ฝรั่ง มีความเชื่อถือ ศรัทธา ต่อการ สักบนร่างกายต่างกับคนไทย ของฝรั่งเขา สักเพื่อตกแต่งประดับร่างกาย ตามแบบ ศิลปเรียกว่า “บอดี้ อาร์ต” ส่วนคนไทยนิยม สร้างรอยสัก มีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อเป็น เครื่องลางของขลัง ให้มีโชคลาภ ป้องกันคุณไสย คงทนฟันแทงไม่เข้าไปจนถึงสัก เมตตามหานิยม
รูปแบบรอยสัก นิยม กันมากในยุคนี้ คือสักเสือเผ่น มังกรคาบแก้ว โดยเกจิอาจารย์ แห่งวัดหลวงพ่อเปิ่น ที่ จ.นครปฐม เพื่อความ คงทนฟันแทงไม่เข้า และป้องกันคุณไสย ส่วน รอยสักเมตตามหานิยม โดยอาจารย์หนู กันภัย โด่งพังมากถึงขั้นซูเปอร์สตาร์สาว แองเจลีน่า โจลี ยังเดินทางมาให้สักที่แผ่นหลังถึงที่
คนไทยสร้างรอยสักในร่างกาย ในที่ไม่เปิดเผยนัก เพราะจนถึงทุกวันนี้ ผู้ชาย มีรอยสัก ยังถูกหาว่า ผ่านคุกตะรางมาแล้ว ทำให้ถูกกีดกันเข้าทำงานในบางสาขาอาชีพ เช่นข้าราชการทหารเรือไทย ห้ามมีรอยสัก เด็ดขาด ถ้ามีถือว่ามีความผิดทางวินัย
ต่างกับฝรั่งเวลานี้หาญกล้าสร้าง รอยสักทั้งร่างกาย ไม่เว้นแม้ใบหน้า อวัยวะเพศ และฝ่าเท้า แม้ฝรั่งจะมีวิถีชีวิต ฟรีสไตล์ แต่กรณีคนมีรอยสักทั้งร่าง ยังคงถูกต่อต้าน จากคนในครอบครัว รวมทั้งที่ทำงานอีกด้วย
เรื่องและภาพต่อไปนี้ คือฝรั่งผิวขาว ผู้มีความกล้าพอจะสักตามร่างกายทั่วทั้งตัว แล้วเปิดการแสดงให้ชาวบ้านดูชม แน่นอนเมื่อ 200 ปีก่อน ผู้มีรอยสักทั้งตัวถูกเรียกขาน ว่าเป็นตัวประหลาด และสร้างความแตกตื่น แก่ผู้พบเห็น
แต่คนเหล่านี้ ได้สวนกระแส ใช้วิกฤติเป็นโอกาส ไหน ๆ เมื่อชื่นชอบ รอยสัก ก็เลยใช้รอยสักเป็นสิ่งทำมาหากิน หาเลี้ยงชีพ ไปเสียเลย
1. ไอรีน ลู๊ดเวิร์ดผู้หญิงผิวขาวคนแรก มีรอยสักทั้งตัว ได้รับสถิติเป็นต้นแบบผู้หญิงผิวขาว สร้าง รอยสักทั้งตัว (เว้นที่ใบหน้าเพียงที่เดียว) ไอรีน โด่งดังเป็นพลุแตกเม่อเข้ามาเป็นนักแสดง ในสังกัดพิพิธภัณฑ์ เอกชน เมื่อปี 1882 หรือ เมื่อ 128 ปี ก่อน ซึ่งมี จอร์จ บี. มันเบลล์ เป็นเจ้าของและผู้จัดการ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้รวบ รวมสิ่งของแปลก และคนแปลกเอาไว้มากมาย แล้วเปิดให้ผู้คนตีตั้วเข้าชม
