ประวัติสมาชิก 9 หน้ากากผีบ้า Slipknot

 Iowa ซึ่งคนส่วนใหญ่รู้จักกันในนาม "แปลกแยกไม่มีใครเสมือน." รัฐแห่งการเกษตรกรรม ซึ่งตั้งแต่ที่ Rock ’n Roll จรัสแสงในช่วงยุค50’s รัฐนี้ก็ไม่มีนักดนตรีระดับพระกาฬโผล่ขึ้นมาในสารบบดนตรี การให้ฉายาแก่นักดนตรีจากชื่อรัฐไม่เป็นที่ถกเถียงว่าเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างไรก็ตามเก้ามนุษย์หน้ากากจาก Des Moines ก็เข้าไปประดับในวงการดนตรีกับหน้ากากที่ทำขึ้นเองและการรุกเร้ารีบร้อนผสมผสานแนวดนตรีกับการสำรอกอันรุนแรงในแนว L.A. neo metal, hiphop, และ Downtuned screeching horror ล้วนแล้วแต่อยู่เหนือความคาดหมายเช่นเดียวกับแนวของเรื่อง Clock work Orange (นวนิยายแนววิทยาศาสตร์ ที่นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ เป็นเนื้อหาที่เด็กวัยสิบห้าปีทำสิ่งที่ทารุณโหดเหี้ยม ขอไม่พูดลงลึกถึงรายละเอียด) 


          คุณเคยคิดถึงเกี่ยวกับวงดนตรีฮาร์คอร์เมทั่ลที่หนักหน่วงผนวกซาวด์อันรกหูที่มีกำเนิดมาจาก "the middle of nowhere" กันบ้างไหมว่าจะมีซาวด์เช่นไร? “ความรุนแรงอันบ้าคลั่ง” เพิ่งจะเริ่มต้นเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเท่านั้น


          0,1,2,3,4,5,6,7, และ 8 คือเลขประจำตัวของเหล่ายอดมนุษย์ เอ๊ย! มนุษย์หน้ากาก (ชื่อจริงในภาคของมนุษย์ปุถุชนทั่วไปเรียงตามหมายเลขคือดังนี้ ดีเจประจำวง ซิด วิลสัน, โคตรมือกลองร่างลูกหมา โจอี้ จอร์ดิสัน, จอมเกเรพอล เกรย์ในตำแหน่งมือเบส, เพอร์คัสชั่นจมูกยาวคริส เฟน, มือกีตาร์ร่างโย่งเจมส์ รู้ท, แซมเพลอร์เคลก โจนส์, ตัวตลกจอมบงการชอว์น คลาฮาน, มือกีต้าร์หมีควายมิก ทอมสัน, และคอรี่ เทย์เลอร์รับบทแผดเสียงคำรามตามลำดับ) 


          แต่ละคนมิเพียงแค่มาพร้อมกับภาพลักษณ์ และตัวเลขที่น่าสยองพองเกล้าขนหัวลุกเป็นที่สุดแล้ว แต่มาพร้อมกับพรสวรรค์อันอุกอาจในการกระทำชำเราบรรเลงบรรลัยเครื่องดนตรีของแต่ละคนผสมผสาน และขัดแย้งในภาคดนตรีของเก้ามนุษย์หน้ากาก ผู้ซึ่งถูกกล่าวขานว่าเป็นพระเจ้าและผู้ทำลายล้างของวงการโมเดิร์น เฮฟวี่ นี่คือ Slipknot และตอนนี้ด้วยอุปกรณ์และพรสวรรค์ที่พวกเขามีนั้น ณ เวลานี้โลกเราไม่มีทางเลือกใดๆแล้วเพราะการมาถึงของโคตรวงจากนรก Slipknot และคุณต้องตัดสินใจแล้วว่าจะรับมือกับมันอย่างไร


          ฟอร์มวงกันในตอนครึ่งหลังปี1995 ทางวงได้ผ่านพ้นความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงสมาชิกดั้งเดิมและนี่ก็เป็นการมาถึง ซึ่งพวกเขาได้อธิบายไว้ว่าเป็น “กลุ่มครอบครัว” ทุกๆคนเป็นชาว Iowans ขนานแท้ ด้วยความที่ไม่ยะโสอวดดีและสถานที่ที่ลงตัวของพวกเขานั้น ทำให้ทางวงมีระยะห่างเรื่องเวลาเต็มที่ในการแก้ไขจุดผิดพลาดของความหนักกะโหลกป่วนโสตประสาทให้แจ่มแจ๋วและหนักแน่นยิ่งขึ้น ทางวงบันทึกเสียงและเผยแพร่อัลบั้มใต้ดินชุดแรกออกมาให้ผืนภิภพสะเทือนที่ชื่อ Mate Feed Kill Repeat 


