หึงจะมองโลกผ่านเลนส์บิดเบี้ยวผิดรูป คือมองเห็นอันตรายในที่ๆไม่มีอะไรเลย
ทุกคนย่อมมีอารมณ์หึงหวงจี๊ดขึ้นมาเป็นธรรมดาถ้าเห็นหนุ่มคู่ใจไปทำก้อร่อก้อติกกับสาวอื่นในงานปาร์ตี้ แต่สำหรับคนที่มีนิสัยขี้หึงนั้นมักเกิดจากปมในอดีต เช่น พ่อหรือแม่มีชู้ หรือกลับบ้านมาเจอคนรักกำลังนัวเนียกับเพื่อนบ้านอยู่บนเตียง แน่นอนว่าประสบการณ์แย่ๆแบบนี้ย่อมกลายเป็นปมที่จำฝังใจ
นอกจากจะสร้างทัศนคติเชิงถากถางเกี่ยวกับความสัมพันธ์แล้ว ยังทำให้เราใช้ปมพวกนี้มาตัดสิน เช่น ถ้ามีแฟนเป็นผู้ชายเจ้าชู้จีบสาวดะไม่เลือกหน้า เราก็จะคิดเหมาเลยว่า ผู้ชายทุกคนจะนอนกับผู้หญิงไปทั่วถ้ามีโอกาสแม้เพียงนิดเดียว สำหรับผู้ชายบางคนอาจเป็นเช่นนั้นจริง แต่ผู้ชายดีๆที่ไม่มั่วซั่วก็ยังพอมีเหลืออยู่โลกใบนี้
คน ซึ่งอาการแบบนี้ต้องปรับปรุงความเชื่อมั่นในตัวเองโดยด่วน เพราะถ้าอยากมีความสุขกับคนรักปัจจุบันก็ต้องพยายามคิดให้ได้ว่า เขาจะไปต้องการคนอื่นทำไมในเมื่อมีฉันอยู่แล้วทั้งคน อัตตาเต็มเปี่ยมแบบนี้คือปราการป้องกันอาการขี้หึงได้ชะงัดนัก
ทุกคนย่อมมีอารมณ์หึงหวงบ้างเป็นครั้งคราว แต่คนที่ไม่ไว้ใจผู้อื่นแบบสุดๆ จะมีอาการหึงหวงกับทุกคนที่ตัวเองออกเดทหรือมีความสัมพันธ์ด้วย และสาเหตุที่หึงจนหน้ามืดขนาดนั้นก็เพราะ
ความไม่มั่นคง
ความหึงหวงและความไม่ไว้ใจมักมีบ่อเกิดมาจากความไม่มั่นคง เรื่องนี้เป็นเหตุเป็นผลกัน คนที่อยู่ในอารมณ์หึงหวงและไม่มั่นคงจะแสดงออกได้ 2 ทางคือ เกิดอาการจิตตกคิดเอาเองเป็นตุเป็นตะว่า คนรักของตัวเองกำลังจะหอบผ้าหนีไปกับภารโรงที่ออฟฟิศวัย 80 หรือไม่ก็ทำตัวแย่ๆเหมือนอันธพาลคอยหาเรื่อง ถ้ารู้สึกว่าตัวเองอาการไม่ดี ภายในใจมันปั่นป่วนเหลือเกิน วิธีที่ดีที่สุดคือทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นด้วยการพยายามควบคุมทุกอย่างและทุกคนที่อยู่รอบตัว ลองเล่นบทใจแข็งด้วยการปล่อยวางทุกครั้งที่รู้สึกหึงหวงหวานใจ วิธีนี้จะทำให้เข้มแข็งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นถ้าทำใจแข็งเมินเฉยไม่สนใจใยดีนานเท่าไร อีกฝ่ายจะกลายเป็นคนที่รู้สึกไม่มั่นคงขึ้นมาบ้าง ไปๆมาๆก็จะไม่กล้าทิ้งเราไปไหนเลย
วัยเด็ก
ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าลูกคนกลางมักเป็นคนขี้อิจฉา อาจเป็นเพราะลูกคนกลางมักรู้สึกว่าถูกทอดทิ้งและมองข้าม นอกจากนั้นถ้าในอดีตพ่อหรือแม่มีชู้ ก็อาจเป็นปมให้เรานึกสงสัยคนรักของตัวเองเช่นกัน เราอาจใช้ความสัมพันธ์ของพ่อแม่ที่เราเคยเห็นมาตัดสินความสัมพันธ์ของตัวเองด้วย
อดีต
ถ้าเราเป็นฝ่ายถูกทิ้งมาก่อนหน้านี้ หรือถูกนอกใจเป็นประจำ ก็คงเป็นเหตุผลสมควรที่จะไม่ไว้ใจคนรัก เราเรียนรู้จากประสบการณ์ว่าคนบางคนไม่ควรค่าที่จะมอบความไว้วางใจให้ หรือไม่งั้นเราก็มองคนไม่เก่งนัก ถ้าครั้งสุดท้ายที่คนรักออกไปซิ่งนอกบ้าน แล้วแอบไปสะบึมกับคนอื่น จึงมีสิทธิ์ที่เราจะโมเมได้ทันทีว่า คนรักที่อยู่ด้วยกันในปัจจุบันก็น่าจะทำแบบนั้นเช่นกัน ถึงแม้มันอาจฟังดูงี่เง่าก็เถอะ ก็คนมันมีปมในใจนี่นะ
ประวัติความซื่อสัตย์ของตัวเอง
ถ้าเกิดรู้สึกว่ามันช่างยากเย็นเข็ญใจเหลือเกินที่จะซื่อสัตย์กับคนเพียงคนเดียว ในเมื่อคิดแบบนี้เราก็อาจเหมาเอาว่าคนอื่นก็คงคิดเหมือนกัน นักจิตวิทยาบอกว่า นี่คือการมองเห็นคุณสมบัติ (แย่ๆ) ของตัวเองในตัวผู้อื่น เราไม่ไว้ใจตัวเอง (ไม่ว่าตอนนี้หรือในอดีต) ดังนั้นเราก็เลยไม่ไว้ใจคนรักไปด้วยโดยปริยาย ถ้าเรามีนิสัยนอกใจผู้อื่นเป็นอาจิณ แถมยังหนีรอดลอยนวลมาได้ตลอด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนอื่นก็ต้องทำแบบนี้กับเราเหมือนกัน...กงกรรมกงเกวียนไงคะ.