เขาว่ากันว่าความรักนั้นเป็นสิ่งสวยงาม เป็นสิ่งที่มนุษย์ใช้เพื่อชโลมจิตใจให้แรงก้าวเดินต่อไปในวันรุ่งขึ้น
แต่บางคนกลับไม่คิดเช่นนั้น ด้วยอาจจะเพราะว่าไม่สมหวังกับความรัก ยังไม่เจอคนที่ใช่ เข็ดจากความรักครั้งก่อน ฯลฯ
ในบางครั้งคนเราก็อาจจะฝันไว้ว่า ความรักของเราน่าจะเป็นแบบซิลเดอเรลล่านะ ก็เราออกจะแสนดีเรียบร้อนซะขนาดนี้ ต้องมีเจ้าชายดี ๆ ที่เห็นคุณค่าของเราบ้างล่ะน่า หรือ
ฉันชอบความท้าทายคาวีนี่ล่ะพระเอกของฉัน และฉันนี่ล่ะที่จะเอาความรักของฉันเปลี่ยนหัวใจที่แข็งกร้าวของเขาให้อ่อนโยนลงให้ได้ นี่ล่ะที่เค้าเรียกว่าความรักในอุดมคติ เรามักจะคิดว่า การมีความรักในแบบเรื่อง (นิยาย/นิทาน /หรือเรื่องเล่าอะไรก็ตาม) ที่เราประทับใจได้ก็จะดีมาก ๆ แต่คุณต้องอย่าลืมว่า ความเป็นจริง กับสิ่งที่เป็นอุดมคตินั้นมักจะไม่ได้เหมือนกันไปซะทุกอย่าง อย่างเช่น
คุณอาจจะคิดว่า ความรักจะสามารถชนะทุกสิ่งได้ ซึ่งมันก็มีข้อถูกน่ะนะ แต่ในชีวิตจริงแค่รักกันมันไม่พอ ถ้ารักนั้นไม่ยอมเข้าใจ (เอ๊ะ ... คุ้น ๆ ) ไหนจะความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ไหนจะความซื่อสัตย์ต่อกัน และอีกมากมาย ซึ่งความรักอย่างเดียวแทบใช้ไม่ได้ทุกกรณีเสมอไป
คุณอาจจะคิดว่า รักแท้แค่มองตาเราก็เข้าใจกันแล้ว แต่ในความเป็นจริง ผู้ชายส่วนใหญ่รับรู้แค่ว่าถ้าผู้หญิงขยิบตาให้แสดงว่าเธอมีใจให้ และถ้าเป็นในที่อโคจร อาจจะมี Something hot ตามมาได้ เอาง่าย ๆ แค่พูดกันบางครั้งยังเข้าใจกันคนละแบบเลย เพราะฉะนั้นในความเป็นจริงการสื่อสารที่ชัดเจนก็สำคัญมาก
คุณอาจจะคิดว่า การมีความรู้สึกทางกายกับใคร นั่นแสดงว่าเรารักเขาอย่างแท้จริง แต่ในความเป็นจริง ความรู้สึกทางกายนั้นเป็นเรื่องธรรมชาติที่มนุษย์พึงมีต่อเพศตรงข้าม (หรือเพศที่ตนชอบ) โดยอาจจะไม่ได้มีความรู้สึกถึงความรักอะไรเลยก็ได้ (แบบวัน ไนท์ แสตนด์อ่ะ) แต่ก็ไม่ปฏิเสธหรอกว่าความสัมพันธ์ทางกายก็อาจจะทางเชื่อมไปสู่ความรักได้
มอง ความรักแบบที่สามารถเห็นได้จริง สัมผัสได้จริง แล้วลองเปลี่ยนมุมมองความรักดูใหม่ เผื่อว่าคุณจะได้เข้าใจความรักครั้งใหม่ได้ดีขึ้น