เมื่อหนังสือพิมพ์รายวัน “เดอะ นิวยอร์ก ไทม์” ในยุคนั้น ได้ลงภาพและเรื่อง ของไอรีน ชื่อเสียงของเธอจึงดังกระฉ่อนไปทั่วโลก รวมทั้งหนังสือ “แฟคส์ รีเลติง ทู มิส ไอรีน วู๊ดเวิร์ด” หรือ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ น.ส.ไอรีน วู๊ดเวิร์ด ซึ่งได้รวบรวมชีวประวัติของไอรีน ไว้อย่างละเอียด
แน่นอนการเขียนประวัตินักแสดง คนดังในยุคนั้น ได้เพิ่มเติมเสริมแต่ง เพื่อให้ดูน่าสนใจมากขึ้นโดยระบุว่า ไอรีน เิติบโตมาจากครอบครัวที่พ่อกับพี่ชาย เป็นคนเลี้ยงดู
พ่อของไอรีน เป็นอดีตทหารเรือ จึงมีฝีมือการสักที่ยอดเยี่ยม จึงลงมือ สักลูกสาว
ในปี 1879 เกิดสงครามใหญ่ ระหว่างคนผิวขาวกับอินเดียนแดง ชนเผ่า ท้องถิ่นในดินแดนโลกใหม่ พ่อของไอรีนถูก อินเดียนแดงฆ่าตาย แล้วจับตัวไอรีน กับพี่ชาย ไปเป็นเชลย
แต่ต่อมาอินเดียนแดนปล่อยตัว 2 พี่น้อง เป็นอิสระเพราะตื่นตกใจกับรอยสัก ทั้งตัวของไอรีน โดยคิดว่าเป้นนางปีศาจร้าย
แต่ต่อมาได้มีผู้ค้นคว้าหาความจริงเกี่ยวกับประวัติของไอ รีน จึงพบว่าทั้งหมด ที่กล่าวมาก็แค่ใช้โปรโมทการแสดงเท่านั้น แต่ความจริงมีอยู่ว่า ไอรีน ชื่นชอบต่อรอยสัก เมื่อได้ไปชมการแสดงที่เมืองเดนเวอร์” โดยนักแสดงชายใช้ฃื่อว่ากัปตัน คอนสเตนทีนัส ครั้งนั้นไอรีนมีอายุ 19 ปี
ไอรีน ฝังใจกับรอยสักมาตลอด จนกระทั่งได้เดินทางมา อยู่ที่นครนิวยอร์ค ได้พบกับช่างสักยอดฝีมือคือมาร์ติน ฮิวเดบลานท์เป็นชาวเยอรมัน อพยพมาอยู่ ที่สหรัฐ อเมริกา แล้วใช้สิ่งที่เขาถนัด คือการสัก เป็นเครื่องมือทำมาหากิน
เมื่อได้รอยสักทั้งตัว ไอรีน ได้รับการ เชื้อเชิญไปร่วมงานที่พิพิธภัณฑ์ ไดม์ มิลเซียม ของจอร์จ บี. บันเนลล์ ต่อมาได้แต่งงานกับ เจ้าของบริษัทโชว์การแสดง จอร์จ อี. สเตอริง เมื่อปี 1883 ได้ลูกชาย 1 คน
จากนั้นไอรีนใช้เวลากว่า 15 ปี ไปตระเวนการโชว์ตัวกับคณะละครสัตว์ใหญ่ ที่สุดในโลก ในยุคนั้น คณะ พีที บาร์นัม เธอมี โอกาสไปโชว์ตัวที่ยุโรปหลายครั้ง กระทั่งได้ชื่อ เรียกใหม่ว่า “ลา แบลล์ ไอรีน” หรือ ไอรีน ผู้ยิ่งใหญ่
ในยุคต้นศตวรรษที่ 19 ภาพยนตร์ และทีวี. เริ่มแพร่หลาย การแสดงละครสัตว์เริ่ม เสื่อมความนิยม ไอรีนจึงรีไทร์ตัวเองพาครอบครัว ย้ายมาอยู่ที่ฟีลาเดลเฟีย เพื่อใช้ชีวิตอย่าง สงบสุขในบั้นปลาย ไอรีน เสียชีวิต เมื่อปี 1915 ด้วยวัย 53 ปี
2. นอร่า ฮิลเดบรานดท์มนุษย์งูหญิงคนแรกของโลก ผู้สร้างสรรค์ ปั้นแต่งชีวประวัติตัว ให้โลดโผนเป็นที่น่าสนใจ เพื่อโปรโมทการแสดง คล้าย ๆ กับวิธีการของไอรีน
