โหรผู้ยิ่งใหญ่ "นอสตราดามุส"



ชีวะประวัติ นอสตราดามุส ( Nostradamus)

ชาติกำเนิด  
          นอสตราดามุส มีชื่อเต็มๆว่า มิเชล เดอ นอสเตรอดัม ( Michelde Nostredame )  เป็นผู้ได้รับ การยกย่องจากชาวโลกว่าเป็น ” ราชาโหรโลก ”  คนทั่วโลกส่วนมากรู้จักเขาในนาม  “นอสตราดา มุส” ( Nostradamus ) ซึ่งเป็นชื่อที่เป็นภาษาลาติน นอสตราดามุส เกิดเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ค.ศ. 1503 (พ.ศ. 2046) ตามปฎิทินจูเลียนโบราณ ซึ่งตรงกับวันที่ 23 ธันวาคม ค.ศ. 1503   (พ.ศ. 2046) ตามปฎิทินแบบเกรกอเรียน ซึ่งตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระรามาธิปดีที่ 2 แห่งกรุงศรีอยุธยา
          บ้านเกิดเมืองนอนอยู่ที่ แซงต์ เรมี เดอ โปรวองซ์ ประเทศฝรั่งเศษ บิดาของท่านชื่อ จูมหรือจ๊าคส์ เป็นชาวฝรั่งเศษ เชื้อสาย ยิว ส่วนมารดาชื่อ เรนีร์ เดอ แซงต์ เรมี หลานสาวของนายแพทย์ผู้หนึ่ง ปกติชาวยิวเป็นคนขยัน มีความอดทน อยู่ที่ ไหนที่นั้นต้องเจริญ นอสตาดามุสก็เช่นกัน เป็นชาวยิวที่ขยันพ่อแม่ถ่ายทอดความรู้ต่างๆ
ที่ชาวยิวสมัยนั้นสนใจให้ เช่น ภาษาศาสตร์ ศิลปศาสตร์,ไสยศาสตร์,โดนเฉพาะไสยศาสตร์

ท่านจะมี ความสามารถเป็นพิเศษ ณ.เวลานั้นวิชาโหรศาสตร์ ก็ถูกจัดเป็นแนวหนึ่งของ ไสยศาสตร์ด้วย

คนที่ศึกษาหรือถอดข้อ ความใน “ คำพยากรณ์ “ ของ นอสตาดามุสต้องทำความเข้าใจในข้อเท็จจริงที่ว่า นอสตาดามุสมีภูมิหลังสืบเชื้อสายมาจากยิว ดัง นั้นจึงต้องได้รับอิทธิพล จาก การอ่านตำราไสยศาสตร์ของพวกยิว ยิ่งกว่านั้น ตระกูลนอสตาดามุสสืบเชื้อสายมาจาก ยิว โบราณ อิสซาการ์ ซึ่งมีความแม่นยำทางด้าน ดาราศาสตร์ ( Astronomy )มาก สามารถอ่านปรากฎการณ์ ธรรมชาติต่างๆ มี่บังเกิดบนท้องฟ้าได้ นักประวัติศาสตร์ชาวยิวเคยกล่าวถึงพวกชนเผ่า อิสซาการ์ว่า “เป็นพวกที่สามารถหยั่งรู้เรื่องราวในอนาคตได้”

นอ สตาดามุสเป็นลูกคนโตของครอบครัว มีน้องร่วมท้องอีก 4 คน คือ เบอร์ ทรันต์,เฮ็กโตร์ อัง ตวงและฌอง น่าเสียดายที่ไม่มีข้อมูขเกี่ยวกับพวก เขา ยกเว้น ฌอง น้องคนเล็กซึ่งเป็นนัก วิจารณ์เพลงพื้นเมืองของมณฑลโปรวองซ์

ในเวลาต่อมา ฌอง หันไปเล่นการเมือง ได้รับเลือก ตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทยราษฎรของมณฑลโปรวองซ์ นอสตาดามุสไม่ได้นับถือศาสนายิว แต่นับถือศาสนาคริสนิกาย โรมันคาทอลิก

