ตำนาน"วัดพนัญเชิง" เรื่องราวความรักที่น่าเศร้า

 

 » เสาร์ 18 ธ.ค. 2010 5:41 am




                  เรื่องเล่าตำนาน หรือพงศาวดาร มักมีคุณค่ากับคนรุ่นหลังเสมอ โดยตำนานหลายเรื่องมีความรักเข้าไปเกี่ยวข้องจนทำให้ผู้คนเกิดความเชื่อและ ซาบซึ้งตราตรึงใจ เช่นเดียวกับ ตำนานวัดพนัญเชิง จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ว่ากันว่า วัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ความรักอันน่าเศร้าของ พระเจ้าสายน้ำผึ้ง กษัตริย์ของไทย และพระนางสร้อยดอกหมาก จากแผ่นดินจีน

                 ทั้งนี้ตามตำนานวัดพนัญเชิง ในพงศาวดารเหนือ บอกไว้ว่า เมื่อครั้งก่อนที่พระเจ้าอู่ทองจะทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยา สยามประเทศในตอนนั้นไร้ซึ่งกษัตริย์ปกครองอยู่ระยะหนึ่ง เหล่าอำมาตย์ ข้าราชบริพาร และสมณชีพรามณ์ทั้งหลายจึงลงความเห็นว่า ต้องทำพิธีเสี่ยงเรือสุวรรณหงส์เอกชัย เพื่อเสาะหาผู้มีบุญวาสนามาเป็นพระเจ้าแผ่นดิน โดยให้เรือแล่นไปตามแม่น้ำ

               ครั้นเมื่อเรือมาถึงยังตำบลแห่งหนึ่งริมฝั่งแม่น้ำ มีกลุ่มเด็กเลี้ยงโคเล่นกันอยู่ เรือก็จอดสนิทนิ่งไม่ยอมเคลื่อนที่ แม้ว่าเหล่าฝีพายจะพยายามสักแค่ไหนก็ตาม เมื่อเหล่าอำมาตย์เห็นเช่นนั้น จึงเดินเข้าไปในกลุ่มเด็กเลี้ยงโคและพบกับเด็กชายคนหนึ่งท่าทางฉลาด พูดจาฉะฉาน หลักแหลม จึงคิดว่าเด็กผู้นี้คงเป็นผู้มีบุญญาธิการ จึงรับตัวมาเป็นพระเจ้าแผ่นดินปกครองประเทศ

               หลังได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ สยามประเทศแล้ว มีเหตุการณ์ครั้งหนึ่งที่สร้างความน่าอัศจรรย์ใจ และเป็นที่มาของพระนาม "พระเจ้าสายน้ำผึ้ง" เมื่อพระองค์ทรงโปรดให้ยกขบวนพยุหยาตราไปทางชลมารคพร้อมกับเหล่าเสนาบดี เมื่อเรือล่องมาถึงวัดปากคลอง ซึ่งเป็นเวลาน้ำขึ้น จึงตรัสสั่งให้จอดเรือพระที่นั่งอยู่หน้าวัด และทรงทอดพระเนตรเห็นรังผึ้งใต้ช่อฟ้าหน้าโบสถ์ พระองค์จึงดำริว่า...

               "จะขอนมัสการพระพุทธปฏิมากร ด้วยเดชะบุญญาภิสังขารของเรา เพื่อจะได้ครองไพร่ฟ้าอาณาประชาราษฎร์ ขอให้น้ำผึ้งหยดลงมากลั้วเอาเรือขึ้นไปประทับแทนกำแพงแก้วนั้นเถิด"

              เมื่อตรัสจบน้ำผึ้งก็หยดลงมากลั้วเอาเรือพระที่นั่งยกขึ้นไปถึงที่ทันที เป็นที่ประจักษ์ชัดแก่สายตาของเสนาบดีน้อยใหญ่ พระเจ้ากรุงไทยจึงเสด็จขึ้นไปนมัสการพระพุทธปฏิมากร เสร็จแล้วจึงเสด็จลงเรือพระที่นั่ง จากนั้นเรือพระที่นั่งก็ถอยลงมาตามเดิมได้เอง บรรดาภิกษุสงฆ์และเหล่าเสนาบดีจึงพากันถวายพระพรชัยและถวายพระนามพระเจ้ากรุงไทยว่า "พระเจ้าสายน้ำผึ้ง"

