?
???????รถสปอร์ตต้นแบบทรงล้ำสมัยของค่ายลัมบอร์กินีที่เปิดตัวในงานปารีส มอเตอร์โชว์ 2010 เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กลายเป็นอีกประเด็นฮ็อตในโลกซูเปอร์คาร์อีกครั้ง เมื่อมีข่าวระบุว่าค่ายกระทิงเปลี่ยวเปิดไฟเขียวให้ Sesto Elemento กลายเป็นจริงที่ลูกค้า (ที่มีเงินหนา) สามารรถสัมผัสกันได้ เพราะจะมีการผลิตออกมาขายในแบบจำนวนจำกัดในปี 2012
?
???????Sesto Elemento หรือที่แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า Sixth Elemento หรือธาตุที่ 6 (ซึ่งบางกระแสระบุว่าเป็นความเกี่ยวกันกับคาร์บอนซึ่งเป็นธาตุลำดับที่ 6 ในตารางธาตุ) ได้รับการพัฒนาและสร้างสรรค์ขึ้นจากเทคโนโลยีทางด้านยานยนต์ชั้นสูง โดยเฉพาะในเรื่องของการนำคาร์บอนไฟเบอร์มาใช้ในการผลิตโครงสร้างตัวถัง ชิ้นส่วนตัวถัง เพลาขับ และขิ้นส่วนของระบบช่วงล่าง จนทำให้ตัวรถมีน้ำหนักที่เบามากเมื่อเปรียบเทียบกับขนาดตัวซึ่งมีไซส์ใกล้เคียงกับสปอร์ตขนาดกลางอย่างกัลญาร์โด้ โดยมีน้ำหนักอยู่ที่ 999 กิโลกรัม หรือ 2,202 ปอนด์เท่านั้นเอง
?
???????สำหรับเทคโนโลยีคาร์บอนไฟเบอร์นั้น ทางลัมบอร์กินีให้ความสนใจอย่างมากถึงกับลงทุนสร้างศูนย์วิจัย และพัฒนาขึ้นมาทั้งในบ้านตัวเองที่โบโลญญ่า และศูนย์ R&D ที่ร่วมมือกับทางมหาวิทยาลัยในซีแอตเทิล ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อพัฒนาให้คาร์บอนไฟเบอร์ประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถนำมาใช้งานในเชิงพาณิชย์ได้ในราคาที่ถูกลง
???????
???????ที่สำคัญคือ ทำให้ผู้ผลิตรถสปอร์ตสามารถปรับตัวให้เข้ากับข้อบังคับทางด้านมลพิษที่เข้มงวดขึ้นได้ เพราะรถสปอร์ตที่มีน้ำหนักเบาจะช่วยเพิ่มความประหยัดน้ำมัน และลดการคายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสีย
?
???????การนำคาร์บอนไฟเบอร์มาใช้ในการผลิตโครงสร้างตัวถังไม่ใช่เพิ่งจะเกิดขึ้นกับรถสปอร์ตของลัมบอร์กินี โดยเมื่อย้อนกลับไปในปี 1983 คูนทัชต้นแบบที่เปิดตัวออกมาก็ใช้คาร์บอนไฟเบอร์ในการผลิตตัวถัง ซึ่งก็รวมถึงคันจริงที่เริ่มขายเมื่อปี 1985 ส่วนสปอร์ตรุ่นปัจจุบันอย่างเมอร์ซิเอลาโก้ และกัลญาร์โด้ก็มีการนำวัสดุประเภทนี้มาใช้ในการผลิตชิ้นส่วนของตัวรถด้วยเช่นกัน
?
???????รูปทรงของตัวรถอาจจะดูแล้วล้ำสมัย แต่ก็แสดงให้เห็นถึงฝีมือในการนำคาร์บอนไฟเบอร์แบบ CFRP มาสร้างสรรค์ในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะชิ้นส่วนที่เน้นสันเหลี่ยมรอบคัน ขณะที่ภายในเน้นความดิบอย่างแท้จริง และชวนให้นึกถึงห้องโดยสารของสปอร์ตไซส์เล็กอย่างโลตัส อีลิสที่แทบไม่มีชิ้นส่วนของแผงหน้าปัดมากมาย
???????
???????ในด้านสมรรถนะของการขับเคลื่อนมาจากเครื่องยนต์เบนซินวี10 ที่มีความจุ 5,200 ซีซีของกัลญาร์โด้ มีกำลังขับเคลื่อน 570 แรงม้า ที่ 8,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 55.0 กก.-ม. ที่ 5,600 รอบ/นาที และเมื่อดูในแง่แรงม้าต่อน้ำหนักแล้ว ม้า 1 ตัวของ Sesto Elemento ต้องรับภาระเพียงแค่ 1.75 กิโลกรัมเท่านั้น ดังนั้นในเรื่องของสมรรถนะ...เร้าใจแน่นอน กับอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 2.5 วินาทีเท่านั้น และความเร็วปลายเกิน 300 กิโลเมตร/ชั่วโมงภายใต้รูปแบบของการขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา
?
???????ว่ากันว่าโปรเจ็กต์นี้จะมีการผลิตออกขายแบบจำกัด และเพียงแค่ 10 คันเท่านั้น ใครที่สนใจเตรียมเงินกันเอาไว้ให้ดี เพราะค่าตัวไม่น่าจะธรรมดา ซึ่งแว่วออกมาว่าไม่น่าจะต่ำกว่า 2.5 ล้านยูโร หรือคิดเป็นเงินไทยแบบไม่รวมภาษีแล้วก็ประมาณ 107 ล้านบาท
?
?