Serial Killer
กำเนิดฆาตกรต่อเนื่อง

                     Serail Killerหรือฆาตกรต่อเนื่อง คือการฆาตกรรม ที่ทำต่อเนื่องในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ในลักษณะของการฆ่าครั้งละคนหรือมากกว่านั้น แล้วกระทำต่อไปเรื่อยๆ การฆาตกรรมในลักษณะคล้ายๆกันนี้จะมีอยู่3แบบคือ
                   

                     1.Mass Muderer ฆาตกรการสังหารหมู่ คือเป็นฆาตกรที่ฆ่าคนจำนวนมากว่า1คนขึ้นไป ในเหตุการณ์ครั้งเดียว และก่อเหตุเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ยกเว้นกรณีของการก่อการร้าย กรณีนี้ผมจะยกตัวอย่างคือ นายอาซาฮาระ โชโค หรือ มัทสึโมโต้ จิซึโอะ ผู้นำลัทธิโอมชินรีเกียว ผู้บงการการปล่อยสารพิษในรถไฟใต้ดินที่ประเทศญี่ปุ่น จนทำให้มีผู้เสียชีวิต19รายและมีผู้บาดเจ็บถึง6170คน(ในการกระทำ2ครั้ง)และยังพัวพันกับคดีการตาย การลักพาตัวอีกหลายคดี ตามลักษณะที่ผมเคยทราบมา ฆาตกรประเภทนี้ส่วนมากมีบุคลิกของความเป็นผู้นำและการพูดจาที่น่าเชื่อถือ แต่ที่ผิดแปลกไปจากคุณสมบัติของความเป็นผู้นำทั่วไปคือ จะมองคนอื่นด้อยค่ากว่าตน เผิกเฉยต่อความรู้สึกของคนรอบข้าง เป็นบุคลิกที่ซ่อนอยู่ข้างในยากที่จะดูออกอย่างผิวเผิน

อาซาฮาระ โชโค(หรือ มัทสึโมโต้ จิซึโอะ)ผู้นำลัทธิโอมชินรีเกียวกับคดีฆาตกรรมครั้งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นหลังจากสงครามโลกครั้งที่2

                    2.Spree Murderer  ลักษณะคล้ายกับSerail Killer คือฆ่าหลายๆคนและกระทำติดต่อกัน เจตนาของผู้ก่อมักจะเป็นลักษณะของการล่า หรือHuntingมากกว่าที่จะพอใจกับชัยชนะเหนือผู้ตาย 
                   

                    3.Contract Killer หรือHitman คำนี้ใช้เรียกพวกนักฆ่ารับจ้าง แต่พฤติกรรมคล้ายๆกันคือ ฆ่าทีละคนหรือมากกว่านั้น แล้วฆ่าต่อไปเรื่อยๆ และเหตุการณ์แต่ละครั้งไม่ต่อเนื่องกัน แต่จะมีพฤติกรรมของการรับค่าจ้าง ไม่ได้ฆ่าด้วยเจตนาของตัวเอง

                    เรื่องของSerial Killer นี้ไม่รู้ว่าเริ่มมีมาตั้งแต่เมื่อไหร่ กรณีที่ศึกษากันเริ่มแรก มีมาตั้งแต่สมัยโบราณในยุคของอาณาจักรโรมันเลยทีเดียว คือเริ่มจากพฤติกรรมของจักรพรรดิCaligularที่มีรสนิยมเอาคนมาทรมานจนตาย พอมาถึงในยุคกลางก็ที Gilles der Rais ที่ชอบจับเด็กผู้ชายมาฆ่า และElizabeth Bathory ที่ซื้อหญิงชาวนามารีดเอาเลือดมาอาบ

Elizabeth Bathoryกับความเชื่อที่ว่าเมื่ออาบเลือดสาวพรมจรรย์จแล้ว สามารถรักษาความงามไว้ได้ตลอดกาล
                   

