จดหมายจากพ่อ

 

จดหมายจากพ่อ

 

 

              ฉันเป็นเด็กบ้านสวน เติบโตมากับต้นไม้ใบหญ้า และความเป็นอยู่ของเด็กในสวน ชิวิตในวัยเด็กจึงอยู่กับสีเขียวของธรรมชาติ อากาศสดชื่นและลมเย็นเบาๆๆที่พัดพากิ่งไม้ใบหญ้าให้พลิวไหวไปตามแรง ทุกๆๆวัน ฉันจะไปเก็บผักบุ้งที่ขึ้นตามโคลนในร่องสวนกับพ่อ พ่อจะเก็บผักบุ้งในร่อง ส่วนฉันเองก็จะคอยเดินตามพ่อไปบนร่อง หรือแวะเก็บยอดอ่อนที่เลื้อยขึ้นไปด้านบน

             พอพ่อเก็บผักบุ้งพอให้แม่ที่จะทำอาหารมื้อเย็นนี้เสร็จก้อชวนพาฉันกลับ แต่ฉันขออยู่สักพักและจะตามไป หลุมที่ปูสแมทำหลุมขุดไว้เป็นบ้านของมัน ฉันที่เป็นเด็ก อยู่ในวัยกำลังชนและอยากรู้อยากเห็นไปเรื่อย ก็อดไม่ได้ที่จะลงไปจับปูแสมในโคลน พอลงไปได้นิดหนึ่งเจ้าปูแสมก็รีบใช้เท้าทั้งแปดตะเกียดตะกายของมันเข้าไปในรู และนั้นก็ต้องทำให้ฉันเปลี่ยนที่ไปเรื่อยเพื่อจับปูสแมตัวอื่นๆๆที่หลบไม่ทัน

            พอเดินเข้าไปตรงกลางของร่องสวนฉันก็เกิดล้ม หัวเข่าของฉันตอนนี้จมไปกับความเหลวของโคลน ฉันพยายามที่จะพยุงตัวลุกขึ้น แต่มันก็ไม่ได้ผล กับทำให้ห้วเข่ายิ่งจมลึกลงไปในโคลน เมื่อฉันพยายามดึงหัวเข่าขึ้นตัวก็เริ่มจมลงไปโคลนเรื่อยๆ เมื่อความพยายามไม่ได้ช่วยอะไรฉันเรียกคนมาช่วยแต่ตอนนี้ก็เย็นมากแล้วจึงไม่มีใครเลย ฉันซึ่งไม่สามารถลุกขึ้นเองได้ อีกทั้งเรียกให้คนช่วยก็ไม่มีใครเลยที่จะเข้ามาช่วย ฉันเลยร้องไห้ดังๆออกมาเพื่อให้พ่อได้ยินและมาช่วยพยุงฉัน แต่มันก็ไม่เป็นผลเลยสักนิด ฉันจึงใช้เวลานั่งอยู่กับการร้องไห้ทั้งๆๆที่ตัวยังนั่งจมอยู่ในโคลน และความมืดก้อเริ่มเข้ามาปกคลุมและน้ำในคลองก็เริ่มไหลเข้ามาในร่องสวน

           ฉันพยายามลุกขึ้นอีกครั้ง โดยการดึงรากผักบุ้งที่ขึ้นอยู่แถวๆๆนั้น และผ่อนแรงดึงที่ผักบุ้งเผื่อไม่ให้ผักบุ้งขาดและดึงตัวให้ลุกขึ้นให้ได้ เวลาผ่านไปสักพักฉันก็สามารถลุกออกจากโคลนได้ และเดินม่อมแม่มกลับบ้านพร้อมกับโคลนที่ติดไปทั่วตัว วันนั้นฉันรีบล้างเท้าในคลองและอาบน้ำอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่าถ้าแม่มาเห็นเข้าฉันจะต้องถูกตี และไม่กล้าบอกใคร เพราะกลัวว่าแม่จะไม่ให้ไปเก็บผักบุ้งกับพ่ออีก และวันนั้นก็กินผัดผักบุ้งไฟแดงที่แม่ทำให้กินอย่างเอร็ดอร่อย

          ฉันไม่ได้สนใจเรื่องราววันนั้นและลืมมันไปเหมือนกับเวลาที่เดินผ่านไปไม่ย้อนกลับ จนกระทั่งฉันโตไปตามวัย และพ่อก็จากไป จากชีวิตฉัน ฉันรู้สึกเสียใจที่สุด มันเหมือนกับว่า หัวใจของฉันได้หายไปเสี้ยวหนึ่ง มันแตก ปวดร้าวและทรมาน เหมือนว่าด้านหลังของฉันไม่ที่พึงพิงให้ในยามที่ฉันอ่อนล้า และไม่มีมือที่แข็งแรงที่คอยพยุงในยามที่ฉันล้มลง เป็นความรู้สึกที่แย่ที่สุดเท่าที่ฉันเคยมีมา และแล้วเวลาก็ผ่านไป ฉันก็ยังเสียใจอยู่ลึกๆๆแต่ฉันยังมีแม่ และฉันก็รำลึกถึงพ่อเสมอ พ่อจะคอยมองดูฉันเสมอไม่ว่าฉันจะอยู่ที่ใด

