค่านิยมและจิตใต้สำนึก คือค่านิยมและจิตใต้สำนึกจะเกิดจากสภาพแวดล้อมที่เด็กอยู่ หรือสิ่งที่เด็กได้เสพอยู่อย่างซ้ำ ๆ อันจะส่งผลถึงทัศนคติของเด็ก ซึ่งพ่อแม่มีส่วนช่วยชี้นำให้เด็กอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีได้ เพื่อให้เด็กมีทัศนคติที่ห่างไกลจาก “ส่วนอยาก” จนไม่อาจควบคุมได้ด้วยเหตุผล
       
       “ส่วนนิ้วกลางคื อพ่อและแม่ พ่อและแม่เป็นอีกหนึ่งทางที่มีส่วนสำคัญในการช่วยชี้ให้ลูกเข้าใจถึงการ เรียงลำดับความสำคัญของชีวิต ว่า สิ่งใดควรมาก่อนมาหลังในขณะที่กำลังเรียนอยู่ ทั้งนี้พ่อและแม่ต้องเปิดโอกาสให้ลูกปรึกษาได้ทุกเรื่องโดยเฉพาะ เรื่องความรักและเรื่องเซ็กส์ ให้ลูกรู้ว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ต้องดูแลให้อยู่ในวัยอันควร เช่น หากลูกมีแฟนลูกก็จะพามาให้พ่อแม่รู้จัก ความรักของลูกก็จะอยู่ในสายตาพ่อแม่มากขึ้น”
       
       สำหรับนิ้วนางนั้น นพ.สุริยเดว อธิบายว่า คือ การศึกษา ที่จะเป็นกรอบสำคัญที่จะทำให้เด็กรู้ความสำคัญของชีวิตว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในขณะนี้คืออะไร และเป็นไปเพื่ออะไร ทั้งนี้ผู้ปกครองต้องพูดคุยกับลูกอย่าง “ถอดเปลือก” เพื่อให้ลูกมองเห็นความสำคัญของการศึกษาว่าสิ่งนี้จะเป็นตัวกำหนดทิศทาง ของอนาคตและความรักได้ และการศึกษาก็จะหล่อหลอมตัวเด็กเองด้วยในตัว
       
       “ในขณะที่นิ้วก้อยคือเพื่อนหรือสื่อ เพราะวัยรุ่นมักจะมีพฤติกรรมเลียนแบบกันภายในกลุ่มเพื่อนหรือกลุ่มที่ชอบใน สิ่งเดียวกันเช่น ชอบดูละครหรือภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน ก็มักจะเกิดพฤติกรรมไปในทำนองเดียวกัน เกิดการจดจำในจิตใต้สำนึกอันจะส่งแรงขับดันกระตุ้นให้เกิดความอยากในรูปแบบ ต่าง ๆตัวอย่างเช่น เห็นเพื่อนมีแฟนแล้วรู้สึกอยากมีบ้าง เพราะเห็นเพื่อนมีความสุข ทั้งที่จริงตนเองไม่คิดอยากมีแฟนจริง ๆด้วยซ้ำ แต่จิตใต้สำนึกแห่งค่านิยมจากสื่อและเพื่อนเป็นตัวผลักดันให้เกิดความอยาก เท่านั้น”
       
       นอกจากนี้ จิตแพทย์รายนี้ ยังอธิบายถึงความรัก 3 รูปแบบ หรือทฎษฎี 3 วง ว่าความรักคือการให้ อยู่ที่ว่าจะให้ในรูปแบบไหน อย่างไร จึงทำให้มีทฤษฎี 3 วง ทำให้เกิดนิยามใหม่ของคำว่ารักขึ้นมาหลากหลายรูปแบบ โดยความรักวงที่ 1 เกิดจากความเมตตา ผูกพัน ไว้วางใจ ห่วงใยเอื้ออาทร ได้แก่ ความรักระหว่างพ่อแม่ที่มีต่อลูก หรือ อาจารย์กับศิษย์
       
       “ส่วนความรักวงที่ 2 เกิดจากความปรารถนา เช่น ปรารถนาทางกายหรือปรารถนาที่จะมีเซ็กส์เพียงอย่างเดียว และวงที่ 3 เกิดจากพันธสัญญา ข้อผูกพัน ได้แก่ รักแบบคุมถุงชน หากนำเอาความเมตตา ผูกพัน ไว้วางใจ ห่วงใยเอื้ออาทรบวกกับความปรารถนาจะกลายเป็นความรักแบบโรแมนติก เป็นความรักในแบบคู่รักที่ยังไม่ได้จดทะเบียน แต่หากนำเอาความเมตตา ผูกพัน ไว้วางใจ ห่วงใยเอื้ออาทรบวกกับพันธะสัญญาจะกลายเป็นความรักแบบผู้สูงวัย หรือวัยทองที่อยู่ด้วยกันได้โดยไม่คำนึงถึงเรื่องเซ็กซ์เป็นสำคัญ และหากนำความปรารถนาบวกกับพันธสัญญาจะกลายเป็นความรักแบบเลินเล่อ ไม่มีจุดหมาย ซึ่งการที่จะเป็นรักที่สมบูรณ์แบบได้นั้นต้องมีทั้งสามวง แต่ต้องเรียงร้อยให้ดีว่าเราอยู่ในวัยไหน แล้วอะไรควรมาก่อนมาหลัง ต้องเกิดจากความผูกพันเอื้ออาทร ห่วงใยซึ่งกันและกัน และจึงเกิดเป็นความรักที่สังคมให้การยอมรับ”
       
       นพ.สุรยเดว กล่าวทิ้งท้ายถึงพ่อแม่ที่มีลูกวัยรุ่นว่า พ่อแม่ต้องรู้จักคุยกับลูกในลักษณะเข้าใจ และเปิดโอกาสให้ลูกปรึกษาเรื่องเซ็กส์ มองความรักให้มีลักษณะเป็นธรรมชาติ เช่น คุยเรื่องเซ็กส์ให้เหมือนคุยเรื่องบนโต๊ะอาหาร ลูกจะกล้าปรึกษามากขึ้น
       
       “ที่สำคัญคือ คุณพ่อคุณแม่จงทำให้ลูกมองเห็นความรักภายในบ้านให้เจอ เขาจะได้ไม่ออกไปหาข้างนอก” จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสรุป
Credit: ผุ้จัดการออนไลน์
#วัยรุ่น
THEPOco
ผู้กำกับภาพ
สมาชิก VIP
17 ก.พ. 54 เวลา 06:09 1,456 10
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...