เตือนใจ!!! ก่อนจะมีเซ็กส์ มั่นใจหรือไม่ว่าปลอดเอดส์

เจ้าของนามแฝง "ฟ้าหมาดฝน" ในเว็บไซต์ pantip ซึ่งเป็นสูตินรีแพทย์ ได้เขียนบอกเล่าเรื่องราวชีวิตจริงของคนไข้ผู้ติดเชื้อเอดส์โดยไม่รู้ตัวจากการมีเพศสัมพันธ์ เพื่อเตือนใจให้ทุกคนฉุกคิดสักนิดว่า ก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์กับใคร แม้ว่าคน ๆ นั้น จะเป็นคนที่เรารัก และอยู่กินมาด้วยกันตลอดชีวิต เราจะแน่ใจได้ อย่างไรว่า เขาหรือเธอปลอดเชื้อเอดส์จริง ๆ เพราะเรื่องนี้หากผิดพลาดเพียงแค่ครั้งเดียว นั่นหมายถึงชีวิตของเราทั้งชีวิต!!!

เคสที่ 1

          มารดาของเด็กหญิงอายุ 15 ปีคนหนึ่งมาแจ้งความว่า พ่อเลี้ยงได้ข่มขืนกระทำชำเราลูกสาว ระหว่างที่แพทย์ซักประวัติ ตรวจร่างกายเด็กหญิงคนดังกล่าว เด็กหญิงบอกว่า ถูกพ่อเลี้ยงปลุกปล้ำ แต่ในครั้งต่อ ๆ มา ตัวเด็กเองยินยอมมีเพศสัมพันธ์โดยความสมัครใจ

          หลังจากนั้น พยาบาลแผนกสังคมสงเคราะห์ได้เข้ามาซักประวัติมารดา ถึงสภาพแวดล้อม ความสัมพันธ์ในครอบครัว ตัวคนเป็นแม่เล่าไปร้องไห้ไป ดูแล้วมีความคับข้องใจมาก ทำให้คุณพยาบาลเข้าใจว่า มารดาคงจะเสียใจที่ลูกยอมนอนกับพ่อเลี้ยง

          แต่ในที่สุด แม่ของเด็กก็เล่าความจริงออกมาว่า เธอตรวจพบว่า ตัวเธอเองติดเชื้อเอดส์มาหลายปีแล้ว และสามีคนเก่าก็เสียชีวิตจากการติดเชื้อเอดส์ไปหลายปีแล้วเช่นกัน เธอจึงได้ย้ายที่อยู่ และในที่สุดก็มาพบกับสามีคนปัจจุบัน อยู่กินกันมาโดยที่สามีใหม่ไม่ทราบเรื่องนี้ เพราะเธอเองกินยาสม่ำเสมอ สุขภาพจึงแข็งแรงดีมาตลอด

          แต่แล้ว เคราะห์กรรมก็มาตกกับลูกสาวอย่างคาดไม่ถึง!!!


 



เคสที่ 2

          ผู้ชายคนหนึ่งอายุราว ๆ 35 ปี เข้ามาตรวจโรคด้วยอาการอ่อนเพลีย มีไข้ ไอเรื้อรัง จากประวัติในใบส่งตัว ระบุว่า เขาเป็นวัณโรคปอด แต่เมื่อได้เจาะเลือดตรวจหาเชื้อ HIV ปรากฎว่า ผลเลือดเป็นบวก!!!

