ผู้หญิงที่ไขมันสะสมรอบเอวมีแนวโน้มมากขึ้นที่จะเป็นมะเร็งเต้านม ลำไส้ ตับอ่อน และมดลูก

       เอเจนซี - คนส่วนใหญ่คิดว่าผู้ชายปล่อยตัวปล่อยพุงมากกว่า แต่ความจริงก็คือ ผู้หญิงมีแนวโน้มมากกว่าที่จะมีห่วงยางรอบเอว และผู้หญิงเกือบครึ่งมีความเสี่ยงมะเร็งเพิ่มขึ้นจากเอวขนาดเท่ากะละมัง
       
       ในอังกฤษ มีผู้หญิง44% ที่เอวใหญ่และเกี่ยวพันกับมะเร็งชนิดต่างๆ และโรคอื่นๆ เทียบกับผู้ชายเอวหนา 32%
       
       ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าขนาดรอบเอวที่ปลอดภัยในแง่สุขภาพสำหรับผู้หญิง คือต่ำกว่า 31.5 นิ้ว และต่ำกว่า 37 นิ้วสำหรับผู้ชายผิวขาวและผิวดำ และต่ำกว่า 35 นิ้วสำหรับหนุ่มเอเชีย
       
       โฆษกของเวิลด์ เซนเตอร์ รีเสิร์ช ฟันด์ (ดับเบิลยูซีอาร์เอฟ) เรียกร้องให้ทั้งหญิง-ชายคิดถึงการลดน้ำหนักหากน้ำหนักเกินหรือเอวหนา
       
       ในสหราชอาณาจักร ผู้ชาย 29% และผู้หญิง 26% ‘ลงพุง’ ซึ่งหมายความว่ามีไขมันส่วนเกินที่เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งประเภทต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งเต้านม ลำไส้ ตับอ่อน และมดลูก
       
       เอวหนายังเพิ่มความเสี่ยงโรคเบาหวานประเภท 2 และโรคหัวใจ
       
       ดร.ราเชล ธอมป์สัน รองผู้อำนวยการแผนกวิทยาศาสตร์ของดับเบิลยูซีอาร์เอฟ ระบุว่าคนเราควรวัดรอบเอวและดัชนีมวลร่างกาย หรือสัดส่วนความสูงและน้ำหนักเป็นประจำ เพื่อตรวจสอบว่ามีความเสี่ยงหรือไม่
       
       “เราชอบคิดกันว่าผู้ชายมีแนวโน้มลงพุงมากกว่า แต่สถิติเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าผู้หญิงในอังกฤษมีแนวโน้มรอบเอวขยายมากกว่า จึงจำเป็นที่จะบอกให้ผู้หญิงรับรู้ความเสี่ยง
       
       “แต่จริงๆ แล้วเราต้องกระตุ้นเตือนทั้งชายและหญิงว่าภาวะน้ำหนักเกินและรอบเอวขนาดใหญ่ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็ง
       
       “ถ้าคุณพบว่ารอบเอวใหญ่เกินไปหรือน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน คุณควรใช้วิธีการต่างๆ เพื่อลดน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพ
       
       ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีหลักฐานชัดเจนขึ้นว่าไขมันส่วนเกินในร่างกาย โดยเฉพาะรอบเอว คือปัจจัยเสี่ยงของมะเร็ง”
       
       ดร.เดวิด แฮสแลม ผู้อำนวยการฝ่ายคลินิกของเนชันแนล โอเบสิตี้ ฟอรัม สำทับว่า “เรารู้ว่าไขมันรอบเอวเป็นมาตรวัดสำคัญในการทำนายความเสี่ยงโรคหัวใจและเบา หวาน แต่เราอยากกระตุ้นให้แพทย์ยื่นสายวัดให้คนไข้วัดรอบเอวตัวเองเพื่อเตือนความ เสี่ยง”