เป็นตำนานเรื่องเล่าบอกต่อ ๆ กันมาว่า นอร่า ผู้หญิงที่มีรอยสักทั้งตัว เหมือน มนุษย์งู เกิดลืมตาดูโลกที่ประเทศออสเตรเลีย จากนั้นเดินทางมาหาโชคลาภที่นครนิวยอร์ค หลังจากเกิดภัยแล้ง และโรคระบาดทำให้แม่ และ พี่ชายของเธอเสียชีวิตลง
นอร่า เดินทางมายังสหรัฐอเมริกา พับพ่อเพียง 2 คน จากนิวยอร์ค เดินทางไปยัง ดินแดนตะวันตก ซึ่งคนผิวขาวจากยุโรป แย่งกันไปตั้งหลักแหล่งบนแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ด้วย ทรัพยากรธรรมชาติ
ต่อมาเธอกับพ่อถูกอินเดียนแดง เผ่าลาโกต้า จับไปเป็นเชลยไปอยู่กับอินเดียนแดง ได้เกือบ 2 ปี พ่อของนอร่ามีฝีมือการสัก จึงถูกหัวหน้าเผ่าบังคับให้สักแก่นอร่าทั้งตัว เพื่อแก้เคล็ดตามความเชื่ออะไรบางอย่าง
หลังจากสักทั้งตัว เหลือที่ใบหน้า พ่อของนอร่าไม่ยอมสักให้อีก จึงหักเข้มสักทิ้ง จึงถูกอินเดียนแดงฆ่าตาย ต่อมากองพลทหารม้า อเมริกันซึ่งมีนายพล จอร์จ ครุ๊ก เป็นผู้บังคับ บัญชา บุกเข้าไปช่วยนอร่าออกมาได้
แต่เนื่องจากระหว่างสักตาม ร่างกาย โดยใช้เข็มแหลมจุ่มหมึกดำทิ่มแทงไป ทั่วร่าง ทำให้นอร่า เจ็บปวดมาก เจ็บจนกระทั่ง ประสาทตาเสีย ทำให้ตาบอดตลอดไป
เมื่อเข้ามาอยู่ในเมืองได้ไม่นาน อดัม โฟร์เพาว์ เจ้าของคณะละครสัตว์ พบเธอเข้าจึงชวนมาร่วมการแสดง และพาตัวนอร่ากลับมาที่นิวยอร์คดังเดิม
ต่อมามีผู้เปิดเผย ประวัติที่แท้จริง ของมนุษย์งูหญิงว่า แท้จริงแล้วนอร่า เป็นชาวอังกฤษ เกิดที่กรุงลอนดอนเมื่อราวปี ค.ศ. 1857 ต่อมาเดินทางมายังสหรัฐอเมริกา เพื่อทำงานเป็นสาวใช้
นอร่า ชื่นชอบรอยสักมาตั้งแต่เด็ก เมื่อพบช่างสัก มาร์ติน ฮิลเดบรานดท์ (คนเดียวกันกับผู้สักให้ไอรีน) เธอจึงให้เขา ทำความฝันเป็นความจริง ต่อมา นอร่า แต่งงานกับ ช่างสัก มาร์ติน
ต่อมา นอร่า รวมงานการ แสดง กับคณะ อดัม โฟร์เพลาจ์ และพิพิธภัณฑ์ บันเนลล์ ระหว่างนั้นมาร์ติน เจ็บป่วย เป็นคนบ้าเสียสติต้องเข้า ไปอยู่ในโรง พยาบาลบ้า เป็นการถาวรนอร่ายังคงแสดง โชว์ต่อไป ต่อมาในปี 1889 ได้แต่งงานกับ ช่างสักขีอคกน ชื่อ เจคอป กุนเธอร์ และนอร่า เสียชีวิตอีก 4 ปีต่อมาก
3. อาร์โทเรีย กิบบอนส์ผู้สร้างรอยสัก อุทิศแก่ศาสนา หญิงผู้มีรอยสักทั้งตัวผู้นี้ ไม่มีประวัติ หลอก มีแต่ประวัติจริงเธอเกิดมา พ่อแม่ตั้งชื่อว่า แอนนา แม เบอร์ลิงตันเมื่อปี 1893 มาจาก ครอบครัว ยากจน เมื่อโตเป็นสาว ทำงานเป็นสาวใช้ใน บ้านคนสวย ที่เมือง สโปเคนรัฐวอชิงตัน