          คุณหมอเดินไปตรวจคนไข้ที่เตียง เลียบ ๆ เคียง ๆ ถามว่า แพทย์ที่โรงพยาบาลแรกได้แจ้งผลตรวจเลือดหรือไม่ คนไข้บอกว่าไม่ทราบ คุณหมอจึงถามอีกว่า คนไข้มีโรคประจำตัวหรือไม่ เคยกินยาใด ๆ ประจำหรือไม่ เนื่องจากประสบการณ์ที่ผ่านมา พบว่า ผู้ป่วยโรคเอดส์บางส่วนจะทราบอยู่ก่อนแล้วว่าตนเองเป็นโรค แต่ไม่อยากบอกหมอตรง ๆ ถ้าถามไปแบบอ้อม ๆ อาจจะพอบอกบ้าง ปรากฏว่า คนไข้รายนี้ ตอบคำถามอย่างซื่อ ๆ ดูแล้วไม่มีความสงสัยเลยว่าตัวเองติดเชื้อแล้ว

          คุณหมอหันไปหาภรรยาของคนไข้ เพื่อจะถามอาการเพิ่ม แต่เมื่อเห็นหน้าฝ่ายหญิง คุณหมอก็ตกใจทันที เพราะจำได้ว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้ติดเชื้อเอดส์ ที่คุณหมอเคยให้รักษาในโรงพยาบาลประจำอำเภอเมื่อหลายปีก่อน โดยคนไข้มารับยาต้านกินอยู่ประจำ คุณหมอจึงแกล้งทำเป็นจำผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ และลองถามเรื่องสุขภาพต่าง ๆ นานา เธอก็บอกว่าแข็งแรงดี

          คุณหมอได้แต่คิดว่า ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงเลือดเย็นแบบนี้ พอเห็นผู้ชายที่มีฝ้าขาวเต็มปาก มีแผลพุพองตามขา ก็รู้สึกเวทนาเป็นอย่างมาก เพราะถ้าเขารู้ตัวว่า ตัวเองติดเชื้อเอดส์ ก็จะได้ทานยารักษาตัว ในขณะที่ฝ่ายหญิงรู้ตัวดี ทานยามาตลอด 5 ปี จึงดูสบายดีทุกอย่าง

          คุณหมอเล่าต่อว่า ไม่ได้ถามไปว่า ชายคนดังกล่าวเป็นสามีเก่า หรือสามีใหม่ของเธอ ได้แต่คิดว่า หากเป็นสามีเก่าที่นำโรคมาติดให้ ฝ่ายหญิงอาจต้องการแก้แค้นหรือ? แต่หากเป็นสามีใหม่ ผู้ชายคนนี้ก็เป็นคนที่น่าสงสารมาก


 


 



เคสที่ 3

          ผู้หญิงคนหนึ่งอายุ 35 ปี มาฝากครรภ์ แต่เมื่อแพทย์ตรวจเลือดกลับพบว่า เธอเป็นผู้ติดเชื้อ เมื่อสอบถามคนไข้ คนไข้ยอมรับว่า ทราบเรื่องนี้มานานแล้ว และทานยาต้านอยู่เป็นประจำ แต่สามีคนนี้เป็นสามีคนที่ 2 เพิ่งจะมาอยู่ด้วยกันได้ปีกว่า ๆ สามียังไม่เคยมีลูก เวลามีเพศสัมพันธ์จึงไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัยเลย

          คุณหมอถามว่า แล้วสามีรู้หรือไม่ ว่าตัวคนไข้เป็นผู้ติดเชื้อเอดส์ แต่คนไข้กลับตอบว่า "คงรู้มั้ง ก็หนูมาโรงพยาบาลทุกเดือน เขาคงรู้เอง"

          "เวรกรรม เราเชื่อว่าฝ่ายชายไม่รู้หรอก" คุณหมอบอก

เคสที่ 4

          วัยรุ่นเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่น่าเป็นห่วง และเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์เป็นอย่างมาก คุณหมอเล่าว่า เคยพบเด็กวัยรุ่นหญิงคนหนึ่งที่ติดเชื้อจากพ่อแม่ตั้งแต่แรกเกิด แต่เธอได้รับการดูแลอย่างดีจากญาติ ๆ และไปตรวจรับยาตามหมอนัดทุกครั้ง จึงมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงมาตลอด

