เว็บไซท์หนังสือพิมพ์ เดลี่ เมล ได้เผยแพร่ภาพที่แสดงให้เห็นระบบยุติธรรมที่เด็ดขาดของเยเมนจากการที่ชายคนหนึ่งที่ถูกกล่าวหาว่า ข่มขืนและฆ่าเด็กชายวัย 11 ปี ได้ถูกนำตัวแห่ประจานไปทั่วบ้านเกิดของเขา ก่อนจะถูกเพชรฆาตประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าต่อหน้าฝูงชน
รายงานระบุว่า ฝูงชนหลายร้อยคนที่เรียงรายกันอยู่ตามถนน ต่างส่งเสียงร้องตะโกนประนามเยห์ยา ฮุสเซน อัล-รักห์วาห์ ผู้ต้องหาในคดีนี้ ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากเด็กชายเคราะห์ร้าย ที่มีชื่อว่าฮัมดี้ อัล-คาบาส ไปตัดผมที่ร้านของเขา เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ในระหว่างการสิ้นสุดเทศกาลถือศีลอด หรือ อิดิล ฟิตรี ซึ่งหลังจากทำร้ายเด็กชายอย่างโหดเหี้ยมแล้ว เขายังจัดการแยกชิ้นส่วนศพและเอาไปทิ้งนอกกรุงซาน่าอีกด้วย อีกหนึ่งเดือนต่อมา ศาลได้ตัดสินประหารชีวิตเขา หลังจากเขายอมรับสารภาพ
ภาพช่วงนาทีท้าย ๆ ของฆาตกรได้ถูกเผยแพร่ หลังจากเขาถูกประหารชีวิตเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม โดยตอนแรกเขาได้ถูกนำตัวออกจากเรือนจำกลาง ในสภาพสวมกุญแจมือ และสวมเสื้อคลุมยาวสีขาว สีหน้าแสดงความหวาดกลัว มีทหารล้อมรอบขณะเดินผ่านฝูงชน เมื่อก้าวขึ้นไปบนพรมสีแดง เขาได้รับอนุญาตให้สวดภาวนาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะถูกจับนอนคว่ำหน้าและถูกฉีกเสื้อด้านหลัง
ในขณะที่ตำรวจอ่านคำตัดสินโทษของเขาเป็นครั้งสุดท้าย และแพทย์ได้เข้ามาตรวจสอบเป็นครั้งสุดท้าย ท่ามกลางฝูงชนที่ส่งเสียงเชียร์ และมีบางคนใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกภาพเอาไว้ด้วย จากนั้นทหารที่รับหน้าที่เพชรฆาต ได้ใช้ปืนกลระดมยิงที่เข้าต้นคอของนักโทษ ทำให้ตัวเลขของนักโทษที่ถูกประหารชีวิตในเยเมนปีนี้ เพิ่มเป็น 9 คน
เยเมนเป็น 1 ใน 59 ประเทศ ที่ยังคงใช้โทษประหารชีวิต และใช้ทั้งกับคดีอาชญากรรมที่รุนแรงและไม่รุนแรง เช่น การคบชู้และการเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอื่น เมื่อปีที่แล้ว มีนักโทษถูกประหารชีวิต 13 คน แต่ตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการอาจสูงกว่านี้ ทั้งหมดเสียชีวิตจากการถูกยิงเป้า
แต่มีรายงานด้วยว่า ยังมีการประหารชีวิตด้วยการขว้างปาด้วยก้อนหินและการตัดศีรษะอยู่ด้วย ภายใต้กฎหมาย ชาเรีย หรือกฎหมายอิสลามที่เคร่งครัด ญาติของเหยื่อที่ถูกฆาตกรรมมีอำนาจในการให้ละเว้นโทษผู้กระทำผิด เพื่อแลกเปลี่ยนกับค่าเสียหายก็ได้