         วันนี้ฉันรู้สึกเสียใจมากๆในเรื่องบางอย่าง ฉันจึงกลับบ้านสวน เพื่อลบเรื่องราวเหล่านั้นออกไปจากความคิด และปล่อยอารมณ์อยู่กับธรรมชาติฉันเดินสำรวจบ้านที่ไม่ได้กลับมานาน เดินไปในที่ต่างๆๆและนึกถึงสมัยเด็กๆๆที่ฉันทำอะไร ณ ที่ตรงนั้นและก็ถึงห้องหนังสือที่พ่อมักจะเข้ามาอ่านหนังสือและในบางครั้งพ่อก็จะนั่งสอนฉันทำการบ้าน และฉันก็ดึงหยิบหนังสือปึกหนาเล่มหนึ่งออกมา ฉันจำได้ว่าหนังสือ

        เล่มนี้ฉันมักจะเอาดอกเฟื่องฟ้าและดอกไม้ๆๆอื่นๆๆมาทับในหนังสือและพ่อก็จะเอาหนังสือเล่มนี้มาให้ฉันฝึกอ่านให้ฟังเสมอ ในขณะที่ฉันเปิดหน้าหนังสืออ่านดู ก็มีกระดาษพับที่ดูเก่าสีน้ำตาลอ่อนๆล่วงลงมาจากหนังสือ ฉันจึงก้มลงเก็บมันขึ้นมา และคลี่ออกมาดู และฉันก็รู้สึกสะเทือนใจมากเพราะนั้นเป็นลายมือบรรจงเขียนของพ่อที่ฉันจำได้เสมอมา และน้ำตาก็ล้นเอ่อออกมา ด้วยความคิดถึงพ่อ

ถึง ลูกรัก

          วันนี้ลูกเก่งมาก พ่อรู้สึกดีใจ ที่ลูกไม่นั่งจมอยู่กับโคลนที่พยายามดึงลูกพ่อขอโทษที่พ่อได้ยินเสียงลูกร้องให้ช่วย แต่พ่อไม่ไป เพราะพ่อกลัวว่าลูกรักของพ่อจะไม่สามารถลุกจากโคลนได้เองลูกรัก ลูกรู้มั้ยว่า การที่เราร้องไห้และนั่งอยู่บนโคลนที่รั้งจะฉุดลูกลงนั้น มันไม่ได้ช่วยให้เราลุกขึ้น แต่มันจะทำให้ลูกยิ่งถลำลึกลงไปในโคลนและยิ่งยากที่จะลุกชีวิตคนเราบางครั้งอาจจะเจอปัญหา และเรื่องราวร้ายๆ

ไม่มีใครที่จะช่วยเราได้ เท่ากับตัวของเราเอง พ่อเข้าใจ ว่า คนเราต้องมีช่วงที่อ่อนแอ และความรู้สึกที่สับสน แต่อย่าใช้เวลาของความเสียใจและความเศร้ามากมายนัก เพราะมันอาจทำให้ลูกเสียเวลาของโอกาสที่กำลังมาหาเรา ลูกสามารถที่จะร้องไห้ได้แต่ขอเพียงอย่าใช้ตาทำงานเพียงฝ่ายเดียวให้ใช้สองแขนและขาพยุงตัวของลูกลุกขึ้นให้ได้ และใช้สมองแก้ปัญหา เดินไปยังข้างหน้าอย่างเข้มแข็ง

พ่อเป็นเพียงผู้ชายแก่ๆคนหนึ่งที่มีหน้าที่สอนให้ลูกเดิน แต่คนเดินคือตัวของลูกเอง เพราะฉะนั้น เดินหน้าไปบนเส้นทางที่ลูกเลือก ใช้สติ ใช้สมอง ไม่ว่าหนทางตอนนี้จะเป็นเช่นไร อย่าท้อที่จะก้าวเดิน ถ้าลูกไม่เห็นปลายทางข้างหน้าว่าเป็นเช่นไร ความมืดมิดอาจทำให้ลูกตื่นกลัว แต่ยังงัยเมื่อโลกหมุนรอบของตัวมันเอง ในยามรุ่งเช้า พระอาทิตยฅ์ก็จะส่องแสง ขอเพียงลูกอย่าเดินหันหลังกลับเข้าไปในความมืดมิดอีกพ่อและแม่รู้สึกดีใจที่มีลูกเกิดขึ้นมา ใช้ชีวิตให้คุ้มค่า และอย่าเสียใจในภายหลัง…รัก จากพ่อ

Credit: http://thaiblogonline.com/samunprithai.blog?PostID=25402
19 ม.ค. 54 เวลา 10:58 1,049 5 30
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...