              ครั้นถึงเวลาน้ำลง พระเจ้าสายน้ำผึ้ง ก็รับสั่งให้เหล่าเสนาบดีกลับไปรักษาพระนคร ส่วนพระองค์จะเสด็จโดยเรือเพียงลำเดียว เพื่อเดินทางไปตามสถานที่ต่าง ๆ และด้วยกุศลที่สร้างมาแต่ปางหลัง จึงทำให้การเดินทางเป็นไปด้วยความเรียบร้อยปลอดภัยจนกระทั่งถึงกรุงจีน เมื่อชาวจีนเห็นว่าว่าทรงเดินทางเพียงพระองค์เดียวท่ามกลางทะเลใหญ่ แต่ยังสามารถรอดชีวิตมาได้นั้นเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก จึงนำความขึ้นทูลว่าพระเจ้าแผ่นดินจีนว่า พระเจ้าแผ่นดินไทยองค์นี้มีบุญญาธิการมาก

             ด้านพระเจ้ากรุงจีน เมื่อได้ฟังดังนั้น จึงอยากทดสอบว่าพระเจ้าสายน้ำผึ้งจะมีบุญญาธิการจริงหรือไม่ โดยรับสั่งให้เสนาบดีไปทูลเชิญพระเจ้าสายน้ำผึ้งประทับที่อ่าวนาค ซึ่งเป็นที่ที่มีอันตรายมาก และให้ทหารไปสอดแนมดูว่าเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้นหรือไม่ แต่ผลปรากฎว่านอกจากจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ยังมีเสียงดุริยางค์ดนตรีเป็นที่ครึกครื้น เมื่อความทราบถึงพระเจ้ากรุงจีน พระองค์จึงมีรับสั่งให้จัดขบวนแห่ออกไปรับพระเจ้าสายน้ำผึ้งเข้ามาภายในพระราชวัง พร้อมทั้งให้ราชาภิเษกกับพระนางสร้อยดอกหมาก ธิดาบุญธรรมของพระองค์ ขึ้นเป็นพระมเหสีของพระเจ้าสายน้ำผึ้งด้วย

                ระหว่างการเดินทางกลับเมืองสยาม ในขณะที่ใกล้ถึงพระราชวัง พระเจ้าสายน้ำผึ้ง มีรับสั่งให้พระนางสร้อยดอกหมากคอยพระองค์อยู่ในเรือ เนื่องจากพระองค์ต้องการเสด็จเข้าพระราชวังก่อนเพื่อจัดเตรียมขบวนเกียรติยศ ออกมาต้อนรับ ทว่าเมื่อขบวนเกียรติยศมาถึงพระเจ้าสายน้ำผึ้ง กลับไม่ได้เสด็จมาด้วยพระองค์เอง พระนางสร้อยดอกหมากจึงไม่ยอมเสด็จขึ้นจากเรือ พร้อมกล่าวว่า...

                "มาด้วยพระองค์ก็โดยยาก เมื่อมาถึงพระราชวังแล้ว เป็นไฉนพระองค์จึงไม่มารับ ถ้าพระองค์ไม่เสด็จมารับก็จะไม่ไป" เมื่อเสนาบดีนำความไปกราบทูล พระเจ้าสายน้ำผึ้ง คิดว่าพระนางหยอกเล่น จึงกล่าวเล่น ๆ ว่า "เมื่อมาถึงแล้วจะอยู่ที่นั่นก็ตามใจเถิด"

                เมื่อพระนางสร้อยดอกหมาก ทราบว่าพระเจ้าสายน้ำผึ้งตรัสเช่นนั้น ก็รู้สึกน้อยพระทัยยิ่งนัก ครั้นรุ่งเช้าพระเจ้าสายน้ำผึ้งก็เสด็จมารับด้วยพระองค์เอง พระนางสร้อยดอกหมากจึงตัดพ้อต่อว่าพระองค์ พระเจ้าสายน้ำผึ้ง จึงงตรัสสัพยอกอีกว่า "เอาล่ะ เมื่อไม่อยากขึ้นก็จงอยู่ที่นี่เถิด" เมื่อได้ฟังดังนั้น ด้วยความน้อยพระทัย พระนางสร้อยดอกหมากจึงกลั้นพระทัยตายทันที ทำให้พระเจ้าสายน้ำผึ้งทรงเสียพระทัยเป็นอย่างมาก

                 ด้วยเหตุนี้ พระเจ้าสายน้ำผึ้ง จึงโปรดเกล้าให้อัญเชิญพระศพของพระนางสร้อยดอกหมากขึ้นมาพระราชทานเพลิงพระศพ ท่ามกลางความอาลัยรักของประชาชนชาวจีนและชาวไทย และทรงให้สร้างวัดขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงพระนางสร้อยดอกหมาก โดยตั้งชื่อวัดนี้ว่า "วัดพระนางเชิญ" หรือ "วัดพนัญเชิง" (ในปัจจุบัน) แต่นั้นมา

                สำหรับวัดพนัญเชิง ปัจจุบัน เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่ตำบลคลองสวนพลู อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
Credit: http://www.baanpud.net http://webboard.sanook.com
12 ม.ค. 54 เวลา 16:42 3,150 7 100
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...