          จนกระทั่งอายุ 19 ปี เธอเติบโตเป็นสาวสวย ที่ดูแล้วแข็งแรงสมบูรณ์ แล้วเธอก็ตั้งครรภ์กับเพื่อนชาย คุณหมอถามวัยรุ่นสาวคนดังกล่าวว่า "แฟนหนูรู้มั้ย ว่าหนูเป็นโรคอะไร" เด็กตอบว่า "เขารู้ แต่เขาไม่กลัว"

          คุณหมอได้ฟังดังนั้น ก็ได้แต่คิดในใจว่า "เออหนอ ไม่รู้ว่ากล้าหาญเพราะรักจริง  หรือว่ามันเด็กจนไม่รู้จักกลัวอะไร"

          ถ้าคุณเป็นเธอ ที่ติดโรคจากแม่โดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ พอโตเป็นสาว อยากมีแฟนเหมือนคนอื่นคุณจะทำยังไง วัยรุ่นอายุเท่านี้ จะคิดถึงความรับผิดชอบต่อชีวิตคนอื่นได้หรือไม่? ในเมื่อเขาก็มีความต้องการทางร่างกาย จิตใจเหมือนคนอื่น ๆ

          อีกเคสล่าสุด เด็กสาวอายุ 15 มาคลอดลูก แต่ตรวจเลือดพบว่าเป็นผู้ติดเชื้อเอดส์ ซึ่งติดมาจากการมีเพศสัมพันธ์กับแฟนที่อายุมากกว่า แล้วในวันข้างหน้า อนาคตอีกหลายสิบปีของเด็กคนนี้ เด็กจะมีความยับยั้งชั่งใจพอหรือไม่ ที่จะไม่แพร่เชื้อสู่คนอื่นต่อไปอีก?

          ในเมื่อเราห้ามคนอื่นไม่ได้ ก็จงระวังตัวของท่านเองให้ดี ๆ ก็แล้วกัน


 


 



          สุดท้าย คุณหมอก็ได้ฝากข้อคิดเตือนใจไว้ว่า ไม่ได้ว่าผู้ติดเชื้อเหมารวมไปทั้งหมด แต่ก็เหมือนกับในสังคมทั่วไปที่มีทั้งคนดี และคนไม่ดี แต่เพียงอยากเตือนใจว่า ปัจจุบัน ที่โรงพยาบาลของรัฐทุกแห่งมียาต้านไวรัสจ่ายฟรี ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่จึงมีโอกาสรับยา น่าจะเกือบ 100% เลยทีเดียว เพราะตัดปัญหาค่าใช้จ่ายไปได้ แต่หากบางคนที่อาย ก็สามารถไปขอรับยาที่ต่างอำเภอที่ไกลจากบ้านตัวเองได้

          "ผู้ติดเชื้อ ถ้ารับยาสม่ำเสมอ ร่างกายเขาก็จะแข็งแรงดี เหมือนได้เริ่มชีวิตใหม่ และในที่สุด ก็จะอยากมีครอบครัวใหม่ อยากมีคนรัก อยากมีลูก เพราะลึก ๆ แล้ว เขาอาจจะเชื่อว่า เขาหายแล้วก็ได้ เหมือนเป็นแค่เบาหวาน ความดัน ที่กินยาทุกวันก็สบายดี แล้วคนไทย ไม่นิยมเจาะเลือดก่อนแต่งซะด้วย จะว่าไป เคสเหล่านี้ก็มักจะไม่ได้แต่งงานอะไรกันเป็นเรื่องเป็นราว มักเป็นคนที่ผ่านชีวิตคู่มาบ้างแล้ว และก็เริ่มมีคู่ใหม่อย่างง่าย ๆ ไม่มีพิธีรีตองอะไร"

          ก่อนจะแต่งงาน หรือมีเซ็กส์กับใคร ถ้ายังไม่มั่นใจ ให้สวมถุงยางเสมอ
 

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...