                     ในยุคสมัยใหม่เหตุการณ์ที่สะเทือนขวัญคนทั้งโลกก็คือเรื่องราวของ Jack the Ripperที่ฆ่าโสเภณีแล้วแหวะท้องผ่าชิ้นส่วนอย่างชำนาญทิ้งไว้ข้างถนน เมื่อตำรวจมาพบศพในลักษณะเดียวกันหลายๆครั้ง จึงสันนิษฐานว่าเป็นการฆ่าโดยคนๆเดียวกัน และนับเป็นSerail Sex-Killerคนแรกในโลกยุคใหม่
 แต่คำว่าSerail Killer กลับไม่ได้เริ่มมาจากJack the Ripperแต่มาจากTed Bundy ซึ่งฆ่าคนอย่างน้อย30ราย และจำนวนของคนที่เขาฆ่าคาดว่าน่าจะถึง100รายเลยทีเดียว มากกว่าJack the Ripperถึง10เท่า

                     คราวนี้ผมขอพูดถึง Ted Bundyแบบคร่าวๆก็แล้วกัน เท็ด บันดี เกิดวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2489 เท็ดจบการศึกษาจากวูดโรว์วิลสันไฮสคูล ใน พ.ศ. 2508 และได้ทุนเล่าเรียนที่มหาวิทยาลัยพูเจต์ซาวน์ ทาโคมา วอชิงตัน ในสาขาจิตวิทยา ภายหลังจากศึกษาไป 2 ภาคการศึกษา เขาตัดสินใจย้ายไปเรียนที่มหาวิทยาลัยวอชิงตัน ในซีแอตเทิล เห็นได้ว่าเท็ดเป็นคนที่เรียนดี พยายามเข้าสังคมและเคยได้รับการคาดหวังให้ไต่เต้าให้เป็นถึงนักการเมือง

                     กลับมาพูดถึงความโหดเหี้ยมที่เขาพึงกระทำต่อเพื่อนมนุษย์กันบ้าง ในวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2517 ภายหลังเที่ยงคืนเล็กน้อยเท็ดเข้าไปในห้องนอนที่อยู่ใต้ถุนของอาคารของ โจนี เลนซ์ อายุ 18 ปี นักศึกษาของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน เขาทุบศีรษะเลนซ์ด้วยท่อนเหล็กขณะที่เลนซ์กำลังหลับ และเสียบท่อนเหล็กเข้าไปในช่องคลอดของเลนซ์ ในตอนเช้าเพื่อนร่วมห้องมาพบในขณะที่เลนซ์กำลังโคมาและนอนจมกองเลือด เลนซ์รอดชีวิตแต่สมองถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง เหยื่อรายต่อมาของเท็ดคือ ลินดา แอน เฮียลีย์ นักศึกษามหาวิทยาลัยวอชิงตันอีกคนหนึ่ง ในคืนวันที่ 31 ของเดือนเดียวกันเท็ดงัดเข้าไปในห้องของเฮียลีย์ ทุบเธอจนหมดสติ ใช้ผ้าปูเตียงห่อร่างของเฮียลีย์และแบกเธอหายไป (ข้อมูลส่วนนี้มาจาก วิกิพีเดียครับ)

โฉมหน้าของ Ted Bundy ใครๆต่างคาดไม่ถึงว่าเขาผู้นี้คือฆาตกร
                  

                       การฆาตกรรมต่อเนื่องในลักษณะนี้ หลายคนมีลักษณะเหี้ยมอำมหิต มีการทรมานเหยื่อ โดยจะเน้นไปที่การผ่าบริเวณท้อง เพราะไม่มีอวัยวะที่ทำให้เหยื่อตายในทันที คือชอบให้เหยื่อค่อยๆทรมานตายไปว่างั้นแหละ บางคนมีพฤติกรรมกินเนื้อศพด้วยเลย ซึ่งพวกที่ชอบชำแหละศพนี่แหละ ที่จะดังกันขึ้นมามากๆ จนมีคนเอาไปทำเป็นภาพยนต์กันเพียบ

                       ตอนต่อไปผมจะพูดถึงฆาตกรต้นแบบหนังสยองขวัญ เช่น สิงหาสับTexas Chainsaw Massacre นั่นก็คือ Ed Gain