เนื่อง จากก่อนหน้าที่นอสตาดามุสจะกำเนิดเพียง 2 ปี คือวันที่ 26 กันยายน ค.ศ. 1501 พระเจ้าหลุยส์ที่12 แห่งฝรั่งเศษทรงมีพระบรมราชองค์การป่าวประกาศ บังคับชาวยิวทุกคนให้เปลี่ยนศาสนาด้วย ซึ่งมีหลักฐานปรากฎอย่างชัดเจนว่า เมื่อปี ค.ศ. 1502 เวลานั้นนอสตาดามุสมีอายุ 9 ขวบ

พ่อแม่ของท่าน เปลี่ยนศาสนา  มานับถือศาสนสคริสนิกายโรมันคา ทอลิก อย่างไรก็ตามครอบครัวของนอสตาดามุสก็ยังคงปฎิบัติศาสนกิจแบบยิวอยู่ โดยกระทำ อย่างมิดชิดเพื่อไม่ไห้ทางการฝรั่งเศษจับได้



         ในวัยเด็ก นอสตราดามุส จะสนิทสนมกับคุณปู่และคุณตาที่เป็นถึงแพทย์หลวง ( Royal doctor )  เขาได้เรียนรูหลักวิชาและศึกศสศาสตร์แขนงต่างๆ มีความรอบรู้มากกว่าเด็กในยุคในวัยเดียวกัน รอบรู้ทั้งวรรณคดีคลาสสิค ประวัติศาสตร์ ดาราศาสตร์ แพทย์ศาสตร์ สมุนไพร และวิชาอื่นๆอีกมาก

ปัจจุบันนี้ผู้คนจะรู้จักนอสตราดามุสใน ฐานะนักพยากรณ์เอกของโลก แต่ความจริงแล้วเขาเป็นถึงแพทย์ปริญญา เภสัชกร นักสมุนไพร นักโภชนาการ นักคิดนักปฏิรูป นักดาราศาสตร์ และนักวิทยาศาสตร์ ชีวิตของเขาฝ่ามรสุมมาอย่างโชกโชน

นอสตราดามุสจบ แพทย์ มหาวิทยาลัยมองต์เปลิเยต์ ปี 1525 เขาเป็นผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับวิชาการแพทย์ที่เก่าคร่ำครึ เช่น การไม่ยอมทำความสะอาดแผลของผู้ป่วย เพราะกลัวว่าเป็นการล้างบาป ซึ่งความคิดดังกล่าวทำให้ยุโรปยุคศตวรรษที่ 16 ตกอยู่ในช่วงการระบาดของเชื้อโรคมากมาย

ในปี ค.ศ.1537 โรคระบาดแพร่ระบาดมาถึงเมืองอายีน คนตายกันเป็นเบือ และขณะที่นอสตราดามุสเดินทางไปรักษาคนป่วยอย่างเหน็ดเหนื่อย เขากลับมาบ้านและพบว่าภรรยาและลูกของเขาติดเชื้อกาฬโรคเสียแล้ว เขาพยายามทุกวิถีทางแต่ก็สายเกิน

หลังจากที่ลูกเมียตาย นอสตราดามุสก็เข้าสู่ช่วงตกต่ำที่สุด นอกจากจะเสียใจที่สูญเสียคนรักแล้ว ชาวเมืองอายีนก็หมดศรัทธา ไม่ยอมเชื่อถือในวิชาแพทย์และการรักษาของเขาอีกต่อไป และคราวนี้นอสตราดามุสก็ทำอะไรไม่ถูกใจคนไปเสียหมด โดยระหว่างที่เขาเดินผ่านไปเห็นคนงานกำลังหล่อรูปพระแม่มารีอยู่นั้น เขาก็แหย่เล่นว่า “กำลังหล่อรูปปีศาจใช่ไหม” เพียงเท่านั้นนอสตราดามุสก็ถูกตราหน้าว่าไม่เคารพพระแม่มารี ทั้งยังถูกเจ้าหน้าที่ตั้งคณะกรรมการสอบสวนด้วย

ในที่สุดนอสตราดามุ สจึงตัดสินใจหนีออกจากเมืองอายีน หลบหนีพวกกรรมการสอบสวน เร่ร่อนไปทั่วยุโรปตอนใต้และตะวันตกอยู่ 6 ปี ซึ่งในช่วงเวลานี้เขาเสาะแสวงหาสัจธรรมของชีวิต และในที่สุดเขาก็ใช้วิธีอ่านเหตุการณ์ล่วง หน้า ให้กลายเป็นมิติภาพในจิตทัศน์ของเขาได้ เขาเสียชีวิตวันที่ 1 ก.ค. 1566 ด้วยโรคเกาต์