          ในปี 1996 ในจำนวนจำกัด 1000 ชุดและชื่อเสียงของพวกเขาก็เสมือนกับลูกบอลที่ยิ่งหมุนยิ่งแรงไม่เคยหยุด ตั้งแต่ที่ดึงดูดความสนใจค่ายเพลงต่างๆ แต่สุดท้ายแล้ว Slipknot ได้ตัดสินใจเซ็นสัญญากับค่าย Roadrunner ค่ายเพลง IAM RECORDSของโปรดิวเซอร์ผู้โด่งดัง รอส โรบินสัน ในปี 1997 และเดินทางไปบันทึกเสียงอัลบั้มบนดินชุดแรกที่ใช้ชื่อเดียวกับวง Slipknot ที่ Indigo Ranch สตูดิโอใน L.A. กับโรบินสัน จากการระรัวเร็วรวดในบทเพลง Sic และ unforgiving bludgeon (ผู้แปลตึ๊บเลย) ของเพลง Surfacing ไปสู่ท่วงทำนองในแบบของ Sublime 


          ในเพลง Wait and Bleed และจังหวะขับเคลื่อนมนต์สะกดในเพลง Prosthetics บทสรุปสุดท้ายก็คือ 13 บทเพลงที่กอปรด้วยตัวอักษรแห่งความรักและความเกลียดชังไปสู่โลกภายนอก การทัวร์ที่จะบังเกิดตามมาได้รับการให้คำมั่นสัญญาว่า "จะไม่เหมือนเยี่ยงใครหน้าไหน จงเชื่อในสิ่งที่จะได้เห็น." ชอว์น กล่าวเช่นนั้น และนั่นคือคำชี้แจงโต้งๆถึงสิ่งที่จะมีปรากฏบนเวที


          จนกระทั่งคุณได้สดับสรรพเสียงที่พวกเขาสร้างขึ้น แม้อาจจะดูไร้สาระที่มีสมาชิกอยู่ในวงถึงเก้าหน่อ แต่หัวหน้าคณะอย่างชอว์นก็อ้างว่า มันไม่มีทางอื่นแล้วนี่หว่าพวก “เมื่อ3ปีก่อนน่ะพวกเราต้องดูแลเรื่องตารางการฝึกฝนอย่างเข้มงวด ทุกคนต้องตรงต่อเวลาและต้องอยู่ที่นั่นตลอด และพวกเราก็ต้องซ้อมกันเป็นหมู่คณะ
เพลงของพวกเรามันขึ้นอยู่กับทุกคน คือถ้าขาดใครซักคนหรือแม้แต่ DJ ก็ตาม เพลงๆนั้นก็คงไม่ใช่เพลงของเราเพราะหากไม่มีใครคนใดคนหนึ่งมันก็เหมือนกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ในตัวเพลงหายไปมันหายไปจริงๆทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเสนอข้อคิดเห็น แม้แค่เพียงจุดเล็กๆที่จะเพิ่มมนต์ดำลงไปในตัวเพลง”


          แม้ว่าจะมีภาพลักษณ์อันโดดเด่นในฐานะศิลปินแต่ทางวงก็ไม่เคยที่จะให้ภาพลักษณ์นั้นโดดเด่นกว่าตัวบทเพลง “พวกเราไม่เคยสวมชุดเหียกๆนี่แล้วพยายามทำให้คนเข้าหาหรอกเว้ย” มือกลองร่างลูกหมากล่าว เราทำไปก็เพราะ หลังจากถูกเหยียดหยามอย่างไม่ลดละ สำหรับการพยายามที่จะเล่นดนตรีหรือทำอะไรก็ตามใน Des Moines ไม่มีใครให้ฟักคุณหรอก ไม่มีใครมาใส่ใจอะไรทั้งนั้น ดังนั้นเราจึงไม่ไปใส่ใจกับชื่อหรือว่าหน้าตาของพวกเราหรอก เราใส่ใจเฉพาะตัวดนตรีและเพลงของเรา ดนตรีและเสียงเพลงคือสิ่งสำคัญที่สุด แม้ว่าเราจะมีชุดหมีใหญ่กับหน้ากาก และเหตุผลบางประการที่เจ๋งจั๋งหนับที่เราต้องใส่มันต่อๆไป ก็เพราะว่ามันได้กลายเป็นโลโก้ของเราไปแล้วเว้ย”


