องค์กรด้านพลังงานลมและกรีนพีซระบุในรายงานฉบับใหม่ว่าอีก 20 ปี พลังงานลมจะใช้ผลิตไฟฟ้าได้ 1 ใน 5 ของความต้องการไฟฟ้าทั่วโลก
สตีฟ ซอว์เยอร์ เลขาธิการโกลบอล วินด์ เยเนอจี เคาน์ซิล องค์กรด้านพลังงานลมระดับโลกบอกว่า ในปี 2552 ความต้องการพลังงานลมเพิ่มขึ้นร้อยละ 41.7 ซึ่งมากกว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 28.6 ตลอด 13 ปีที่ผ่านมา มีจีนเป็นอันดับสองของโลกในด้านกำลังการผลิตและเป็นอันดับหนึ่งในด้านผู้บริโภคเทคโนโลยีพลังงานลม เขาบอกว่าจีนอาจเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในโลกเรื่องพลังงานลมภายในสิ้นปีนี้
รายงานยังคาดว่ากังหันผลิตพลังงานลมที่ติดตั้งอยู่ทั่วโลกจะผลิตไฟฟ้ารวมกันได้ 2,600 เทราวัตต์ภายในปี 2563 หรือเท่ากับร้อยละ 11.5-12.3 ของความต้องการทั้งหมด และภายในปี 2573 พลังงานลมจะผลิตได้ถึง 5,400 เทราวัตต์ หรือเท่ากับร้อยละ 18.8 - 21.8 ของพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้ทั้งหมด รายงานยังระบุว่าการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จะลดลง 1,600 ล้านตันต่อปี และจะลดลงกว่า 3,300 ล้านตันในอีก 20 ปี
ซอว์เยอร์ยังบอกว่าจีนกำลังแสดงความเป็นผู้นำด้านพลังงานทางเลือกแซงหน้าสหรัฐอเมริกาไปแล้ว ในแง่ที่มีกรอบนโยบายที่ชัดเจนและเอื้อหนุน รวมทั้งยังมีการสนับสนุนจากรัฐบาลที่เด่นชัดเพื่อพัฒนาให้เป็นอุตสาหกรรมภายในประเทศ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่เคยมีในสหรัฐอเมริกา
Credit:
ThelastKGB