คำพยากรณ์ของนอสตราดามุสที่ถูก ต้องและเลื่องชื่อมากคือ

 เขาเห็นบาทหลวงฟรานซิ ส ที่พบกันโดยบังเอิญ และพยากรณ์ว่าบาทหลวงผู้นี้จะเป็นองค์สันตปาปาในอนาคต ซึ่งตอนนั้นคนอื่นหัวเราะกันเอิ๊กอ๊าก เพราะบาทหลวงผู้นี้ไม่โดดเด่นเลย พื้นเพยังเป็นคนต่ำต้อยอีกด้วย

นอกจากนี้คำพยากรณ์ว่าพระเจ้าอังรี ที่ 2 จะสวรรคตด้วยการประมือกับคนหนุ่ม ก็เป็นจริง ภายหลังพระเจ้าอังรีที่ 2 ภายระหว่างการประลองยุทธ์กับนักรบหนุ่มในกองทหารสกอตรักษาพระองค์

ส่วน เหตุการณ์ยุคหลังๆที่ตรงได้แก่ การลอบสังหารประธานาธิบดีเคเนดี้ และโรเบิร์ต เคเนดี้ การระเบิดของยานอวกาศชาเลนเจอร์ สงครามอ่าวเปอร์เซีย  รวมถึง คำทำนายภัยพิบัติของโลก และวันสิ้นโลก





สมุดภาพที่ค้นพบ

        ปี ค.ศ.1994 นักเขียนชาวอิตาเลียน นามว่า เอนซา มาสซ่า (Enza Massa) ได้เข้าไปร่วมงานเทศกาลหนังสือโบราณที่จัดโดยหอสมุด แห่งชาติของอิตาลี เธอบังเอิญเจอะเจอเอกสารเก่าแก่เล่มหนึ่งซึ่งเขียนไว้ตั้งแต่ ค.ศ.1629 ในชื่อ "Nostradamus Vatinicia Code" มีนามของผู้เขียนคือ "มิเชลแห่งนอเตรอะดาม" (Michel de Notredame) ปรากฏอยู่ในเล่ม

เอกสาร นี้นอสตราดามุสไม่เคยพิมพ์เผยแพร่ ภายในเป็นภาพสีนํ้า จำนวน 80 ภาพ ซึ่งแต่ละภาพสามารถตีความออกมาได้เป็นคำทำนายถึงอนาคตของโลก ถ้าพิสูจน์ได้ว่าเป็นคำทำนายของนอสตรา-ดามุสจริง ก็นับเป็นเอกสารอันประเมินค่ามิได้


ภาพโป๊ปสังหารหมี.

ผู้คนพากันชื่น ชอบในการทำนายของเขา และได้มีการแปลเป็นภาษาต่างๆในประเทศเกือบทั่วยุโรป แม้กระทั่งกษัตริย์และราชินีก็ยังให้ความสนใจต่อคำทำนายของเขา

อย่าง ไรก็ตาม การพยากรณ์ของนอสตราดามุส บางครั้งก็กระทบกระเทือนถึงผู้นำทางศาสนา หรือองค์ สันตะปาปา โดยเฉพาะรูปภาพ 80 รูป ในสมุดสำคัญเล่มนี้ ซึ่งมีหลายภาพที่เกี่ยวโยงถึงโป๊ปในด้านที่ทำลายภาพพจน์ ดังนั้น ศาสนจักรจึงไม่พอใจ และเป็นสาเหตุให้สมุดเล่มนี้ไม่อาจตีพิมพ์ออกมาได้

หนังสือ พยากรณ์ (almanac) ประจำปีของนอสตราดามุส มีทั้งคำทำนายให้กับรัฐบาล ตลอดจนคิงและควีนแห่งฝรั่งเศส รวมทั้งโป๊ป ทั้งนี้พระราชินีแคเธอรีน เดอ เมดิชิ (Catherin de Medici) ผู้ให้ความปกป้องพิทักษ์แก่นอสตราดามุสได้ทรงอ่านคำทำนายในปีถัดไป และทรงพบว่า "ร้ายกาจเกินกว่าที่จะเอ่ยถึง" เพราะเป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับภัสดาของพระองค์ คือ กษัตริย์เฮนรี่ที่ 2


ภาพโป๊ปสตรี.