ที่นี่เอง อาร์โตเรีย ได้พบรักกับช่าง สักหนุ่ม ชาร์ลส์ กิบบอบส์ หรือช่างแดง ต่อมา ได้สักแก่อาร์โทเรีย ผู้เป็นเมียรักรอยสักตาม ร่างกายของเธอเป็นภาพเดียว กับประวัติพระเยซู และการสร้างโลกโดยพระเจ้าซึ่งเป็น ความเชื่อของผู้นับถือศาสนาคริสต์
ต่อมาในปี 1920 อาร์โทเรีย เริ่มเดินทางโชว์ตัวในฐานะ ผู้หญิงผู้มีรอยสัก ทั้งตัว ตามที่ต่าง ๆ กระทั่งมีเงินทองพอ ชาร์ลส์ ได้สร้างสวน สนุกขึ้นที่ แคลิฟอร์เนีย โดยมีอาร์โทเรีย เป้นตัวชูโรง
การแสดงไซค์โชว์ หรือโชว์ ตัวตามที่ต่าง ๆ ของอาร์โทรีย ไม่เพียงแค่โชว์ ความแปลกพิสดาร แต่มีจุดมุ่งหมาย เผยแพร่ศาสนาอีกด้วย
ถึงปี 1970 อาร์โทเรีย บอกว่าเธอ อุทิศตัวเพื่อศาสนามามากพแล้ว ต่อไปนี้ เธอจะทำตามใจ ตัวเองบ้าง เธอทิ้งศาสนา และสามีมาอยู่ตามลำพัง และอยู่กินกับเวิร์ด ฮอลล์ ผู้ทำหน้าที่เป็น ผู้จัดการส่วนตัว
แต่อาร์โทเรีย ก็ไปไม่ถึง ดวงดาว และความฝัน เธอเสียชีวิตเสีย ก่อน ในเดือนมีนาคม 1985
4. แอนนี่ โฮเวิร์ดมนุษย์รอยสักหญิง ผู้มีชื่อเสียง มากที่สุด ตลอดชั่วชีวิตของแอนนี่ มีแต่ความ โลดโผน ตื่นเต้นแม้กระทั่ง จุดจบของเธอ จนถึงทุกวันนี้ ยังคงเป็นปริศนาค้างคาใจเธอ หายไปไหน? กับลูกสาว อย่างไรร่องรอยและ เบาะแส
แอนนี่ ตกเป็นข่าวโด่งดังทางสื่อ ต่าง ๆ ในปี 1982 อย่างครึกโครมเธอถูก ตำรวจตามจับตัวได้ ขณะนั่งเรือเฟอรี่ข้ามฟาก เดินทางจากบ้านพักที่แมนฮัตตันมายังพิพิธ ภัณฑ์แปลกของบันเนลล์ ที่แขวงบรูคลีน เพื่อมาสัมภาษณ์ เข้าร่วมงานการแสดงโชว์
ก่อนหน้านั้นระหว่างการเดินทาง มายังท่าเรือ มีชายคนหนึ่งกล่าววาจาเสียดสี เย้ยหยันที่เธอเป็นผู้หญิงแต่กล้าสักตามร่างกาย ทั้งตัว แอนนี่ จึงตบชายปากเสียคนนั้นล้มคว่ำไป และชายแก่คนนั้นก็ไปแจ้งความกับตำรวจ เมื่อคดีขึ้นสู่ศาลได้พิพากษาจำคุก แอนนี่เป็น เวลา 10 วัน
คดีนี้เสริมความโด่งดังของ แอนนี่แม้ กระทั่งเจ้าของพิพิธภัณฑ์บันเนลล์ก็จับ ประเด็นนี้ไปโฆษณาใหญ่โต ผลก็คือแอนนี่ โด่งดังตั้งแต่ยังไม่ได้เปิดการแสงแม้รอบเดียว
ต่อมาเธอพบรักกับแฟรงค์ โฮเวิร์ด นักแสดงชายซึ่งเธอกับเขาแสดงเป็นคู่พระ คู่นางได้ลูกสาวคนหนึ่งชื่อไอวี่ ต่อมาทั้งคู่แยกตัว ออกมาไม่สังกัดที่ใด เดินทางตระเวนโชว์ตัวไป ตามที่ต่าง ๆ ในปี 1892 ด.ญ.ไอวี อายุได้ 8 ขวบ ก็เข้าร่วมแสดงกับพ่อแม่แสดงเป็น “ลูกงู”