          และตอนนี้หน้ากากนั้นเป็นเครื่องหมายการค้าของพวกเขาทั้งเก้าไปเสียแล้ว และมันคงยากแสนเข็ญที่จะให้พวกเขาปราศจากมันไป ชอว์นกล่าวว่า “หน้ากากคือมีส่วนช่วยเพิ่มลักษณะเฉพาะตัวของพวกเรา ทุกๆคนแยกแยะการกระทำกับความบ้าคลั่งออกจากกัน และพวกเราก็คอยปรับเปลี่ยนหน้ากากของพวกเราอยู่ตลอดเวลา มันเป็นอะไรที่สุดยอดรื่นเริงบรรเทิงจิตในเวลาที่เราใส่หน้ากากเป็นชั่วโมงๆ แล้วถอดมันออกหลังจากนั้น คุณเอ๊ย สิ่งแรกที่พวกเราจะสบถออกมาคือ “พระเจ้า…แ***ผ่อนคลายฉิบ!” แต่ก็นะ พวกเราก็จะสวมมันกลับแล้วเดินไปรอบๆหลังจากการแสดงสิ้นสุดลง“ และการนำเสนอภาพลักษณ์แสงสีและเวทีก็เปลี่ยนแปลงด้วยตลอดเวลามีเพียงสิ่งเดียวที่คงเดิม


          นั่นคือดนตรีของพวกเขา “อั๊วคิดว่าสิ่งต่างๆ ใน Slipknot จะเปลี่ยนแปลงไปเสมอเพราะเราเติบโตขึ้นในทุกปี กับสิ่งที่คุณเปลี่ยนแปลงไปและบางสิ่งที่ Slipknot นั้นก้าวเดินเพื่อทำมันตลอดเวลา” มาดูเกี่ยวกับตัวเลขที่พวกเขาแปะไว้บนแขนเสื้อชุดหมีใหญ่กัน ตัวเลขเหล่านี้เป็นเลขแห่งความโชคดีของพวกเขา และมีความหมายความสำคัญกับแต่ละคนอย่างมากด้วย เมื่อพวกเขาเลือกมันแล้ว “ทุกๆ คนก็จะตกอยู่ในห้วงแห่งตัวเลข” ชอว์นกล่าว “มันไม่มีใครซักคนมานั่งเถียงกันเรื่องตัวเลขหรอกเพราะมันประสาทเกินว่ะ”


          ต้องขอบคุณ รอส โรบินสัน ผู้ล่ำสันที่คอยดูแลอยู่เบื้องหลังในงานของ Slipknot, มุมองของทางวง ประสบความสำเร็จ ชอว์นรู้สึกว่าโรบินสันนี่แหล่ะคือแรงกระตุ้นและผลักดันอันเยี่ยมยอดในการทำอัลบั้มของวงให้สำเร็จ “พวกเรามันวงโคตรของโคตรวงสุดโฉดและมันก็ยากมากๆ ที่หาใครซักคนที่กล้าจะย่างก้าวเข้ามาสู่อาณาจักรสุดป่าเถื่อนในเวลาที่เราเล่นกันเป็นหมู่คณะ” และ รอสก็พาเราไปสู่ห้องอัดเสียงและก็ตั้งเป้าหมายทะลุกลางปล้องขึ้นมา ตัวเขาเองก็ทำตามเป้าหมายนั้น เขาตื่นไปที่ห้องอัดเสียงตั้งใจทำงานทุกวันจนประสบผลสำเร็จ ดังนั้นเขาคือคนที่ทำให้อัลบั้มของเราเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา 


          เมื่อค่าย Reps และ Robinson เดินทางมาชมความสุดยอดในการแสดงสดของวงที่ Des Moines หลังจบโชว์สมาชิกแต่ละคนเลือกที่จะมุ่งไปยังคลับเปลื้องผ้าในเมืองมากกว่าจะเอนเตอร์เทนผู้ชม ภายหลังจากที่เจ้าบ้านกล่าวทักทายแขกเสร็จทางวงก็ถูกเผาจนเกรียม และตอนนี้ก็ไม่มีใครในวงต้องการจะย่างก้าวเข้าไปในคลับเปลื้องผ้านั้นอีกเลย “ไอ้คลับโป๊เฮงซวยเอ้ย! มันบัดซบมากที่จะพาใครไปที่คลับกระจอกๆอย่างนั้น เรามีอย่างอื่นที่ต้องทำมากกว่าเว้ย” ความ “เหียก” ก็บรรจุในกล่องเล็กๆโก้เก๋นามว่า Slipknot เสียงอันไม่ลงรอยกันของ “ความแปลกแยกไม่มีใครเสมอเหมือน” ภูมิประเทศที่ Slipknot อาจจะเป็นได้ทั้งตัวตลกหรือจอมราชัณย์ในสายตาของทุกคน

#slipknot
kokolink0724
ตัวประกอบ
22 ธ.ค. 53 เวลา 07:32 5,580 2 50
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...