"พระ ราชาสมควรจะต้องระมัดระวังพระองค์ อันเนื่องมาจากการกระทำของบุคคลรอบข้าง ในสิ่งที่ข้าไม่อาจเขียนเป็นตัวอักษรได้ ทั้งนี้ดวงดาวบนท้องฟ้าได้บ่งบอกไว้เช่นนั้น"

พระราชินีแคเธอรีนนั้น ทรงเชื่อมั่นในคำพยากรณ์ของนอสตราดามุสอย่างยิ่ง ทรงให้เขาทำนายอนาคตของโอรสธิดา ซึ่งนอสตราดามุสได้ถวายคำพยากรณ์ว่า จะมีถึง 4 องค์ ที่จะได้เป็นกษัตริย์!?

และแล้วในปี ค.ศ.1559 ได้มีการประลองฝีมือครั้งยิ่งใหญ่เพื่อเฉลิมฉลองพิธีเสกสมรสระหว่างธิดาของ เฮนรี่ที่ 2 กับกษัตริย์ฟิลิปที่ 2 แห่งสเปน ในการนี้เฮนรี่ที่ 2 ได้ทรงเข้าร่วมในการประลองด้วย และทรงได้รับบาดเจ็บสาหัสจากคมหอกของมอนต์โกเมอรีย์ หัวหน้าองครักษ์ชาวสกอต ต่อมาอีกสิบวันก็สิ้นพระชนม์ ทำให้การพยากรณ์ของนอสตราดามุสโด่งดังไปทั่วยุโรป

นอสตราดามุสถึงแก่ กรรมลงด้วยวัย 63 ปี ใน ค.ศ.1586


นอ สตราดามุส.

นอก จากการพยากรณ์เกี่ยวกับฝรั่งเศสแล้ว นอสตราดามุสยังทำนายเหตุการณ์ครั้งสำคัญๆของโลกไว้มากมาย นับตั้งแต่มหาอัคคีภัยแห่งลอนดอนในปี 1666 การครองราชย์ของนโปเลียน  การขึ้นสู่ อำนาจของฮิตเลอร์ การเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ฯลฯ
กลับมาถึง เรื่องเอกสารหรือสมุดรูปภาพที่สูญหายไป 400 ปีกันใหม่

นอ สตราดามุสได้ เขียนคำพยากรณ์อันเป็นมรดกลับเฉพาะนี้ หลัง จากสูญเสียครอบครัวจากโรคระบาด และต่อมาเมื่อแต่งงานใหม่ เขาได้มอบคำพยากรณ์สำคัญชิ้นนี้ "Les Prophecies" แก่ เซซาร์ (Cesar) บุตรชายคนโตเมื่ออายุเพียงหนึ่งขวบ เพื่อว่า"...ในวันหนึ่งข้างหน้า เจ้าจะได้อธิบายคำพยากรณ์นี้แก่ชาวโลก..."

เมื่อเซซาร์เติบโตขึ้นก็ ได้เป็นนักเขียน และจิตรกรฝีมือดี ซึ่งเชื่อกันว่ารูปภาพในสมุดพยากรณ์ดังกล่าวเป็นฝีมือการเขียนของเขาในสมัย เด็ก เนื่องจากทุกรูปเขียนขึ้นง่ายๆ มองดูปราดเดียวก็รู้ว่ามิใช่ฝีมือระดับจิตรกรมืออาชีพ




พระราชินีแคเธอรีน เดอ เมดิชิ.

ปี 1629 เซซาร์ได้มอบสมุดพยากรณ์นี้แก่พระคาร์ดินัล บาร์เบอรินี (Barberini) ซึ่งต่อมาได้เป็นสันตะปาปาเออร์บานที่ 8 (Pope Urban VIII) โดยคาร์ดินัลเป็นผู้ขอสมุดนี้ เนื่องจากทำนายเกี่ยวพันกับโป๊ป และนำมาเก็บไว้ในห้องสมุดวาติกันโดยไม่มีใครได้เห็นอีกเลย

