Edward Gein เอ็ดเวิร์ด กีน ต้นตำรับหนังPsycho
เพื่อนชอบดูภาพยนต์ประเภทthrillerกันไหมครับ หลายคนอาจร้องยี้เพราะฉากสยองขวัญ ภาพการฆาตกรรมชวนให้ติดตา ที่สร้างโดยฮอลลีวู๊ด ไม่ว่าจะเป็น Texas Chainsaw, Hannibal, Wrong Turn, Hill have Eyes, 2001 Maniacs หรือแม่แต่หนังสยองขวัญในยุคสมัยของหนังขาวดำอย่าง Psycho(Mr.Hitchcock) เพื่อนๆรู้กันหรือไม่ว่าหนังเหล่านี้ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริง คดีเขย่าขวัญสั่นประสาททั่วทั้งฝั่งตะวันตก ความวิตถารของเหล่าฆาตกรในฟิล์ม ไม่ว่าจะเป็นการทรมานเหยื่อ การตัดอวัยวะแล้วนำมาปรุงอาหาร เก็บสะสมหรือแม้กระทั่งมาทำเป็นเครื่องนุ่งห่ม ที่ถูกถ่ายทอดลงบนจอเงิน โหดร้ายจนเกินกว่าจะคิดว่านี่เป็นการกระทำของมนุษย์ แต่เรื่องนี้ได้เกิดขึ้นจริง ด้วยการกระทำของชายที่มีชื่อ Edward Gein
หนึ่งในภาพยนต์ดังที่ได้เค้าโครงมาจากเรื่องจริง(ผิดแต่ว่าฆาตกรตัวจริงไม่ได้ตัวใหญ่ขนาดนี้
เอ็ด(เอ็ดเวิร์ด) กีน เกิดเมื่อวันที่8 สิงหาคม ค.ศ.1906 ที่คาครอส วิสคอนซิล ครอบครัวของเขาอพยพไปอยู่ที่ฟาร์มนอกเมืองเพลนฟิลด์ เมื่อหมดงานในฟาร์มพ่อเขาจะฟอกหนังและเป็นช่างไม้ ส่วนผู้เป็นมารดานั้นกลับมีอิทธิพลเหนือทุกคนในครอบครัว เป็นหญิงที่ประสาทๆ เธอจะพูดใส่หัวลูกชายทั้งสองว่าเรื่องเซ็กเป็นสิ่งที่ผิดบาป สกปรกโสมม น่ารังเกียจ ทว่า เอ็ดกลับพบว่าแม่ของตัวเองนั่นแหละ ที่หมกมุ่นอยู่กับการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง พ่อของเอ็ดเสียชีวิตในปี1940 4ปีต่อมาเฮนรี่ผู้พี่ก็จากไปอีกคน ส่วนแม่ของเขาก็ตรอมใจตายในปี1945 จากนั้นเอ็ดผู้โดเดี่ยวได้เก็บศพแม่เอาไว้ในห้องนอนของเธอ แล้วจัดแจงตอกตะปูปิดตาย และแต่งบ้านใหม่ตามสไตล์วิตถารของเขา
สภาพภานนอกบ้านของเอ็ดซึ่งไม่ต่างจากบ้านของชาวนาทั่วไป
ในวัยเด็ก เอ็ดรู้สึกรังเกียจอวัยวะเพศชายของตัวเองจนอยากจะตัดมันทิ้ง ปมทางใจที่แม่เขาเป็นผู้หล่อหลอม ทำให้เขาไม่พึงพอใจในเพศที่ถือกำเนิด ว่ากันว่าเอ็ดอยากเป็นผู้หญิง
เอ็ดเชื่ออยู่เสมอว่าสายตาของแม่ยังเฝ้าดูเขาอยู่แม้วาาเธอจะจากไปแล้ว ซึ่งภายหลังจากถูกจับกุม เขาบอกกับตำรวจว่าเสียงของแม่ก้องอยู่ในหู สั่งให้เขาทำสิ่งวิปริตต่างๆนานา เขาเริ่มสนใจสรีระของผู้หญิง โดยการหาตำราทางการแพทย์ หนังสือต่างๆตลอดจนนวนิยายสยองขวัญและลัทธินาซี มาเติมเต็มความต้องการของตัวเอง
ปี1950-1954 เอ็ดสนองสันดานดิบด้านมือของตัวเองด้วยการแอบไปขุดศพผู้หญิงในสุสานท้องถิ่นมา9-10ศพมาเก็บไว้ที่บ้าน แล้วจัดแจงชำแหละศพออกเป็นชิ้นๆ หัวกะโหลกถูกเสียบไว้ที่ยอดเสาเตียง หนังศีรษะที่ถลกออกมาก็ใช้ต่างชามข้าว จมูก ริมฝีปาก ช่องคลอด ก็ถูกทำเป็นเครื่องแขวน ส่วนยอดถันก็ถูกแขวนประดับผนังกระจัดกระจายรอบบ้าน ผิวหนังถูกนำมาทำเป็นโคมไฟ และหุ้มเบาะเก้าอี้ แต่ที่วิปริตผิดมนุษย์ที่สุด เห็นจะเป็นชุดที่ตัดเย็ดจากหนังของมนุษย์ ซึ่งเอ็ดจะสวมมันพร้อมด้วยการนำหนังหน้ามาทำเป็นหน้ากากใส่เต้นรำไปรอบๆบ้านอย่างมีความสุข หน้าอกและอวัยวะเพศ ถูกตัดออกมาสวมลงบนตำแหน่งเดียวกันบนร่างกายของเขา การเล่นสนุกกับชิ้นส่วนของศพยังสนองความวิปริตของเขาไม่เต็มอิ่ม เอ็ดจึงออกล่าเหยื่อเป็นๆมาเล่นสนุกแทน
