ไทยโต้สมน้ำสมเนื้อ เข้าล็อค เขมร แจ้นฟ้อง UNSC จนได้

ไทยโต้สมน้ำสมเนื้อ เข้าล็อค เขมร แจ้นฟ้อง UNSC จนได้ ตึงเครียดมานาน หลังการจับกุมตัว 7 คนไทย ได้ระเบิดความกดดันระหว่างที่นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย เดินทางเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการ การปะทะอย่างหนักหน่วงและยิงไทยก่อนของฝ่ายกัมพูชา โดยการอ้างของกัมพูชาว่าทหารไทยรุกล้ำเข้าเขตพื้นที่ทับซ้อนก่อนนั้น ซึ่งหากมองย้อนกลับไปแล้วชนวนความขัดแย้ง ก็เริ่มจากการตั้งแผ่นหินประณามทหารไทยว่ารุกล้ำเข้าไปในเขตแดนกัมพูชา ทั้งที่จริงแล้วยังคงเป็นพื้นที่ข้อพิพาทและยังไม่มีใครได้ครองสิทธิ์ตรงนั้น ไทยจึงประท้วงจนกระทั่งมีการทำลายป้ายลง แต่กัมพูชาก็ยังไม่จบเท่านั้นยังได้ชักธงชาติกัมพูชาเหนือวัดแก้วสิขาคีรีฯ ซึ่งก็ยังเป็นพื้นที่ทับซ้อนเช่นกัน นั่นก็เท่ากับเป็นชนวนที่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน การเปิดศึกละเลงอาวุธ นานาชนิดเข้ามายังฝั่งไทยนั้น หากสังเกตจริง ๆ แล้ว ทหารไทยได้ตอบโต้ทหารกัมพูชาในแนววิถีของแนวทหารกัมพูชาแบบสมน้ำสมเนื้อเท่านั้น ผิดกับกัมพูชาที่ละเลงอาวุธทุกชนิดที่มี โดยเฉพาะกระสุนปืนใหญ่ที่มีวิถียิงไกล ใส่ไทยโดยหวังผลให้เข้าในพื้นที่บ้านเรือนประชาชน และต้องการให้ได้รับความเสียหาย นั่นก็จึงเป็นประเด็นที่กัมพูชาต้องการแสดงให้เห็นอะไรบางอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังเหตุการณ์สงบลงไม่นาน ทางด้าน นาย ฮอร์ นัมฮง รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา ได้วิ่งแจ่นฟ้องส่งจดหมายด่วนถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC ทั้งนี้ ให้มีการรื้อหนังสือเดิม 8 ส.ค.2553 ร้องเรียนไทยรุกราน บุกรุกและโจมตีกัมพูชาสามจุด ทำความเสียหายกับพลเรือนและปราสาทพระวิหารเมื่อ 4 ก.พ. 2554 และไทยตื่นแต่เช้ามืดยิงปืนใหญ่เข้าใส่ภูมะเขือ 5 ก.พ. 2554 ยกศาลโลก กฎบัตรยูเอ็น และข้อตกลงอาเซียนขึ้นอ้าง ลากยาวถึงข้อตกลงสันติภาพปารีส ขอให้ส่งหนังสือเวียนถึงทุกประเทศสมาชิกมนตรีความมั่นคง โดยรายละเอียด นาย ฮอร์ นัมฮง ได้อ้างฝ่ายเดียวว่า เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2011 ระหว่างเวลา 15.00 น. ถึง 17.00 น. ทหารไทยประมาณ 300 นาย ได้เข้ามายังดินแดนกัมพูชาและโจมตีทหารกัมพูชา 3 จุด คือ ขะมุม ตั้งอยู่ห่างบันไดปราสาทพระวิหาร 500 เมตร พื้นที่คานม้า และภูมะเขือ ตั้งอยู่จากเส้นเขตแดนเข้ามาในแผ่นดินกัมพูชา 1,120 เมตร และ 1,600 เมตร ตามลำดับ การรุกรานโดยทหารไทยนี้ ตามด้วยการยิงกระสุนปืนใหญ่ขนาด 130 ม.ม. และ 155 ม.ม. ลึกเข้ามาในดินแดนกัมพูชาประมาณ 20 กิโลเมตร การโจมตีเป็นผลให้เกิดความเสียหายรุนแรงจำนวนมากต่อปราสาทพระวิหาร มรดกโลก เช่นเดียวกับการเสียชีวิตและบาดเจ็บของทหารกัมพูชาและชาวบ้านกว่าสิบราย อีกครั้ง ในเช้าวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 06.30 น. กำลังทหารไทยได้ยิงกระสุนปืนใหญ่ขนาด 105 ม.ม. จำนวนหนึ่งที่ภูมะเขือ เป็นเวลาประมาณ 20 นาที ซึ่งการเผชิญหน้ากับการรุกรานอย่างโจ่งแจ้งนี้ ทหารกัมพูชาไม่มีทางเลือก แต่ต้องตอบโต้ป้องกันตนเองและภายใต้คำสั่งให้ปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน อีกทั้งยังอ้างข้อ การรุกรานซ้ำต่อกัมพูชาโดยประเทศไทยได้ละเมิดเครื่องมือทางกฎหมาย โดยอ้างศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เมื่อ 15 มิถุนายน 1962 ข้อ 2.3, 2.4 และ 94.1 ของกฎบัตรสหประชาชาติ สนธิสัญญาทางไมตรีและความร่วมมือ3 (TAC) ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ข้อ 2 ซึ่งกัมพูชาและประเทศไทยเป็นภาคี - มีความเคารพต่อกันในความเป็นเอกราช อธิปไตย ความเท่าเทียม บูรณภาพแห่งดินแดนและเอกลักษณ์ของชาติของทุกชาติ - ยุติความแตกต่างและข้อพิพาทด้วยสันติวิธี - สละสิทธิที่จะคุกคามหรือใช้กำลัง แต่อย่างไรก็ตาม คำฟ้องกล่าวอ้างทั้งหมด ที่นายฮอร์ นัมฮง ได้ร่างขึ้นมาและเร่งส่งไปนั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับการฟ้องร้องชาวโลกให้รับรู้ว่าไทยเป็นฝ่ายรุกรานก่อน โดยเชื่อได้ว่ากัมพูชาต้องการให้ประเทศที่ 3 หรือองค์การกลางระหว่างประเทศ ลงมาแก้ไขข้อพิพาทหาข้อยุติเป็นตัวกลางให้กัมพูชา เพื่อที่ฝ่ายกัมพูชาเองจะได้หมดเสี่ยนหนามจากไทย หวังหุบเอาเขาพระวิหารเป็นของตัวเองได้ง่าย ๆ ไม่เพียงเท่านั้นก็ยังรวมถึงพื้นที่ต่าง ๆ ที่มีปัญหาพิพาทอยู่ระหว่างไทยด้วยเป็นแน่แท้
Credit: ทหารไทย
#...
google-2013
นักแสดงนำ
สมาชิก VIP
15 ก.พ. 54 เวลา 11:08 2,292 9 50
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...