ปี ค.ศ.1888 มีชายผู้หนึ่งนามว่า ปิโวลิ (Pivoli) นำสมุดนี้มาขายให้กับหอสมุดแห่งชาติที่กรุงโรม เขาเป็นใคร มาจากไหน ไม่มีใครรู้ข้อมูลเรื่องนี้

กระทั่งเอนซา มาสซ่า ได้พบสมุดนี้ดังกล่าวแล้ว ภาพพยากรณ์จึงได้นำมาเปิดเผยให้ได้รู้ทั่วกัน ซึ่งใน 80 ภาพสีนํ้าเหล่านี้ ที่น่าตื่นตาตื่นใจมีอาทิ

"อัคคีภัย หอคอย" (The Burning Tower) เพลิงที่ปรากฏขึ้นในภาพนั้นพลุ่งโพลงขึ้นไปราวกับถูกระเบิด เห็นแล้วทุกคนต่างนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อ 11 กันยายน 2001 เมื่ออาคารแฝดเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ ถูกผู้ก่อการร้ายพุ่งเครื่องบินเข้าถล่มจนพินาศ โดยนอสตราดามุสได้เขียนคำพยากรณ์ไว้ว่า "มหาอัคคีจากศูนย์กลางของโลกได้สั่นสะเทือนแผ่นดิน ในบริเวณอันอยู่ในนครแห่งใหม่ (New City)"

ภาพวงล้อแห่งเวลา.

ซึ่งในครั้งสมัย นอสตราดามุสนั้นยังไม่มี "นิวยอร์ก" ดังนั้น คำว่า "นครใหม่" ในทำนายนี้จึงหมายถึงนครอื่นใดไปไม่ได้

ภาพ "วงล้อแห่งเวลา" (The Wheel of Time) บ่งบอกถึงเหตุการณ์หมุนเวียนของโลก เป็นประวัติ-ศาสตร์ที่นำมาสู่รูปแบบของโลกปัจจุบัน เช่น การเผชิญหน้าของลัทธิประชาธิปไตยกับคอมมิวนิสต์ อันทำให้เกิด "สงครามเย็น" ในศตวรรษที่ 20

ภาพ "ผู้หญิงหันหลังให้องค์สันตะปาปา" ภาพนี้ผู้สันทัดกรณีอธิบายว่า โป๊ปนั้นได้แก่ สันตะปาปาเบเนดิกท์ที่ 16 ซึ่งเป็นสังฆราชในขณะนั้น และการหันหลังให้ก็คือ ผู้คนได้เลิกศรัทธาในคริสต์ศาสนาอีกต่อไป




อีกภาพหนึ่งจากสมุดพยากรณ์.

ภาพ "โป๊ปสังหารหมี" เป็นภาพขององค์สันตะปาปาขี่มังกร และจ่อดาบที่คอหมี หมีนั้นเป็นสัญลักษณ์ของรัสเซีย ซึ่งเป็นชาติคอมมิวนิสต์ และช่วงปี ค.ศ.1917 ถึง 1991 สันตะปาปาทุกองค์ก็หวั่นเกรงลัทธินี้อย่างยิ่ง จนสหภาพโซเวียตล่มสลายในสมัยสันตะปาปาจอห์น ปอล ที่ 2

ภาพ "โป๊ปสตรี" แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงประมุขสูงสุดของคริสต์ศาสนา จากบุรุษเป็นสตรี มีความหมายส่อเค้าว่า อนาคต...สตรีจะมีบทบาทมากยิ่งขึ้น


ภาพอัคคีภัยหอคอย.

นอกจากนี้ ยังมีภาพการทำนายถึง "Antichrists" หรือ "ซาตาน" ซึ่งที่ผ่านมา นอสตราดามุสได้พยา-กรณ์ว่า ซาตานแรกคือ "นโปเลียน" ซาตานที่สองคือ "ฮิตเลอร์" และซาตานที่สาม ได้แก่ ผู้ ก่อการร้ายมุสลิม อาทิ ภาพ "สันตะปาปากับอสรพิษ" ภาพ "กริฟฟิธกับพระอาทิตย์" ซึ่งทั้งงูร้ายหรือกริฟฟิธ ล้วนแสดงถึงการมาของ "ซาตานที่ 3" ซึ่งจะก่อกวนทำลายล้างโลกจนพินาศในอนาคต
 
16 ก.พ. 54 เวลา 17:13 2,097 10 90
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...