คณะละครสัตว์ยิ่งใหญ่ที่สุดใน ยุคนั้น 2 พี่น้องทรีนัม และไบเลย์ ได้ชักชวน แอนนี่ไปร่วมงาน โดยเปิดการแสดงรอบแรก ในระดับโลกที่กรุงลอนดอน เมื่อปี 1897
ถึงปี 1910 แฟรงค์ แยกทางกับ แอนนี่ เขาได้เมียใหม่ และเปิดร้านสักขึ้น ทำงานที่นี่จนตายจากโลกไป ขณะเดียวกัน ไม่มีใครรู้ชะตากรรมของแอนนี่ กับ ด.ญ.ไอวี่
นับแต่แยกทางกับแฟรงค์ แอนนี่กับลูกสาวราวกับหายสาบสูญไปจากโลก
5. เบตตี บรอดเบนท์มนุษย์รอยสักหญิงมีผัวมากที่สุด ประวัติที่มาที่ไปของเบตตี้ เล่าลือกัน เป็น 2 ตำนานอย่างแรก เล่าวว่าเมื่อเธอหาญ กล้า สักบนร่างกาย เป็นรอยแรก เมื่ออายุ 17 ปี พ่อแม่พบเข้ายอมรับไม่ได้ไล่เธอออกจากบ้านไป เพราะเชื่อว่าผู้หญิงมีรอยสักเป็นตัวกาลกิณี หรือนางปีศาจร้าย
เมื่อออกจากบ้านมาเธอ จึงประชด พ่อแม่ สักตามร่างกาย ตั้งแต่คอจรดปลายเท้า เสียเลย
ส่วนตำนานที่ 2 กล่าวว่า จากเด็ก หลังเขา ได้เข้าเมืองมาประกอบอาชีพเป็น พี่เลี้ยงเด็ก อยู่ที่เมืองแอตแลนติกซิตี้ เมื่อได้พบ กับช่างสัก จึงร่วมชีวิตกับเขา แล้วใช้รอยสักเป็น เครื่องทำมาหาเงิน
แต่แล้วประวัติจริง ๆ ของเบตตี้ ก็ถูกเปิดเผยออกมา เธอเกิดลืมตาดูโลกเมื่อปี ค.ศ. 1909 มีชื่อเดิมว่า ซู ลิลเลียน บราวน์ เติบโตที่เมืองฟิลลาเดลเฟีย พอโตเป็นสาว หนีออกจากบ้านเพื่อติดตามคณะนักแสดง ไซด์โชว์
เบตตี แสดงเป็นมนุษย์แมงมุงหญิง ทำทรงผมแหลมเป็นกรวยตามร่างกาย ใช้แผ่นกระจกขนาดเล็กแปะติดทุกส่วนสัด ทำให้แลดูว่าเหมือนมนุษย์แมงมุม
แต่ปรากฏว่าไม่เวิร์ค เธอจึงตัดสินใจ ให้ช่างสัก สร้างรอยสักบนร่างคล้ายลายใย แมลงมุม คราวนี้เบตตี้ โด่งดังเป็นพลุแตก เมื่อน้ำขึ้นต้องรีบตัก เบตตี้ตระเวนแสดงไปทั้ง สหรัฐอเมริกา
เบตตี้ แต่งงานครั้งแรกเม่ออายุ 19 ปีต้นปี 1939 มีลูกชาย 1 คนกับผัวคนแรก โจคาร์เตอร์ คาว์บอยหนุ่มแห่งภาคตะวันตก ต่อมาปี 1939 พบรักกับผัวคนที่ 2 ชาร์ลี โรร์ค เป็นผู้อยู่ในวงการแสดงโชว์เช่นกันและหย่า กันเมื่อปี 1952
เมื่อมีอายุ 57 ปี เบตตี้บอกลา เวทีการแสดงในปี 1987 เธอแต่งานเป็น ครั้งที่ 3 กับนักแสดง วินฟอร์ด บริวเวอร์ และเบตตี้เสียชีวิตเมื่อปี 1983
โพสต์เมื่อ : 2010-12-03 13:50:32 พื้นที่โฆษณา