8 ธันวาคม 1954 แมรี่ โฮแกน วัย51ปีหายออกจากบ้านพักในไฟน์ โกฟ วิสคอนซิล เจ้าหน้าที่พบเพียงกองเลือดและปลอกกระสุน.32ตกอยู่ จากพยานและหลักฐานทำให้เอ็ดตกเป็นผู้ต้องสงสัย แต่การจับกุมยังไม่เกิดขึ้น เนื่องจากไม่พบศพแมรี่ที่บ้านของเอ็ด
16 พฤศจิกายน 1957 เบอร์นิซ วอร์เดน วัย58ปี หายจากร้านโลหะภัณฑ์ในเมืองเพลนฟิลด์ หลักฐานถูกพบ เลือดนองเต็มพื้น มีรอยลากเป็นทางยาวไปด้านหลังร้าน และรถกระบะของเธอก็หายไปด้วย แฟรงค์ลูกชายของเธอเห็นเอ็ดมาซื้อเครื่องทำความร้อนก่อนวันที่แม่เขาจะหายไป
การสืบสวนเริ่มขึ้น เจ้าหน้าที่พุ่งเป้าไปที่ชายผู้ชอบเก็บตัวเงียบ พวกเขาตรงไปที่บ้านของเอ็ด สิ่งที่พวกเขาพบที่นั่น ตามหลอกหลอนพวกเขาไปตลอดชีวิต
นายอำเภอและแฟรงค์พบศพไร้ศีรษะของเบอร์นิซ ถูกเกี่ยวด้วยตะขอแขวนไว้ในโรงเก็บของข้างๆบ้าน สภาพศพไม่ต่างอะไรกับกวางที่ถูกผ่าตั้งแต่ใต้คอจนไปถึงอวัยวะเพศ ตับไตไส้พุงและอวัยวะเพสหายไป ในครัวศีรษะของหญิงเคราะห์ร้ายถูกร้อยด้วยเชือกผ่านหูข้างหนึ่งทะลุไปอีกข้างแขวนไว้ต่างของแต่งบ้าน หัวใจอยู่ในกระทะบนเตาอบ อวัยวะอื่นๆถูกใส่ไว้ในลังเก่าๆซุกอยู่ที่มุมห้อง นอกไปจากนั้นชุดหนังจากศพและชิ้นส่วนอวัยวะของศพที่ถูกขโมยก่อนหน้านี้ ซึ่งแห้งกรังส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ ก็ถูกพบเช่นกัน
ศพถูกแขวนในโรงเก็บของข้างบ้านของเอ็ด ราวกับว่าเป็นเพียงแค่ซากสัตว์เท่านั้น
สภาพถายในบ้านของเอ็ดหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจค้น
ความจริงทุกอย่างถูกเปิดเผย เอ็ดยอมรับสารภาพว่าเป็นฆาตกรฆ่าชำแหละ แมรี่และเบอร์นิซ รวมทั้งคดีขโมยศพจากสุสานก็คลี่คลายลง 16 มกราคม 1958 ศาลตัดสินว่าเอ็ด เกน เป็นคนบ้า สิ่งที่กระทำลงไปนั้นขาดสติ เขาสารภาพว่าการได้ใส่ชุดที่ตัดเย็บขึ้นจากศพนั้นทำให้เขารู้สึกว่าเขาคือแม่ที่จากไป จาก15ศพที่พบในบ้านเขา เอ็ดบอกต่อศาลไม่ได้ว่าเขาลงมือฆ่าไปกี่่ราย
หลังจากถูกจับ ข่าวสะเทือนขวัญสั่นประสาทก็โหมกระพือไปทั่วทุกหัวระแหง นิตยสารไลฟ์และไทม์ พร้อมใจกันลงเรื่องของเขาและโปรยปกว่า House of Horros
ต่อจากนั้นผู้พิพากศาก็ส่งตัวเขาไปบำบัดอาการทางจิตยังโรงพยาบาลโวพัน วิสคอนซิล 10ปีในโรงพยาบาลอาการวิปริตของเขาก็ยังไม่ดีขึ้น กลางเดือนพฤศจิกายน 1968 เขาถูกนำตัวมาขึ้นศาลตัดสิน ผู้พิพากษา โรเบิร์ต กอลล์มาร์ ตัดสินว่าเอ็ดมีความผิด แต่เป็นผู้วิกลจริต เขาถูกส่งไปรักษาต่อที่สถาบันจิตประสาทเม็นโดทา ในบั้นปลายชีวิตเจ้าหน้าที่ที่เคยอยู่ที่นั่นบอกว่าเขาคือชายชราผู้ไร้เขี้ยวเล็บ สุภาพและอ่อนโยน
เอ็ดจบชีวิตลงด้วยอาการหัวใจล้มเหลวในปี1984ด้วยวัย77ปี แต่เรื่องราวความวิปริตของเขาก็ยังถูกเล่าขานไม่รู้จบ
สุดท้ายก็ไม่พ้นความตาย ฆาตกรแห่งวิสคอนซิล
(กว่าจะพิมพ์ หาข้อมูลแล้วก็เรียบเรียงเสร็จ ปาเข้าไป2ชัวโมงกว่าๆ)